สคร.แก้กม.ดึงเอกชนพัฒนาระบบราง
ไทยโพสต์ * สคร.เดินเกมแก้กฎหมายร่วมทุนรัฐ-เอกชน หวังกำหนดขอบเขตการเข้าโครงการให้ชัดเจน อนาคตเตรียมดึงแผนลงทุนระบบขนส่งรางร่วมแจมทั้งหมด
นายกุลิศ สมบัติศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรม การนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า สคร.เร่งแก้ปัญหา พ.ร.บ.ให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจ การของรัฐ (พีพีพี) เนื่องจากมีนิยามที่ไม่ชัดเจน ทำให้รวบโครง การลงทุนต่างๆ มาอยู่ภายใต้กฎ หมายพีพีพีหมด ซึ่งจะต้องมีการ แก้ไขโดยการออกกฎหมายลูก เพื่อกำหนดให้ชัดเจนว่าโครงการประเภทไหนที่ควรจะเข้ามาอยู่ใน พ.ร.บ.ร่วมทุนดังกล่าวได้บ้าง
โดยที่ผ่านมา สคร.ได้หารือเบื้องต้นกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงคมนาคม นักวิชาการ นักกฎหมาย สำนักงานอัยการสูงสุด ผู้รับเหมา ซึ่งเห็นว่าควรกำหนดโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งเข้ามาอยู่ภายใต้กฎหมายพีพีพี
นอกจากนี้ จะต้องมีการให้คณะกรรมการด้านยุทธศาสตร์พีพีพีเพื่อพิจารณาเห็นชอบยุทธ ศาสตร์ดังกล่าว โดยจากการหา รือกับกระทรวงคมนาคม เบื้องต้น โครงการที่จะเข้าพีพีพีได้ ประ กอบด้วย ระบบขนส่งทางรางทั้ง หมด ไม่ว่าจะเป็นรถไฟรางคู่ หรือรถไฟฟ้าใต้ดินที่จะมีการดำเนินการก่อสร้างอีก 8 เส้นทางในอนาคต รวมถึงการก่อสร้างทาง ด่วนของการทางพิเศษแห่งประ เทศไทย (กทพ.)
"แม้ว่ากฎหมายพีพีพีจะยังไม่มีความชัดเจน แต่ สคร.ก็ยังเชื่อว่าจะมีการร่วมลงทุนเอก ชนกับรัฐภายใต้กฎหมายนี้ในปี งบประมาณ 2558 นี้"นายกุลิศ กล่าว
ทั้งนี้ ที่ผ่านมากระทรวงการคลังประเมินว่าจะมีการร่วมลงทุนในโครงการพีพีพีเป็นเม็ดเงินมูลค่าโครงการอย่างน้อย 7 พันล้านบาท
นายกุลิศกล่าวอีกว่า การออกกฎหมายลูกภายใต้กฎหมายพีพีพี มีทั้งหมด 15 ฉบับ ดำเนินการเสร็จไปแล้ว 12 ฉบับ ที่เหลืออยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งมีการเขียนกฎหมายลูกกำหนดคำนิยามของโครงการที่จะให้เข้ามาชัดเจนดังกล่าว และยังมีกฎหมายลูกเกี่ยวกับการตั้งหน่วยปฏิบัติการด้านพีพีพี เพื่อวิเคราะห์โครงการที่จะเข้ามาลงทุน ว่ามีความเหมาะสมและสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของการลงทุนพีพีพีหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ยังมีกฎหมายลูกเรื่องการตีมูลค่าโครงการ 1 พันล้านบาท ให้ชัดเจนว่าจะตีมูลค่าจากส่วนไหนบ้าง เช่น การลงทุนในพื้นที่ราชพัสดุไม่ต้องให้ นำมูลค่าที่ดินมาตีโครงการ เพราะเป็นการเช่า เป็นต้น ขณะเดียวกันก็ต้องเขียนให้ชัดเจนว่าโครงการที่มูลค่าต่ำกว่า 1 พันล้านบาท แต่เป็นโครงการที่อยู่ในข่ายของกฎหมายร่วมทุนตามกฎหมายพีพีพี จะให้ดำเนินการอย่างไรโดยที่ไม่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายพีพีพี เพื่อให้มีความคล่องตัวในการลงทุน ซึ่งกฎหมายลูกทั้งหมดต้องทำให้เสร็จภายในสิ้นปีนี้.