ป.ป.ช.กับปมยื้อคดี'มาร์ค-สุเทพ'
สรรเสริญ พลเจียก, สมลักษณ์ จัดกระบวนพล
|
หมายเหตุ - นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และ น.ส.สมลักษณ์ จัดกระบวนพล อดีตคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีขอให้ ป.ป.ช.ถอดถอนรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีมีพฤติการณ์ส่อว่าทุจริตต่อหน้าที่ และฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานตามจริยธรรมอย่างร้ายแรง ในการสลายการชุมนุม ในวันที่ 10 เมษายน 2553-19 พฤษภาคม 2553 นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. (องค์คณะไต่สวน) เลื่อนสรุปสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีกล่าวหาถอดถอนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีตผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) สั่งใช้กำลังทหาร ตำรวจ และข้าราชการพลเรือนเข้าสลายการชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในวันที่ 10 เมษายน 2553-19 พฤษภาคม 2553 ว่าองค์คณะไต่สวนได้พิจารณาสำนวนเรื่องดังกล่าวตามที่คณะทำงานนำมาเสนอแล้ว พบว่ายังมีข้อเท็จจริงอื่นที่เจ้าหน้าที่ยังต้องไปทำสรุปเพิ่มเติมมาอีก และให้พิจารณาในประเด็นข้อกฎหมายเพิ่มเติมด้วยว่า ตัวข้อเท็จจริงกับข้อกฎหมายนั้น ตามกรอบอำนาจหน้าที่ของผู้ดำเนินการเป็นอย่างไร อย่างไรก็ดีข้อเท็จจริงของเรื่องนี้ ดำเนินการและได้รายงานเข้าที่ประชุมเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ยังเป็นกรอบกว้างๆ อยู่ ไม่รัดกุม จึงได้มอบ ได้ไปสรุปใหม่ และให้กลับมารายงานองค์คณะอีกครั้งในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2558 และจึงพิจารณาส่งไปยังที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดใหญ่อีกครั้งในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2558 "ได้ให้ไปทำความเห็นกลับเข้ามาว่า มาตรา 17 พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯนั้น กับข้อเท็จจริงที่ได้มา มันสอดคล้องกันอย่างไร และฝ่ายที่ทำความเห็นจะต้องบอกมาด้วยว่า มีความเห็นต่อข้อกฎหมายอย่างไร ให้หาข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงแนวทางปฏิบัติ ในกฎหมายของเรื่องนี้ ว่ามีแนวอื่น หรือมีข้อเท็จจริง ที่เคยนำมาพิจารณาวินิจฉัยที่ผ่านมาหรือไม่ เคยวินิจฉัยกันมาแล้วหรือไม่ ดังนั้น ฝ่ายเลขาฯจะต้องไปรวบรวมเพื่อนำมาเสนอใหม่อีกครั้งว่าคดีอื่นๆ ที่พิจารณามา มีแนวทางอย่างไร ปฏิบัติกันอย่างไร ตรงนี้เป็นรายละเอียดที่ต้องไปดำเนินการมาเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม กรณีที่ ป.ป.ช.ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการยื้อการพิจารณาคดีดังกล่าวออกไปอีก ว่าไม่ได้ยื้ออยู่แล้ว ทุกเรื่องหากมีประเด็นที่ยังไม่เรียบร้อย ที่ประชุมจะต้องให้กลับไปทำใหม่ทั้งหมด ทุกๆ เรื่องเหมือนกันหมด ไม่ได้ยื้อ ยืนยัน" น.ส.สมลักษณ์ จัดกระบวนพล อดีตคณะกรรมการ ป.ป.ช. หากพิจารณาตามหลักการที่ถูกต้องมองว่าการที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาคดีการถอดถอน นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ กรณีการสั่งการสลายการชุมนุมกลุ่มเสื้อแดง เมื่อปี 2553 ล่าช้ากว่าคดีถอดถอนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีโครงการรับจำนำข้าวนั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องสองมาตรฐานตามที่มีเสียงครหาออกมาแต่อย่างใด เพราะตามปกติเวลาที่สำนวนคดีเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม ป.ป.ช.ถ้ากรรมการฯพิจารณาแล้วเห็นว่าสำนวนยังไม่สมบูรณ์หรือมีข้อบกพร่อง ก็จะต้องมอบหมายให้ทางอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงไปดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานและเอกสารเพิ่มเติมเพื่อทำให้สำนวนมีข้อมูลที่ครบถ้วน อย่างไรก็ตาม การพิจารณาสำนวนคดีโดยเฉพาะการตีความทางกฎหมายนั้นหลักฐานต้องมีความสมบูรณ์เพียงพอ หากบกพร่องหรือขาดพยานหลักฐานก็จะทำไม่ได้ เพราะสิ่งสำคัญคือก่อนที่จะพิจารณาจำเป็นต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ถูกกล่าวหาด้วย "หากเทียบกรณีการถูกกล่าวหาว่ากระทำการให้ทรัพย์สินหรือเงินของทางราชการเสียหาย กับการถูกกล่าวหากระทำการให้เสียชีวิตของคนนั้น ต้องดูว่าสิ่งใดสำคัญ ส่วนตัวมองว่าการเสียทรัพย์สินยังมีโอกาสได้คืนหากมีการแก้ไขและปรับปรุง แต่ชีวิตของคนเรานั้น หากเสียไปแล้วไม่สามารถแก้ไขหรือเรียกกลับคืนมาได้ จึงคิดว่าการเสียชีวิตคนเป็นเรื่องใหญ่มาก จึงต้องใช้เวลาพิจารณาด้วยความรอบคอบ" |