WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

BOI หรญญา สจนยBOI เผยอนุมัติลงทุนกลุ่มอุตฯเกษตรแล้ว 2.7 หมื่นลบ. กระตุ้นใช้วัตถุดิบกว่า 8.4 หมื่นลบ. พร้อมสร้างรายได้ส่งออกกว่า 6.2 หมื่นลบ./ปี

     นางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เผยทิศทางการลงทุนกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและผลิตผลจากการเกษตรสดใส โดยได้อนุมัติส่งเสริม การลงทุนแล้วรวมกว่า 27,000 ล้านบาท กระตุ้นการใช้วัตถุดิบในประเทศกว่า 84,400 ล้านบาท ต่อปี สร้างรายได้จากการส่งออกสูงกว่า 62,600 ล้านบาทต่อปี ผู้ประกอบการเน้นจับมือสถาบันวิจัย และสถาบันการศึกษาเร่งพัฒนาเทคโนโลยีและ นวัตกรรมการผลิตเพิ่มขีดความสามารถแข่งขัน

    "ช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2559 ที่ผ่านมา การลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรกรรมและผลิตผล จากการเกษตรมีทิศทางขยาย ตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีโครงการที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนจากบี โอไอแล้วรวม 78 โครงการ เงินลงทุนกว่า 27,041 ล้านบาท และเมื่อโครงการทั้งหมดเปิด ดำเนินการประเมินว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งจากมูลค่าการใช้วัตถุดิบในประเทศปีละกว่า 84,400 ล้านบาท และสร้างรายได้จากการส่งออกสูงกว่า 62,600 ล้านบาทต่อปี" เลขาธิการบีโอไอ กล่าว

     สำหรับ กิจการที่ได้รับส่งเสริมการลงทุนมีจำนวนหลายโครงการที่เป็นการนำ นวัตกรรมและวิทยา ศาสตร์มาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เช่น โครงการผลิตกะทิแช่แข็งและซอสปรุงรสต่างๆ ซึ่งผู้ประกอบ การได้ผ่านการเข้าร่วมวิจัยกับศูนย์วิทยาศาสตร์ประสาทสัมผัส เชิงโมเลกุล พัฒนางานวิจัยด้านกลิ่น รสในอาหารไทย ที่จัดขึ้นระหว่างคณะวิทยาศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ Technical University of Munich โดยได้นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต กะทิแช่ แข็ง เพื่อให้กะทิเกิดการเปลี่ยนแปลงในคุณสมบัติต่างๆ น้อยเมื่อเทียบกับการแปรรูปโดยใช้ ความร้อน ทั้งความหอม และสดใหม่ ลูกค้าสำคัญ มีทั้งร้านอาหารชื่อดังที่อยู่ใน 1 ใน 50 ร้าน อาหารที่ดีที่สุดในโลก รวมถึงโรงแรมชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ

 กิจการผลิตเครื่องดื่มข้าวกล้องงอกผสมสมุนไพรชนิดผง เป็นการใช้วัตถุดิบหลักในประเทศซึ่งเป็นข้าว เปลือกสายพันธุ์ต่าง ๆ เช่น พันธุ์ไรซ์เบอรี่ พันธุ์สังข์หยด พันธุ์ก่ำดอย และพันธุ์หอมนิล โดยบริษัทผู้ ลงทุนวางแผนจัดเจ้าหน้าที่ร่วมกับกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อให้ความรู้ และดูแลเกษตรกรตั้งแต่ การปลูกข้าวและสมุนไพรไปจนถึงการเก็บเกี่ยวเข้าโรงงาน

 กิจการผลิตสารให้ความหวานที่แปรรูปจากข้าวโพด เช่น มอลไทสไซรัป ฟรักโทสไซรัป และกลูโคส เพื่อป้อนให้กับตลาดของความต้องการบริโภคสารให้ความหวานในประเทศที่ปัจจุบัน มีการนำเข้าใน ปริมาณสูง และยังไม่เพียงพอ

 เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า ล่าสุดได้อนุมัติส่งเสริมการลงทุนในกิจการสารสกัดจากเปลือกไข่ เพื่อ ให้ได้ผลิตภัณฑ์ไบโอแคลเซียม และคอลลาเจน เพื่อเป็นวัตถุดิบในการผลิตผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม อุตสาหกรรมอาหาร ยาและเครื่องสำอาง ซึ่งกิจการดังกล่าวบริษัทผู้ลงทุนได้รับความร่วมมือจากศูนย์ พันธุวิศวกรรม และเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (BIOTECH, NSTDA) กับบริษัทผู้ทำวิจัย ได้ร่วมกัน ทำวิจัยโครงการผลิตแคลเซียมชีวภาพและโปรคอลลาเจนจากเปลือกไข่ เหลือทิ้งจนได้องค์ความรู้ที่ สำคัญมาพัฒนาเพื่อดำเนินธุรกิจในเชิง พาณิชย์ โดยกิจการผลิตแคลเซียมในรูปแบบนี้เป็นกิจการแรกที่ ได้รับส่งเสริมการลงทุนใน ประเทศไทย

   "แนวโน้มของการลงทุนในกิจการอุตสาหกรรมเกษตรกรรมและผลิตผลจากการเกษตร นั้นขยายตัว โดยเฉพาะจะมีรูปแบบของกิจการที่มาจากความร่วมมือกับสถาบันวิจัย สถาบันการศึกษา หรือนำผล งานการวิจัยและพัฒนา เข้ามาช่วยเพื่อให้เกิดการใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ ๆ ในการพัฒนา คุณภาพ และลดต้นทุนการผลิต รวมถึงรองรับกับทิศทางของความต้องการของตลาด ซึ่งนอกจากจะ ช่วยด้านการใช้วัตถุดิบทางด้านผลผลิตทางการเกษตรแล้ว ส่วนหนึ่งยังส่งเสริมอุตสาหกรรมสนับสนุน ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเฉพาะเกษตรกร ทำให้เศรษฐกิจท้องถิ่นหรือชุมชนเติบโตได้อย่างยั่งยืน ตามนโยบายรัฐบาลอีก ด้วย" นางหิรัญญา กล่าว

     เลขาธิการบีโอไอ มั่นใจว่า ทิศทางของการลงทุนในอุตสาหกรรมเกษตรกรรมและผลิตผลจากการ เกษตรยังจะมีอย่าง ต่อเนื่อง และมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก โดยปัจจุบันบีโอไอได้ออกมาตรการส่ง เสริมการลงทุนเมืองนวัตกรรมอาหาร (Food Innopolis) ซึ่งจะทำให้การลงทุนในด้าน อุตสาหกรรมเกษตรกรรมและผลิตผลจากการเกษตร รวมถึงอุตฯอาหาร เติบโตได้อย่างครบวงจร และจะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงถึง 8 ปี ไม่จำกัดวงเงินภาษีที่ได้รับยกเว้น และได้รับยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร รวมถึงสิทธิประโยชน์อื่นๆ ตามหลักเกณฑ์ทั่วไป

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

BOI เผยการลงทุนกลุ่มอุตฯ เกษตร กระตุ้นใช้วัตถุดิบในประเทศกว่า 8.4 หมื่นลบ.-สร้างรายได้ส่งออกกว่า 6.2 หมื่นลบ./ปี

     เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เผยทิศทางการลงทุนกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและผลิตผลจากการเกษตรสดใส โดยได้อนุมัติส่งเสริมการลงทุนแล้วรวมกว่า 27,000 ล้านบาท กระตุ้นการใช้วัตถุดิบในประเทศกว่า 84,400 ล้านบาทต่อปี สร้างรายได้จากการส่งออกสูงกว่า 62,600 ล้านบาทต่อปี ผู้ประกอบการเน้นจับมือสถาบันวิจัยและสถาบันการศึกษาเร่งพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิตเพิ่มขีดความสามารถแข่งขัน

     "ช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2559 ที่ผ่านมา การลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรกรรมและผลิตผลจากการเกษตรมีทิศทางขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีโครงการที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอแล้วรวม 78 โครงการ เงินลงทุนกว่า 27,041 ล้านบาท และเมื่อโครงการทั้งหมดเปิดดำเนินการประเมินว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งจากมูลค่าการใช้วัตถุดิบในประเทศปีละกว่า 84,400 ล้านบาท และสร้างรายได้จากการส่งออกสูงกว่า 62,600 ล้านบาทต่อปี" นางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการบีโอไอ กล่าว

       สำหรับ กิจการที่ได้รับส่งเสริมการลงทุนมีจำนวนหลายโครงการที่เป็นการนำนวัตกรรมและวิทยาศาสตร์มาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เช่น โครงการผลิตกะทิแช่แข็งและซอสปรุงรสต่างๆ ซึ่งผู้ประกอบการได้ผ่านการเข้าร่วมวิจัยกับศูนย์วิทยาศาสตร์ประสาทสัมผัสเชิงโมเลกุล พัฒนางานวิจัยด้านกลิ่นรสในอาหารไทย ที่จัดขึ้นระหว่างคณะวิทยาศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ Technical University of Munich โดยได้นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตกะทิแช่แข็ง  เพื่อให้กะทิเกิดการเปลี่ยนแปลงในคุณสมบัติต่างๆ น้อยเมื่อเทียบกับการแปรรูปโดยใช้ความร้อน ทั้งความหอม และสดใหม่ ลูกค้าสำคัญ มีทั้งร้านอาหารชื่อดังที่อยู่ใน 1 ใน 50 ร้านอาหารที่ดีที่สุดในโลก รวมถึงโรงแรมชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ

       กิจการผลิตเครื่องดื่มข้าวกล้องงอกผสมสมุนไพรชนิดผง เป็นการใช้วัตถุดิบหลักในประเทศซึ่งเป็นข้าวเปลือกสายพันธุ์ต่าง ๆ เช่น พันธุ์ไรซ์เบอรี่ พันธุ์สังข์หยด พันธุ์ก่ำดอย และพันธุ์หอมนิล  โดยบริษัทผู้ลงทุนวางแผนจัดเจ้าหน้าที่ร่วมกับกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อให้ความรู้ และดูแลเกษตรกรตั้งแต่การปลูกข้าวและสมุนไพรไปจนถึงการเก็บเกี่ยวเข้าโรงงาน

       กิจการผลิตสารให้ความหวานที่แปรรูปจากข้าวโพด  เช่น มอลไทสไซรัป ฟรักโทสไซรัป และกลูโคส เพื่อป้อนให้กับตลาดของความต้องการบริโภคสารให้ความหวานในประเทศที่ปัจจุบันมีการนำเข้าในปริมาณสูง และยังไม่เพียงพอ

     เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า ล่าสุดได้อนุมัติส่งเสริมการลงทุนในกิจการสารสกัดจากเปลือกไข่ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ไบโอแคลเซียม  และคอลลาเจน เพื่อเป็นวัตถุดิบในการผลิตผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร ยาและเครื่องสำอาง ซึ่งกิจการดังกล่าวบริษัทผู้ลงทุนได้รับความร่วมมือจากศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (BIOTECH, NSTDA) กับบริษัทผู้ทำวิจัย ได้ร่วมกันทำวิจัยโครงการผลิตแคลเซียมชีวภาพและโปรคอลลาเจนจากเปลือกไข่เหลือทิ้งจนได้องค์ความรู้ที่สำคัญมาพัฒนาเพื่อดำเนินธุรกิจในเชิงพาณิชย์ โดยกิจการผลิตแคลเซียมในรูปแบบนี้เป็นกิจการแรกที่ได้รับส่งเสริมการลงทุนในประเทศไทย

     "แนวโน้มของการลงทุนในกิจการอุตสาหกรรมเกษตรกรรมและผลิตผลจากการเกษตรนั้นขยายตัว โดยเฉพาะจะมีรูปแบบของกิจการที่มาจากความร่วมมือกับสถาบันวิจัย สถาบันการศึกษา หรือนำผลงานการวิจัยและพัฒนา เข้ามาช่วยเพื่อให้เกิดการใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ ๆ ในการพัฒนาคุณภาพ และลดต้นทุนการผลิต รวมถึงรองรับกับทิศทางของความต้องการของตลาด ซึ่งนอกจากจะช่วยด้านการใช้วัตถุดิบทางด้านผลผลิตทางการเกษตรแล้ว ส่วนหนึ่งยังส่งเสริมอุตสาหกรรมสนับสนุนทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเฉพาะเกษตรกร ทำให้เศรษฐกิจท้องถิ่นหรือชุมชนเติบโตได้อย่างยั่งยืนตามนโยบายรัฐบาลอีกด้วย" นางหิรัญญา กล่าว

     เลขาธิการบีโอไอ มั่นใจว่า ทิศทางของการลงทุนในอุตสาหกรรมเกษตรกรรมและผลิตผลจากการเกษตรยังจะมีอย่างต่อเนื่อง และมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก โดยปัจจุบันบีโอไอได้ออกมาตรการส่งเสริมการลงทุนเมืองนวัตกรรมอาหาร (Food Innopolis) ซึ่งจะทำให้การลงทุนในด้านอุตสาหกรรมเกษตรกรรมและผลิตผลจากการเกษตร รวมถึงอุตฯอาหาร เติบโตได้อย่างครบวงจร และจะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงถึง 8 ปี ไม่จำกัดวงเงินภาษีที่ได้รับยกเว้น และได้รับยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร รวมถึงสิทธิประโยชน์อื่นๆ ตามหลักเกณฑ์ทั่วไป

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!