- Details
- Category: สำนักนายกฯ
- Published: Sunday, 22 May 2022 09:47
- Hits: 7148
นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดการติดตามผลการบังคับใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด หวังยึดทรัพย์ตัดวงจรยาเสพติด พร้อมรับใบเซอทิฟิเขท จากกลุ่มเจ้าหน้าที่ประสานงานยาเสพติดและอาชญากรรมต่างประเทศ หรือ FANC เนื่องจากเล็งเห็นความมุ่งมั่นของรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดแนวใหม่ที่สอดคล้องกับแนวทางของ UN
? นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดการติดตามผลการบังคับใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด หวังยึดทรัพย์ตัดวงจรยาเสพติด พร้อมรับใบเซอทิฟิเขท จากกลุ่มเจ้าหน้าที่ประสานงานยาเสพติดและอาชญากรรมต่างประเทศ หรือ FANC เนื่องจากเล็งเห็นความมุ่งมั่นของรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดแนวใหม่ที่สอดคล้องกับแนวทางของ UN
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานพิธีเปิดการติดตามผลการบังคับใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด โดยมีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นางสาวณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม เข้าร่วม ณ ห้องประชุมชิดชัย วรรณสถิตย์ ชั้น ๓ อาคาร ๒ ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)
โดยนายสมศักดิ์ กล่าวรายงานว่า ขอขอบคุณนายกรัฐมนตรี เป็นอย่างสูง ที่ได้กรุณาให้เกียรติมาเป็นประธานในการติดตามผลการบังคับใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติดในวันนี้ พร้อมทั้งเปิดปฏิบัติการ “ยุทธการพิทักษ์ไทย ยึดทรัพย์ ตัดวงจรยาเสพติด”ผ่าน Cisco Webex Meeting โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมรวมทั้งสิ้นประมาณ ๕๐๐ คน ซึ่งจากที่นายกรัฐมนตรี ได้เปิดแผนปราบปรามยาเสพติด จึงทำให้สังคมรับทราบว่า รัฐบาลจริงจังกับการปราบปรามยาเสพติด จนทำให้ผลการสำรวจความเห็นจากนิด้าโพล พบว่า ประชาชน มีความพอใจ ร้อยละ ๓๙.๘๘ และพอใจมาก ถึงร้อยละ ๒๑.๕๖
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวอีกว่า รัฐบาล ได้ตั้งเป้าหมาย เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติด ด้วยการยึดอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้อง โดยในปี ๒๕๖๔ รัฐบาลตั้งเป้ายึดทรัพย์ ๖,๐๐๐ ล้านบาท แต่สามารถยึดทรัพย์ได้เกินเป้ากว่า ๗,๐๐๐ ล้านบาท และเมื่อมีประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่ การริบทรัพย์สินทำงานได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม โดยมีการตั้งเป้าหมายในปี ๒๕๖๕ ต้องยึดทรัพย์สินให้ได้ ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ ระยะเวลาผ่านมา ๒๓๑ วัน สามารถยึดทรัพย์ได้แล้วกว่า ๘,๔๕๓ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๘๕ แบ่งเป็น ของ ป.ป.ส. ๓,๙๘๘ ล้านบาท ของคณะทำงานพาลีปราบยา ๑,๓๘๐ ล้านบาท และยึดทรัพย์ที่จะได้จากการปฎิบัติการในวันนี้ ๓,๐๘๔ ล้านบาท
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ข้อดีของประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่นี้ คือรางวัลนำจับที่มีมากถึง ๓๐% ของมูลค่าทรัพย์ที่ยึดได้ โดย ๒๕% เป็นของเจ้าหน้าที่ผู้สืบสวนและทำคดี และ อีก ๕% เป็นของผู้แจ้งเบาะแส ซึ่งมีมูลค่าถึง ๕๐๐ ล้านบาท ตรงนี้ถือเป็นการดึงภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการปราบปรามยาเสพติด ให้ช่วยแจ้งเบาะแส ขณะเดียวกัน ในการขยายผลยึดทรัพย์ ป.ป.ส. มีข้อจำกัดในความรู้เชิงลึกของเครือข่าย เนื่องจากไม่ได้เป็นผู้สืบสวนมาแต่ต้น โดยนักค้ายาเสพติดเป็นเครือข่ายสลับซับซ้อน ดังนั้นเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว จึงอยากให้นายกรัฐมนตรี สนับสนุนให้ ป.ป.ส. มีอำนาจในการเป็น “เจ้าพนักงานสืบสวน” โดยแก้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาคดียาเสพติด มาตรา ๑๑/๑(๘) ด้วย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวอีกว่า ขอขอบคุณกลุ่มเจ้าหน้าที่ประสานงานยาเสพติดและอาชญากรรมต่างประเทศ หรือ FANC ซึ่งมีหน่วยงานประจำประเทศไทย ๒ หน่วยงาน จาก ๒๔ ประเทศ ที่ได้มอบใบเซอทิฟิเขท ให้กับนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเล็งเห็นความมุ่งมั่นของรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดแนวใหม่ ที่สอดคล้องกับแนวทางของ UN
ขณะที่ พลเอกประยุทธ์ ได้มอบนโยบายการติดตามผลการบังคับใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติดว่า จากรายงานผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจ และยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะถือเป็นกลไกการแก้ปัญหายาเสพติดแบบครบวงจร ซึ่งผลการดำเนินงานได้พัฒนาเป็นลำดับ โดยหลายอย่างมีความก้าวหน้า แต่ก็มีบางอย่างที่ต้องปรับปรุง อาทิ กฎหมาย ที่ ป.ป.ส.ขอให้สนับสนุนเพิ่มอำนาจ รวมถึงอุปสรรคเรื่องเครื่องมือในการยึดทรัพย์ ทางรัฐบาล ก็จะรับไปพิจารณา
พลเอกประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ยาเสพติด ถือเป็นวาระแห่งชาติ ที่ทุกหน่วยงานต้องร่วมมือกัน เพราะทุกคนทราบดีถึงภัยของยาเสพติด ดังนั้น รัฐบาลหวังว่า จะหมดไป เนื่องจากขณะนี้ เรามีกฎหมายใหม่ ถือเป็นการเปิดมิติใหม่ในการแก้ปัญหายาเสพติด ที่ได้มีการรวบรวมกฎหมาย เพื่อลดความซ้ำซ้อน และทำให้ประชาชนเข้าถึง โดยกฎหมายใหม่ ได้มีการปรับบทลงโทษที่รุนแรง และไม่แยกความผิดออก ซึ่งเรามีการพิจารณาให้เกิดความเป็นธรรม ด้วยการลดโทษคดีไม่รุนแรง แต่ไปเน้นลงโทษหนักกับผู้ค้า เพื่อให้โอกาสผู้เสพ และเพื่อช่วยลดความแออัดในเรือนจำ
พลเอกประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ ตนได้มอบนโยบายไปแล้ว และได้มีการกำหนดเป้าหมาย จนเดินใกล้ถึงเป้าหมายแล้ว เพราะทุกคนนำไปปฎิบัติอย่างเคร่งครัด ที่ยึดทรัพย์ได้แล้วกว่า แปดพันล้านบาท จากเป้าหมาย หนึ่งหมื่นล้านบาท ดังนั้น จากนี้ ขอให้ทุกหน่วยงานปฎิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง เพราะด้วยสถานการณ์โควิด อาจส่งผลให้ผู้เสพ และผู้ค้า เปลี่ยนวิธี จึงอาจทำให้เกิดรายใหม่ ตนจึงอยากให้ช่วยกันลดจำนวนผู้เสพยาให้น้อยที่สุด โดยต้องให้ความสำคัญกับหมู่บ้าน ชุมชน โรงเรียน เพื่อช่วยกันป้องกัน
พลเอกประยุทธ์ กล่าวต่อว่า การปราบปรามยาเสพติด เรามุ่งเน้นการขยายผลไปสู่นายทุน จึงเน้นการยึดทรัพย์ เพื่อตัดท่อน้ำเลี้ยง ควบคู่กับการให้รางวัลนำจับ เพื่อป้องกันเจ้าหน้าที่รับสินบนจากผู้ค้า รวมถึงจากนี้ตนอยากให้เร่งสร้างภูมิคุ้มกันว่า ยาเสพติด เป็นสิ่งที่อันตราย ที่เสมือนเป็นการฆ่าตัวตายทางอ้อม ซึ่งตนขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยกันเร่งทำงาน และขออย่าประมาทในการทำงาน โดยใช้อาวุธด้วยความระมัดระวังด้วย
ขณะเดียวกัน ภายในงาน กลุ่มเจ้าหน้าที่ประสานงานยาเสพติดและอาชญากรรมต่างประเทศ หรือ FANC ได้มอบใบเซอทิฟิเขท ( Certificate)ให้กับนายกรัฐมนตรี ด้วย รวมถึง นายสมศักดิ์ ได้มีการมอบเงินรางวัลการดำเนินการขยายผล ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด จำนวน 4 หน่วยงาน คือ ตำรวจภูธรภาค ๑ ,ตำรวจภูธรภาค ๕ ,กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และ สำนักงาน ป.ป.ส. รวมมูลค่าทั้งหมด ๗.๕๕ ล้านบาท นอกจากนี้ ภายหลังเปิดงาน นายกรัฐมนตรี ยังได้ชมงานการขายทอดตลาดทรัพย์สินคดียาเสพติด ด้วย
นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า วันนี้เป็นวันสำคัญ เพราะนายกรัฐมนตรี มาตรวจการบ้าน หลังมีกฎหมายยาเสพติดใหม่ เพื่อช่วยเรื่องการยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติด ดังนั้น เป้าหมาย ๑ หมื่นล้าน ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะขณะนี้ เรายึดทรัพย์ได้แล้ว ๘,๔๕๓ ล้านบาท ซึ่งในอดีตรัฐบาลก่อนหน้า ทำได้ไม่เกิน ๖๐๐ ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีรางวัลนำจับอีก โดยประชาชน ที่แจ้งเบาะแสจะได้รางวัลนำจับ ๕% หรือ ตั้งงบประมาณ ๕๐๐ ล้านบาท ดังนั้น ขอให้ผู้ค้ายารีบเลิก เพราะเรามั่นใจว่า จะปราบปรามยาเสพติดได้แบบเชิกรุก และเรามั่นใจได้ว่า ไม่มีข้าราชการคนใด จะช่วยขบวนการค้ายา เพราะเรามีรางวัลนำจับให้เจ้าหน้าที่ถึง ๒๕%
#นายกรัฐมนตรี #พิธีเปิดการติดตามผลการบังคับใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด #หวังยึดทรัพย์ตัดวงจรยาเสพติด #รับใบเซอทิฟิเขท #กลุ่มเจ้าหน้าที่ประสานงานยาเสพติดและอาชญากรรมต่างประเทศ #FANC #เล็งเห็นความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหายาเสพติดแนวใหม่ #สอดคล้องกับแนวทางของUN
https://www.facebook.com/mojthofficial/posts/540603850768487