'สมคิด'เผยจะประชุมสรุปโครงการทวายร่วมญี่ปุ่นแบบเต็มเฟส ก.พ.นี้ พร้อมสร้างนิคมฯ เฟสแรกใน Q1/59
'สมคิด' เผยจะประชุมสรุปโครงการทวายร่วมญี่ปุ่นแบบเต็มเฟส ก.พ.นี้ พร้อมสร้างนิคมฯ เฟสแรกใน Q1/59 ทั้ง การพัฒนานิคมฯ โรงผลิตไฟฟ้าในพื้นที่พักอาศัย ท่าเรือขนาดเล็ก อ่างเก็บน้ำ ถนนสองเลนสู่ประเทศไทย และการวางโครงข่ายโทรศัพท์พื้นฐาน
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการประชุมคณะกรรมการร่วมระดับสูงระหว่างไทย-เมียนมา เพื่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง ครั้งที่ 5 ว่า การดำเนินการเฟสแรก คาดว่าจะสรุปแผนการก่อสร้างได้ภายในไตรมาสที่ 1 ของปี 2559 เพื่อดำเนินการแผนการก่อสร้างต่างๆ ประกอบด้วย การพัฒนานิคมอุตสาหกรรม โรงผลิตไฟฟ้าพื้นที่พักอาศัย ท่าเรือขนาดเล็ก อ่างเก็บน้ำ ถนนสองเลนสู่ประเทศไทย และการวางโครงข่ายโทรศัพท์พื้นฐาน นอกจากนี้การพัฒนาระยะแรกจะรวมถึงการสร้างสถานีรับ LNG อีกด้วย
นายสมคิด ยืนยัน เมียนมามีความมั่นใจมากขึ้นว่าแผนการดำเนินการก่อสร้างโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย หรือ ฟลูเฟส จะเป็นไปได้ หลังจากที่ญี่ปุ่นเข้ามาร่วมลงทุน โดยหลังจากนี้จะเร่งสรุปมูลค่าโครงการใหม่ทั้งหมด โดยคณะกรรมการไทยเมียนมา จะประชุมกันอีกครั้งช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2559 เพื่อสรุปมูลค่าโครงการลงทุนทั้งหมด จากเดิมกว่า 4 แสนล้านบาท จะก่อสร้างหลายโครงการ เช่น ขยายถนน 4 เลน โรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ การตั้งนิคมอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมเหล็กและเคมีภัณฑ์
ทั้งนี้ ผู้แทนระดับสูงจากประเทศไทย เมียนมา และญี่ปุ่น ยังได้ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามข้อตกลงของผู้ถือหุ้น ของนิติบุคคลเฉพาะกิจ หรือ SPV ระหว่างธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น หรือ JBIC ในฐานะตัวแทนรัฐบาลญี่ปุ่น สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน หรือ สพพ.ในฐานะตัวแทนรัฐบาลไทย และสำนักความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศของเมียนมา หรือ FERD ในฐานะตัวแทนของรัฐบาลเมียนมา เพื่อทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาหลักให้กับคณะกรรมการบริหารโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย โดยเงินลงทุนเพื่อตั้งบริษัทของแต่ละประเทศ 6 ล้านบาท
ขณะเดียวกันไทย และเมียนมา ยังบรรลุข้อตกลงในการใช้เงินสกุลบาท-จ๊าด ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษทวายระหว่างไทย เมียนมา เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่การค้าและการลงทุนในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย รวมถึงความเป็นไปได้ในการให้บริษัทประกันต่างชาติสามารถให้บริการทางการเงินในเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย เพื่อสนับสนุนโครงการ ซึ่งได้มอบหมายให้คณะทำงานร่วมไทย-เมียนมา ด้านการเงินการลงทุน นำไปหารือเพื่อให้ได้ข้อสรุปร่วมกันต่อไป
นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการจัดทำแผนการย้ายถิ่นฐานและการจ่ายค่าชดเชยประชากรที่ได้รับผลกระทบ ให้สอดคล้องกับแนวทางการปฏิบัติขององค์กรระหว่างประเทศ พร้อมทั้งจัดทำรายการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม หรือ EIA เพื่อให้การพัฒนาเป็นไปอย่างนั่งยืน รวมถึงอยู่ระหว่างการจัดจั้งศูนย์บริการจุดเดียวเบ็ดเสร็จ หรือ OSSC เพื่อให้บริการแก่นักบงทุนนานาชาติในอนาคต
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายระยะแรก จะดึงดูดนักลงทุนจากทั้งในและนอกภูมิภาค เพื่อสร้างแรงขับเคลื่อนสำหรับการพัฒนาต่อไปในระยะยาว ซึ่งในโครงการในระยะยาวจะครอบคลุมพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และประกอบด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เช่น ท่าเรือน้ำลึก และทางหลวงพิเศษเชื่อมโยงพื้นที่โครงการทวายสู่ชายแดนไทย
อนึ่งการประชุมในวันนี้ เป็นการประชุมระหว่างคณะกรรมการบริหารโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย หรือ Dawei SEZ Management Committee หรือ DSEZMC และกลุ่มบริษัทพัฒนา ซึ่งประกอบด้วย บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) บริษัทสวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) และบริษัท LNG Plus International จำกัด
รมว.คมนาคม เผยหารือญี่ปุ่น-เมียนมา เร่งรัดโครงสร้างพื้นฐานในเขตศก.พิเศษทวาย คาดได้ข้อสรุปม.ค. 59
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงการประชุมร่วมคณะกรรมการร่วมระดับสูง 3 ฝ่าย ระหว่างไทย-เมียนมา-ญี่ปุ่น เพื่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง ครั้งที่ 5 ว่า ขณะนี้ญี่ปุ่นได้เข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนพัฒนาโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษร่วมกับไทย-เมียนมา โดย ในการประชุม 3 ฝ่ายได้มีการหารือถึงการเร่งรัดโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้ความมั่นใจกับนักลงทุน เช่น ถนนสองช่องจราจร ซึ่งจากการลงนามสัมปทานการพัฒนาโรงสร้างพื้นฐานระยะแรก บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งญี่ปุ่นจะช่วยเหลือในด้านการศึกษาความเหมาะสม 2 ช่องจราจร ซึ่งคาดว่าจะได้รับความชัดเจนในเดือนมกราคม 2559
ในส่วนของการสร้างคลังก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ LNG ในท่าเรือน้ำลึก จะต้องมีการปรับในส่วนของท่าเรือน้ำลึก เพื่อให้เหมาะสมต่อการสร้าง LNG รวมถึงการร้างท่าเรือเฉพาะเพื่อให้เอื้อต่ออุตสาหกรรมเหล็ก ด้านการสร้างโรงไฟฟ้าได้มอบหมายให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กระทรวงพลังงาน หารือร่วมกับรัฐบาลเมียนมาในการสร้างสายส่ง 115 kv จากท่าเรือโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย ถึงชายแดนไทย ซึ่งในช่วงแรกเขตนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวยังไม่เพียงพอ ดังนั้นจึงต้องดึงไฟฟ้าจากไทยช่วยในการดำเนินงาน
สำหรับ ในระยะต่อไป โครงการโรงไฟฟ้าที่ทวายเกิดขึ้น อาจจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าส่วนเกิน ซึ่งจะมีการทำสัญญาซื้อขายให้ไทยต่อไป ซึ่งกระทรวงพลังงานไทยจะหารือกับกระทรวงพลังงานเมียนมาต่อไป ขณะเดียวกันหลังจากที่มีการประชุมร่วมกันแล้วอย่างเป็นทางการระหว่างไทย เมียนมา และญี่ปุ่น เพื่อวางรากฐานแนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายร่วมกันในระยะยาวต่อไป
ทั้งนี้ ในส่วนของสัดส่วนการลงทุนนั้น ทุนจดทะเบียนเริ่มต้นเท่ากันที่ประเทศละ 6 ล้านบาท ทั้งนี้ไทยได้ขอให้ญี่ปุ่นศึกษาเกี่ยวกับการเชื่อมชายแดนไปทวาย โดยรถไฟโลจิสติกส์ด้วย ซึ่งหากวางแผนระหว่างรถไฟและถนนไปพร้อมกันได้ เชื่อว่าไทยจะเกิดประโยชน์สูงสุด เพราะจะช่วยประหยัดต้นทุน
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย