- Details
- Category: บีโอไอ
- Published: Thursday, 04 September 2014 22:58
- Hits: 4112
BOI ชงบอร์ดเคาะ 10 โครงการ ปั๊มเงินลงทุนกว่า 5 หมื่นล้าน
แนวหน้า : บีโอไอ ชงบอร์ดเคาะ 10 โครงการมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านบาท สัปดาห์หน้ามั่นใจทั้งปีเข้าเป้า 7 แสนล้านบาท ด้านเวิลด์ อีโคโนมิกส์ ฟอรั่มรายงานศักยภาพการแข่งขันของไทยพุ่งขยับขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 31
นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการบีโอไอวันที่ 9 กันยายนนี้จะมีโครงการเข้าสู่การพิจารณาประมาณ 10 โครงการ มีมูลค่ารวมกว่า 5 หมื่นล้านบาท ในจำนวนนี้จะเป็นโครงการอีโคคาร์ 2 จำนวน 3 โครงการ ที่เหลือเป็นอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป และบริการ
ส่วนยอดการขอรับการส่งเสริมการลงทุนรวมใน 7 เดือนแรกของปีนี้ มีมูลค่า 3.8 แสนล้านบาท คาดว่าในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม จะมียอดคำขอรับการส่งเสริมฯเข้ามามาก และมั่นใจว่ายอดรวมทั้งปีจะถึงเป้าหมาย 7 แสนล้านบาทอย่างแน่นอน ขณะที่โครงการขอรับการส่งเสริมการลงทุนค้างท่อตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมามีมูลค่า 7 แสนล้านบาท ขณะนี้ได้ทยอยอนุมัติไปแล้ว 3.5 แสนล้านบาทและหลังจากประชุมบอร์ดบีโอไอในสัปดาห์หน้าก็คาดว่าจะมียอดรวมอนุมัติเพิ่มเป็น 4 แสนล้านบาท
“การประชุมบอร์ดบีโอไอครั้งนี้จะเป็นนัดสุดท้าย ก่อนที่รัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศและตั้งบอร์ดชุดใหม่ คาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน ซึ่งจะไม่กระทบต่อแผนการดำเนินงาน และการอนุมัติโครงการส่งเสริมการลงทุนแต่อย่างใด” นายอุดม กล่าว
สำหรับ แผนการส่งเสริมการลงทุนฉบับใหม่ที่จะนำมาใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2558 จะเป็นไปตามแผนที่วางไว้ อย่างไรก็ตามขณะนี้ บีโอไอเริ่มอนุมัติโครงการส่งเสริมการลงทุนตามแผนใหม่แล้ว เพื่อดึงดูดโครงการลงทุนที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเข้ามาในประเทศซึ่งจะเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและศักยภาพการแข่งขัน โดยจะให้การส่งเสริมในอุตสาหกรรมยานยนต์ ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยีแปรรูปสินค้าเกษตร เทคโนโลยีชีวภาพ และนาโนเทคโนโลยี เป็นต้น
เวิลด์ อีโคโนมิกส์ ฟอรั่ม (ดับเบิลยูอีเอฟ) เปิดเผยรายงานความสามารถในการแข่งขัน ปี 2014-2015 ของ 144 ประเทศทั่วโลก พบว่า ไทยอยู่ในอันดับที่ 31 ซึ่งนับว่าอันดับดีขึ้นจากปีที่แล้วที่อยู่ที่ 37 หรือดีขึ้นถึง 6 อันดับ และดีขึ้นจากปี 2012 ที่อันดับ 38 และ 2011 ที่อันดับ 39 อีกด้วย
ศักยภาพในการแข่งขันจะประเมินถึงปัจจัยต่างๆ ที่ช่วยในการขับเคลื่อนความมั่งคั่งของประเทศ โดยได้อ้างอิงจาก 12 มาตรวัดในด้านต่างๆ เช่น โครงสร้างพื้นฐาน สภาพแวดล้อมของเศรษฐกิจมหภาค ความมีประสิทธิภาพของตลาดแรงงาน มาตรวัดที่ประเทศไทยมีจุดอ่อนก็คือด้านนวัตกรรม และด้านสถาบันต่างๆ รวมถึงความเชื่อมั่นของประชาชนในตัวนักการเมืองและประสิทธิภาพการทำงานของรัฐบาล รวมไปถึงการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา
สำหรับ 10 อันดับประเทศของโลกที่มีความสามารถในการแข่งขันมากที่สุด ประจำปี 2014-2015 คือ 1.สวิตเซอร์แลนด์ 2.สิงคโปร์ 3.สหรัฐ 4.ฟินแลนด์ 5.เยอรมนี 6.ญี่ปุ่น 7.ฮ่องกง 8.เนเธอร์แลนด์ 9.สหราชอาณาจักร และ 10.สวีเดน
บีโอไอคาดยอดลงทุน 7 แสน ล.
บ้านเมือง : นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า ยอดการส่งเสริมการลงทุนของ บีโอไอ ในปี 57 ได้มีการส่งเสริมการลงทุนไปแล้วกว่า 4 แสนล้านบาท หลังก่อนหน้านี้ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากไม่มีคณะกรรมการ จึงไม่สามารถดำเนินการในเรื่องดังกล่าว และเป็นปัญหามาก่อนหน้านี้ แต่หลังจากนี้ไปมั่นใจว่าการส่งเสริมการลงทุน จะเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ที่ 7 แสนล้านบาทในปีนี้ ทั้งนี้ ทาง บีโอไอ จะมุ่งเน้นการดำเนินความสะดวกให้กับนักลงทุนให้มากขึ้น เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ ส่วนในปี 2558 นั้น ทาง บีโอไอ ยังไม่ได้มีการกำหนดเป้าหมายในการส่งเสริมการลงทุนไว้ที่ระดับใด เพราะต้องรอการประชุมคณะกรรมการในสัปดาห์หน้าก่อน จากปัจจัยต่างประเทศที่ยังไม่น่ากังวลเนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังค่อนข้างฟื้นตัวช้าอย่างต่อเนื่อง ขณะเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ดีในกรอบ 4.5-5.5% ซึ่งจะทำให้การลงทุนขยายตัวดีตามไปด้วย
นายอุดม กล่าวถึงการออกไปลงทุนในกลุ่มประเทศ CLMV ของนักลงทุนไทยว่า ในปี 56 มีผู้มาติดต่อขอรับข้อมูลด้านการลงทุนใน CLMV กว่า 1 พันราย หรือคิดเป็น 30% ของจำนวนนักลงทุนไทยในต่างประเทศในปีหน้า จึงได้เตรียมจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอ ขึ้นในประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย และเมียนมาร์ ซึ่งนอกเหนือจากการส่งเสริมการลงทุนในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านแล้ว
ทั้งนี้ ตามแผนการศึกษาลู่ทางการทำธุรกิจในกลุ่มตลาดการลงทุนใหม่ ปี 57 บีโอไอได้คัดเลือกให้มีการศึกษาข้อมูลเชิงลึกที่มีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจในทุกด้านที่เกี่ยวข้อง ครอบคลุม 4 ประเทศ ทั้งในแถบทวีปแอฟริกาและอเมริกาใต้ ได้แก่ สาธารณรัฐเคนยา สาธารณรัฐกานา สหสาธารณรัฐแทนซาเนีย และสาธารณรัฐเปรู เนื่องจากเป็นประเทศที่มีความน่าสนใจ
"ในปีนี้ได้ศึกษาข้อมูลเชิงลึกที่มีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจใน 4 ประเทศดังกล่าว เนื่องจากเป็นตลาดการลงทุนที่กำลังขยายตัว มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจกว่า 6% ติดต่อกันเป็นเวลาหลายปี โดยขณะนี้นักลงทุนไทยเริ่มออกไปลงทุนในตลาดใหม่มากขึ้น สะท้อนว่า อุตสาหกรรมไทย หลายกลุ่มมีศักยภาพมากพอที่จะแข่งขันกับต่างชาติ"
ชงอนุมัติบีโอไอ 5 หมื่นล้าน จากนักลงทุนไทย 100% และ'วิฑูรย์'ปลื้มขอรง.4 ทะลุ 500 ราย
ไทยโพสต์ : ศูนย์ฯ สิริกิติ์ * บีโอไอชง 10 โครงการเข้าบอร์ดพิจารณาสัปดาห์หน้า มูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านบาท ระบุ 7 เดือน ขอรับการส่งเสริม 3.8 แสนล้าน 'วิฑูรย์'ปลื้มเอกชนขอ รง.4 เดือน ส.ค.กว่า 500 ราย ด้าน สสว. เผย ดัชนีเอสเอ็มอีเดือน ก.ค.2557 ปรับตัวเพิ่ม
นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการบีโอไอ ในวันที่ 9 ก.ย.2557 นี้ จะมีโครงการเข้าสู่การพิจารณาประมาณ 10 โครงการ มีมูลค่ารวมกว่า 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้จะเป็นโครงการอีโค คาร์ 2 จำนวน 3 โครงการ นอก จากนี้จะเป็นอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป และบริการ
ส่วนยอดการขอรับการส่งเสริมการลงทุนรวมใน 7 เดือนแรกของปี 2557 นี้ มีมูลค่า 3.8 แสนล้านบาท คาดว่าในช่วงปลายปีช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. จะมียอดคำขอรับการส่งเสริมเข้ามามาก และมั่นใจว่ายอดรวมทั้งปี 2557 จะถึงเป้าหมาย 7 แสนล้านบาทอย่างแน่นอน ขณะที่โครงการขอรับการส่งเสริมการลงทุนค้างท่อตั้งแต่เดือน พ.ค.2557 ที่ผ่านมามีมูลค่า 7 แสนล้านบาท ขณะนี้ได้ทยอยอนุมัติไปแล้ว 3.5 แสนล้านบาท และหลังจากประชุมบอร์ดบีโอไอในสัปดาห์หน้าก็คาดว่าจะมียอดรวมอนุมัติเพิ่มเป็น 4 แสนล้านบาท
นายอุดมกล่าวว่าแผนการส่งเสริมการลงทุนฉบับใหม่ซึ่งมีผลบังคับใช้วันที่ 1 ม.ค.2558 นั้น ขณะนี้บีโอไอได้เริ่มอนุมัติโครง การส่งเสริมการลงทุนตามแผนใหม่แล้ว เพื่อดึงดูดโครงการลง ทุนที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเข้ามาในประเทศ ซึ่งจะเพิ่มมูลค่าให้ กับสินค้าและศักยภาพการแข่งขัน โดยจะให้การส่งเสริมในอุตสาห กรรมยานยนต์ ไฟฟ้าและอิเล็ก ทรอนิกส์ เทคโนโลยีแปรรูปสิน ค้าเกษตร เทคโนโลยีชีวภาพ และ นาโนเทคโนโลยี เป็นต้น นอก จากนี้จะให้การส่งเสริมในอุตสาห กรรมโรงไฟฟ้า เพราะแนวโน้มความต้องการใช้ไฟฟ้าภายในประ เทศเติบโตสูง และธุรกิจที่เกี่ยว ข้องกับการท่องเที่ยว เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น
"ในปี 2558 นั้น คาดว่าแรงดึงดูดการลงทุนจะมาจากเศรษฐกิจภายในประเทศ เพราะจะขยายตัวในระดับ 4.5-5.5% ขณะที่เศรษฐกิจโลกคาดว่าจะทรงตัวใกล้เคียงกับปี 2557 นี้ ซึ่งสองคล้องกับโครงสร้างนักลงทุนในขณะนี้ ที่เป็นการลงทุนจากนักลงทุนไทย 100% และร่วมลงทุนกับต่างชาติสูงถึง 60% ที่เหลือเป็นการลงทุนจากต่างชาติ 100% จึงมั่นใจว่าจะมีการลงทุนเพิ่ม แต่จะขยายตัวเท่าไรจะต้องรอผลการประเมินในช่วงปลายปี 2557 นี้"นายอุดม กล่าว
นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า หลังจากได้ปรับลดระยะเวลาการพิจารณาออกใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (รง.4) เหลือเพียง 30 วันในทุกกรณี ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2557 นั้น ส่งผลให้ 2 เดือนที่ผ่านมา (1 ก.ค.-31 ส.ค.57) มีผู้ประกอบการยื่นคำขอใบรง.4 ผ่านหน่วยงานอนุญาตของกระทรวงอุตสาหกรรม จำนวนรวมทั้งสิ้น 900 คำขอ โดยได้ดำเนินการอนุญาตแล้วเสร็จ จำนวน 715 คำขอ และอยู่ระหว่างดำเนินการไม่เกิน 30 วัน จำนวน 185 คำขอ คิดเป็นเงินลงทุนรวม 119,835 ล้านบาท และทำให้เกิดการจ้างงานรวม 40,297 คน เฉพาะในเดือน ส.ค.2557 มีการยื่นคำขอ รง.4 ทั้งสิ้น 469 คำขอ เพิ่มขึ้นจากเดือน ก.ค.2557 ที่ 8.8% คิดเป็นเงินลงทุน 79,008 ล้านบาท และเกิดการจ้างงาน 20,006 คน
รายงานข่าวจากสำนัก งานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) แจ้งว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการภาคการค้าและบริการ ประจำเดือน ก.ค.2557 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือน มิ.ย.2557 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 47.4 จากระดับ 46.1 โดยมีปัจจัยบวกมาจากการทรงตัวของราคาขายปลีกน้ำมัน และค่าครองชีพปรับตัวดีขึ้นผลจากราคาอาหารและพืชผักปรับตัวลดลง และการบริโภคในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 11 เดือน.