มติ 8 ต่อ 1'ป.ป.ช.'ชี้มูล 250 ส.ส. ฟันอาญาพท.-สลับร่าง-เสียบัตร
แนวหน้า : นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาความเห็นขององค์คณะไต่สวน กรณีถอดถอนอดีต ส.ส. 250 ราย จัดทำร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมที่มาของ ส.ว. โดยมิชอบ ว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดอดีต ส.ส. จำนวน 250 ราย โดยแบ่งออกเป็น ผู้ถูกกล่าวหากลุ่มแรก 239 คน มีพฤติการณ์ร่วมลงลายมือชื่อเสนอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับที่มาของ ส.ว. และได้พิจารณาและลงมติในวาระที่ 1 วาระที่ 2 และวาระที่ 3 คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีมติเสียงข้างมาก 8 ต่อ 1 ว่า การกระทำดังกล่าวมีมูลความผิดฐานส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 291 (1) วรรคหนึ่ง
กลุ่มที่สอง มีผู้ถูกกล่าวหา 1 ราย ร่วมลงลายมือชื่อแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับที่มาของ ส.ว. ซึ่งแม้จะมิได้มีมติรับหลักการในวาระที่ 1 แต่ได้พิจารณาในวาระที่ 2 และลงมติในวาระที่ 3 เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าว คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีมติเสียงข้างมาก 8 ต่อ 1 ว่า การกระทำดังกล่าวมีมูลความผิดฐานส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 291 (1) วรรคหนึ่ง
กลุ่มที่สาม มีผู้ถูกกล่าวหา 10 ราย ร่วมลงลายมือชื่อแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับที่มาของ ส.ว. และได้พิจารณาและลงมติในวาระที่ 1 แม้ไม่ได้พิจารณาในวาระที่ 2 แต่ก็ได้ลงมติในวาระที่ 3 เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าว คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีมติเสียงข้างมาก 8 ต่อ 1 ว่า การกระทำดังกล่าวมีมูลความผิดฐานส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 291 (1) วรรคหนึ่ง
ดังนั้น จึงมีมติรวบรวมพยานหลักฐานส่งให้ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อให้ดำเนินการถอดถอนต่อไปภายในระยะเวลา 15 วัน
นายสรรเสริญ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังมีมติให้แจ้งข้อกล่าวหาอดีต ส.ส. อีก 3 ราย ในความผิดทางอาญาด้วย ได้แก่ นายอุดมเดช รัตนเสถียร อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย มีพฤติการณ์ว่าสลับร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งไม่เป็นไปตามขั้นตอนของมติแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญ ส่วนนายคมเดช ไชยศิวามงคล อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย และนายนริศร ทองธิราช อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย มีพฤติการณ์เสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน จึงมีมติให้แยกเรื่องนี้ไปดำเนินการทางอาญาต่อไป
นายสรรเสริญ กล่าวต่ออีกว่า ส่วนนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย จากการไต่สวนข้อเท็จจริงปรากฏพฤติการณ์ว่ามีส่วนร่วมกระผิดทางอาญา โดยการเสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน ในการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขที่มาของ ส.ว. คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีมติควรสงสัยว่าบุคคลดังกล่าวกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา หรือทุจริตตามตำแหน่งหน้าที่ตามมาตรา 66 ของ พ.ร.บ.ป.ป.ช. จึงให้ดำเนินการไต่สวนต่อไป
นายสรรเสริญ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีอดีต ส.ส. อีก 2 ราย ที่ร่วมลงลายมือชื่อแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับที่มาของ ส.ว. แม้จะพิจารณาและลงมติในวาระที่ 1 แต่ไม่ได้ลงมติในวาระที่ 2 และไม่ได้ลงมติในวาระที่ 3 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 ว่า ข้อกล่าวหาไม่มีมูล เห็นควรให้ข้อกล่าวหาเป็นอันตกไป ขณะเดียวกันยังมีอดีต ส.ส. อีก 3 ราย ร่วมลงลายมือชื่อแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับที่มาของ ส.ว. และได้ลงมติในวาระที่ 1 วาระที่ 2 และในวาระที่ 3 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์การกระทำดังกล่าวมีมูลความผิดฐานส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 291 (1) วรรคหนึ่ง แต่ต่อมาปรากฏว่าทั้ง 3 ราย ถึงแก่ความตายเสียก่อน ความผิดเป็นอันระงับไป จึงจำหน่ายคดีออกจากสารบบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า การชี้มูลครั้งนี้ใช้ฐานความผิดตามรัฐธรรมนูญปี 2550 อย่างเดียวใช่หรือไม่ นายสรรเสริญ กล่าวว่า ใช่ เป็นความผิดตามรัฐธรรมนูญปี 2550 อย่างเดียว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีนี้คล้ายคลึงกับอดีต ส.ว. 38 ราย ที่ สนช. มีมติไม่ถอดถอนหรือไม่ นายสรรเสริญ กล่าวว่า ไม่ได้ว่าซ้ำรอยกันเป๊ะ ๆ แต่ละการกระทำมันจะไม่เหมือนกัน เวลาพิจารณาถอดถอน จะพิจารณาในรายละเอียดของการกระทำแต่ละการกระทำ ถ้าบอกว่า ชี้มูลความผิดเฉพาะรัฐธรรมนูญปี 2550 อย่างเดียวจะไม่ถูกถอดถอน มันไม่ใช่แบบนั้น แต่ต้องดูพฤติการณ์ของการกระทำด้วย เราก็เห็นว่าสามารถวินิจฉัยได้ เพราะมีกฎหมายให้วินิจฉัย และวินิจฉัยตามคำที่ร้องมา กรณีการถอดถอนนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อดีต ส.ส. 250 ราย ที่ถูกชี้มูลความผิดในครั้งนี้นั้น มีชื่อของ พ.ต.อาณันย์ วัชโรทัย อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ปัจจุบันเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) รวมอยู่ด้วย