- Details
- Category: Ethereum
- Published: Friday, 07 April 2023 11:48
- Hits: 2142
เมษายน 2566 ก้าวที่ยิ่งใหญ่ของ Ethereum ถือเป็นการอัพเกรดครั้งสำคัญ ต่อจาก ‘The merge’
แม้ว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ราคา 'Bitcoin' ถือว่าปรับตัวขึ้นมาเด่นที่สุดกว่า 70% แต่สำหรับ 'ETH'คริปโทเคอร์เรนซีอันดับ 2 ของตลาดคริปโทฯ ก็กำลังจะมีกิจกรรมสำคัญในเดือนเมษายน 2566 นั่นก็คือการอัพเกรด 'Ethereum Shapella'ซึ่งกิจกรรมสำคัญครั้งนี้มีผลกระทบต่อคริปโทเคอร์เรนซีอย่างไรบ้าง? นักลงทุนควรเตรียมแผนรับมืออย่างไร? ทาง Merkle Capital จะขอสรุปให้ฟังกันครับ
นายวรเมธ จันทร์เสน ที่ปรึกษาการลงทุน บริษัท เมอร์เคิล แคปปิตอล จำกัด ได้ให้มุมมองคริปโทเคอร์เรนซีอันดับ 2 ของโลกไว้อย่างน่าสนใจว่าจากที่ผ่านมา มีประกาศสำคัญจาก Ethereum Foundation เรื่องการอัพเกรด 'Ethereum shapella' ที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 12 เมษายนนี้ ถือเป็นการอัพเกรดครั้งสำคัญของ Ethereum ต่อจาก ‘The merge’ ซึ่งก่อนจะทำความเข้าใจ Shapella นั้น ขอสรุปประเด็นหลังจากการอัพเกรด The Merge ในช่วงกันยายนในปี 2022 ก่อน
The Merge จุดเริ่มต้นจาก 'Proof of work'(POW) สู่ 'Proof of stake' (POS)
ซึ่งการอัพเกรด 'The Merge' ทำให้ระบบการทำงานของ Ethereum ถูกเปลี่ยนจาก Proof of work (POW) เป็นแบบ Proof of stake (POS) สรุปให้เข้าใจง่ายคือ เมื่อก่อนนั้น Ethereum ใช้ระบบเป็น Proof of Work ซึ่งตัวเหรียญจะสามารถขุดออกมาได้จากการใช้เครื่องขุดโดยพลังงานไฟฟ้า แต่หลังจากเปลี่ยนเป็น Proof of Stake แล้ว จะทำให้การเกิดใหม่ของเหรียญ ETH เกิดจากการล็อคเหรียญ (Staking) แทน ซึ่งระบบนี้ทำให้เหรียญ ETH เกิดใหม่น้อยกว่าเดิมและใช้พลังงานไฟฟ้าน้อยลง
โดยแนวทางทั้งหมดเป็นที่เห็นชอบจาก Ethereum foundation โดยมี Votalik Buterin เป็นหลัก ซึ่งในการอัพเกรด Shapella ในเดือนเมษายน 2566 นี้ คือการที่ระบบของ Ethereum จะเพิ่มฟีเจอร์การถอนเหรียญ ETH (Unstaking ETH) มาให้กับนักลงทุนที่ทำการล็อคไว้ในปีที่แล้ว ซึ่งฟีเจอร์นี้จะทำให้สภาพคล่องของเหรียญ ETH สูงขึ้นและลดค่าธรรมเนียมของการยืนยันธุรกรรมบน Ethereum chain อีกด้วย
ดังนั้น ณ ปัจจุบัน การที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน Ethereum chain หรือต้องการที่จะได้รับเหรียญ ETH นั้น สามารถทำได้โดยการล็อค (Staking) เหรียญ ETH ไว้ขั้นต่ำ 32 ETH และจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 4.5% ต่อปี
โดยปัจจุบันยังไม่มีระบบการถอน ETH ที่ถูกล็อคไว้ ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาด้านสภาพคล่องที่ทำให้ทั้งรายใหญ่และรายย่อยไม่กล้านำเหรียญ ETH ของตนเองไป Staking นอกจากนี้ยังต้องใช้ ETH กว่า 32 ETH ตีมูลค่าเป็นเงินบาทประมาณเกือบสองล้านบาท (ราคา ณ ปัจจุบัน) ซึ่งต้องใช้ต้นทุนที่ใหญ่มากสำหรับรายย่อย
จึงเกิดธุรกิจบริการ Liquid staking ขึ้นมา เพื่อช่วยให้รายย่อยสามารถล็อคหรือถอน ETH ได้สะดวกหรือง่ายขึ้น โดยลดจำนวนวันที่ถูกล็อค กำหนดขั้นต่ำที่น้อยกว่า 32 ETH ทำให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น และการอัพเกรด ‘Ethereum Shapella’ จะเพิ่มคำสั่งในการถอน ETH ที่ถูกล็อคไว้ ทำให้ปัญหาสภาพคล่องหมดไป รวมถึงลดค่าธรรมเนียมของ Ethereum chain ให้ถูกลงอีกด้วย
สรุปประเด็นหลักรับมือ 'Ethereum shapella'3 ข้อ
1. ผลกระทบโดยตรงกับราคา ETH - ETH ที่ถูกล็อคไว้กว่า 6 เดือนสามารถถอนออกมาได้ มีโอกาสเกิดแรงขายระยะสั้นจากนักลงทุนบางส่วนที่ถอนออกมาจากระบบ แต่หากมองในระยะยาว การอัพเกรดครั้งนี้จะทำให้ผู้คนเข้าถึงการล็อค ETH ที่ง่ายขึ้น รวมถึงค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมที่ต่ำลงอีก เหตุผลนี้จะทำให้คนที่อยู่บนเครือข่ายอื่นหรือนักลงทุนกลุ่มใหม่เข้ามาใช้ Ethereum chain มากขึ้นซึ่งเป็นผลดีต่อราคาในระยะยาว
2. ผลกระทบกับราคาเหรียญกลุ่ม Liquid staking - เหรียญกลุ่มนี้เป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบจากการอัพเกรดครั้งนี้เช่นเดียวกัน หากการถอน ETH นั้นสามารถทำได้ด้วยตนเอง มีโอกาสที่นักลงทุนบางกลุ่มกังวลเรื่องความปลอดภัยของแพลตฟอร์มและทำการล็อคกับทาง Ethereum โดยตรงแต่ยังมีปัจจัยเรื่องขั้นต่ำ 32 ETH ที่ยังคงเป็นปัญหา ทำให้ระยะสั้นอาจเกิดแรงเทขายขึ้นบ้าง แต่ในระยะยาว ปัจจัยของผู้ใช้งานมีแนวโน้มคล้ายกับข้อข้างต้น
คือการอัพเกรดนี้ทำให้ผู้ใช้งานเข้าถึง Ethereum ได้ง่ายขึ้น ดังนั้นกลุ่มนักลงทุนที่ต้องการล็อคเงินที่จำนวนไม่มากก็ยังคงใช้งานกลุ่ม Liquid staking เช่นเดิม ข้อควรระวัง!! ลดความเสี่ยงด้วยการใช้แพลตฟอร์มที่มีสภาพคล่องต่ำหรือนำ ETH ไปสร้างผลกำไรต่อ เพื่อความปลอดภัยที่สูงขึ้นสามารถใช้แพลตฟอร์มที่เป็นกลุ่มแนวหน้าของ Sector นี้เช่น Lido หรือ Rocket pool เป็นต้น
3. ผลกระทบต่อภาพรวม Ethereum Ecosystem - การอัพเกรดครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ทำให้ค่าทำธุรกรรมถูกลง ทำให้การเข้าถึง Ehereum ecosystem ง่ายขึ้นและจะส่งผลให้มีผู้ใช้งานบน ETH chain เพิ่มสูงขึ้นซึ่งเป็นผลดีต่อมูลค่าของแพลตฟอร์มและราคาเหรียญในภาพรวมของ Ethereum Ecosystem ต่อไป
เกี่ยวกับ บริษัท คริปโตมายด์ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด และ บริษัท เมอร์เคิล แคปปิตอล จำกัด
บริษัท คริปโตมายด์ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จํากัด เป็นกลุ่มบริษัทที่ประกอบธุรกิจให้คำปรึกษาด้านบล็อกเชนและการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ประกอบไปด้วย บริษัท เมอร์เคิล แคปปิตอล จำกัด ซึ่งได้รับใบอนุญาตเป็นผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัลจากสำนักงาน ก.ล.ต.
โดยมีกลยุทธ์การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลที่นักลงทุนสามารถลงทุนได้อย่างปลอดภัย และ บริษัท คริปโตมายด์ แอดไวเซอรี่ จำกัด บริการที่ปรึกษาสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งแรกของไทยอย่างเป็นทางการภายในการกำกับดูแลของ ก.ล.ต. ซึ่งเปิดบริการให้คำปรึกษา วิเคราะห์การลงทุนด้านสินทรัพย์ดิจิทัลแก่ทั้งกลุ่มบุคคลและนิติบุคคล และการบริหารจัดการด้านอีเว้นท์ เช่น Blockchain Thailand Genesis และคอมมูนิตี้ เช่น Bitcoin Addict Thailand
เพจให้ความรู้ด้านสินทรัพย์ดิจิทัลเช่น Cryptomind Advisory Blockchain Review , Kim DeFi Daddy, Coinman และ Sanjay Popli ที่มีผู้ติดตามรวมกันมากกว่า 500,000 คน และเพื่อให้คนไทยได้มีช่องทางในการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลที่ง่ายและปลอดภัยยิ่งขึ้น สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทเราโปรดดูได้ทางเว็บไซต์ https://cryptomind.group และ https://merkle.capital/
ข้อมูลสำหรับสื่อมวลชน กรุณาติดต่อ ดวงกมล คล่องบุญจิต (นัตตี้)
Tel: 065-164-5399 Email: [email protected], [email protected]
ธัญญลักษณ์ โควินทเศรษฐ (พลอย) Tel: 080-922-3917 Email: [email protected]