กลุ่มธุรกิจขอให้ทำเนียบขาวเลื่อนคำสั่งวัคซีน Biden Covid ออกไปจนกว่าจะพ้นวันหยุด
CNBC HEALTH AND SCIENCE : Spencer Kimball @SPENCEKIMBALL
ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ให้ข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับการรับมือและโครงการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในห้องรูสเวลต์ของทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2564
Nicholas Kamm | เอเอฟพี | เก็ตตี้อิมเมจ
ประเด็นสำคัญ
> เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวที่ OMB กำลังพบกับผู้ทำการแนะนำชักชวนสมาชิกรัฐสภาของอุตสาหกรรมในขณะที่ดำเนินการทบทวนขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับอาณัติวัคซีนโควิดของประธานาธิบดีโจ ไบเดน
> กลุ่มธุรกิจขอให้ฝ่ายบริหารรอจนกว่าจะถึงช่วงเทศกาลช้อปปิ้งวันหยุดเพื่อนำกฎนี้ไปใช้
> พวกเขากล่าวว่าอาณัติดังกล่าวอาจทำให้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานและซัพพลายเชนรุนแรงขึ้น
กังวลว่าคำสั่งฉีดวัคซีนโควิดของประธานาธิบดีโจ ไบเดนสำหรับบริษัทเอกชน อาจทำให้พนักงานต้องอพยพออกไปเป็นจำนวนมาก กลุ่มธุรกิจจึงร้องขอให้ทำเนียบขาวเลื่อนกฎออกไปจนกว่าจะพ้นช่วงเทศกาลวันหยุด
เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวที่สำนักงานการจัดการและงบประมาณได้จัดการประชุมหลายสิบครั้งกับสหภาพแรงงาน ผู้ทำการแนะนำชักชวนสมาชิกรัฐสภา และบุคคลทั่วไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ฝ่ายบริหารดำเนินการทบทวนขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับอาณัติ ซึ่งจะกำหนดให้ธุรกิจที่มีพนักงาน 100 คนขึ้นไปต้องแน่ใจว่าได้รับการฉีดวัคซีน ต้านโควิดหรือตรวจไวรัสทุกสัปดาห์ คาดว่าจะครอบคลุมประมาณสองในสามของกำลังแรงงานภาคเอกชน
เจ้าหน้าที่ OMB มีการประชุมหลายครั้งในวันจันทร์และวันอังคาร โดยมีกลุ่มต่างๆ ที่เป็นตัวแทนของทันตแพทย์ บริษัทขนส่ง บริษัทจัดหาพนักงาน และนายหน้า และอื่นๆ
American Trucking Associations ซึ่งจะประชุมกับ OMB ในวันอังคารนี้ เตือนฝ่ายบริหารเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าคนขับหลายคนมีแนวโน้มที่จะเลิกจ้างมากกว่าที่จะรับการฉีดวัคซีน ซึ่งทำให้ห่วงโซ่อุปทานของประเทศหยุดชะงักลงอีกเมื่ออุตสาหกรรมมีคนขับน้อยกว่า 80,000 คน
สมาคมขนส่งทางรถบรรทุกประเมินว่าบริษัทต่างๆ ที่อยู่ภายใต้อาณัติดังกล่าวอาจสูญเสียคนขับ 37% ผ่านการเกษียณอายุ การลาออก และคนงานที่เปลี่ยนไปใช้บริษัทขนาดเล็กที่ไม่อยู่ภายใต้ข้อกำหนด
‘ตอนนี้กำหนดให้นายจ้างต้องฉีดวัคซีน ซึ่งจะทำให้พนักงานต้องฉีดวัคซีน จะสร้างวิกฤตด้านแรงงานสำหรับอุตสาหกรรมของเรา ชุมชน ครอบครัว และธุรกิจที่เราให้บริการ’Chris Spear ประธานและซีอีโอของสมาคมเขียนในจดหมายถึง OMB เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว
ผู้ค้าปลีกยังกังวลเป็นพิเศษว่าคำสั่งดังกล่าวอาจกระตุ้นให้เกิดการลาออกซึ่งจะทำให้ปัญหาพนักงานในธุรกิจขาดแคลนมากขึ้น Evan Armstrong ผู้ทำการแนะนำชักชวนสมาชิกรัฐสภาของสมาคมผู้นำอุตสาหกรรมค้าปลีกกล่าว
‘มันเป็นช่วงเทศกาลวันหยุดที่วุ่นวาย อย่างที่คุณทราบ เนื่องจากซัพพลายเชนต้องดิ้นรน’ อาร์มสตรองกล่าวกับ CNBC หลังการประชุมกับเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว ‘นี่เป็นนโยบายที่ยากจะนำไปปฏิบัติ มันจะยิ่งยากขึ้นในช่วงเทศกาลวันหยุด’
คนงานที่ไม่ได้รับวัคซีนร้อยละ 30 กล่าวว่าพวกเขาจะออกจากงานแทนที่จะปฏิบัติตามวัคซีนหรืออาณัติการทดสอบตามผลสำรวจของ KFF ที่เผยแพร่เมื่อเดือนที่แล้ว Goldman Sachs ในบทวิเคราะห์ที่ตีพิมพ์เมื่อเดือนกันยายน กล่าวว่า อาณัติดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงานที่ตึงตัวอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทกล่าวว่าการตอบแบบสำรวจมักพูดเกินจริง และไม่ค่อยมีคนเลิกทำจริงๆ
สำนักงานความปลอดภัยและอาชีวอนามัยได้ส่งกฎสุดท้ายไปยัง OMB เมื่อวันที่ 12 ต.ค. และอาณัติดังกล่าวคาดว่าจะมีผลในไม่ช้าหลังจากที่หน่วยงานตรวจสอบเสร็จสิ้น
สหพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติ สมาคมรถบรรทุก และกลุ่มผู้นำการค้าปลีก ขอให้เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวให้เวลาธุรกิจ 90 วันในการปฏิบัติตามคำสั่งนี้ ส่งผลให้การดำเนินการล่าช้าไปจนถึงสิ้นเดือนมกราคมเป็นอย่างเร็วที่สุด
Business Roundtable บอกกับ CNBC ว่าสนับสนุนความพยายามในการฉีดวัคซีนของทำเนียบขาว แต่ฝ่ายบริหาร ‘ควรให้เวลาที่จำเป็นสำหรับนายจ้างในการปฏิบัติตาม และนั่นรวมถึงการคำนึงถึงปัญหาการรักษาพนักงาน ความท้าทายในห่วงโซ่อุปทาน และเทศกาลวันหยุดที่กำลังจะมาถึง’
หอการค้าสหรัฐฯซึ่งพบกับ OMB เมื่อวันที่ 15 ต.ค.ยังขอให้ฝ่ายบริหารชะลอการใช้กฎออกไปจนกว่าจะพ้นช่วงเทศกาลวันหยุด เจ้าหน้าที่ของ OMB ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับระยะเวลาดำเนินการ
อย่างไรก็ตาม อดีตเจ้าหน้าที่ของ OSHA ซึ่งจะบังคับใช้อาณัติดังกล่าว บอกกับ CNBC ว่าธุรกิจต่างๆ น่าจะมีเวลาพอสมควรในการดำเนินการตามกฎ
จอร์แดน บารับ รองผู้ช่วยเลขาธิการ OSHA ระหว่างการบริหารของโอบามา กล่าวว่า ฝ่ายบริหารอาจให้เวลาธุรกิจประมาณ 10 สัปดาห์ เช่นเดียวกับที่ทำกับผู้รับเหมาของรัฐบาลกลาง จนกว่าพนักงานจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนอย่างครบถ้วน
อย่างไรก็ตาม วันที่ปฏิบัติตามอาจมาเร็วกว่านี้สำหรับการทดสอบรายสัปดาห์ เขากล่าว
‘OSHA มีข้อกำหนดอยู่เสมอในกรณีที่อุปกรณ์ที่จำเป็น เช่น ซึ่งอาจขาดแคลนในการระงับการบังคับใช้ หากนายจ้างสามารถแสดงให้เห็นว่าได้ใช้ความพยายามโดยสุจริตในการจัดหาอุปกรณ์นั้น’ Barab กล่าว ‘พวกเขาอาจกำหนดวันที่ค่อนข้างเร็วสำหรับการทดสอบรายสัปดาห์ แต่ยังให้เวลาเพิ่มเติมในกรณีที่อุปกรณ์ไม่เพียงพอ’
ในจดหมายถึง James Frederick หัวหน้า OMB และ OSHA เมื่อวันจันทร์ที่แล้ว ได้ขอให้ฝ่ายบริหารยกเว้นธุรกิจจากข้อกำหนด หากพวกเขาได้ดำเนินการตามข้อบังคับทั่วทั้งบริษัทแล้ว หรือได้รับการฉีดวัคซีนในระดับหนึ่งในหมู่พนักงานผ่านโครงการโดยสมัครใจ หาก รับรองโดยหน่วยงานสาธารณสุขในท้องถิ่น
Robyn Boerstling ผู้ทำการแนะนำชักชวนสมาชิกรัฐสภาระดับแนวหน้าของกลุ่มผู้ผลิต เรียกข้อกำหนดของรัฐบาลกลางว่า ‘ซ้ำซากและมีค่าใช้จ่ายสูง’ สำหรับ บริษัทที่สนับสนุนการฉีดวัคซีนให้กับพนักงานของตนอยู่แล้ว Boerstling ยังแสดงความกังวลว่าธุรกิจที่มีพนักงานไม่เกิน 100 คนอาจสูญเสียคนที่มีค่าให้กับคู่แข่งที่ไม่ได้รับมอบอำนาจ
″ระยะเวลาในการดำเนินการตามความเป็นจริงสามารถช่วยให้มีการวางแผนกำลังคนที่จำเป็นเนื่องจากปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะรุนแรงและความท้าทายในห่วงโซ่อุปทานอย่างต่อเนื่องโดยสนับสนุนความจำเป็นในการเปิดการผลิตและดำเนินการ” Boerstling เขียนในจดหมายถึงฝ่ายบริหารเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
ในจดหมายของ American Trucking Associations เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ยังขอให้ฝ่ายบริหารพิจารณายกเว้นคนขับรถบรรทุกจากอาณัติ โดยให้เหตุผลว่าคนขับมีความคล้ายคลึงกับคนงานที่อยู่ห่างไกลเพราะพวกเขาไม่ได้โต้ตอบกับพนักงานคนอื่นเป็นเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์
ผู้ทำการแนะนำชักชวนชักชวนในอุตสาหกรรมได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการทดสอบและใครจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเหล่านั้น สมาคมผู้นำอุตสาหกรรมค้าปลีกเชื่อว่าพนักงานที่เลือกไม่รับการฉีดวัคซีนควรจ่ายเงินสำหรับการทดสอบรายสัปดาห์
“หากผู้คนได้รับอนุญาตให้ปฏิเสธการฉีดวัคซีน และนายจ้างยอมรับภาระหน้าที่ในการทดสอบในแง่ของต้นทุน ก็ไม่ต้องมีแรงจูงใจที่แท้จริงสำหรับพนักงานเหล่านั้นที่จะรับวัคซีน” อาร์มสตรองกล่าว ด้วยพนักงานค้าปลีกที่ไม่ได้รับวัคซีนประมาณ 4 ล้านคน ค่าใช้จ่ายในการทดสอบจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน เขากล่าว
อย่างไรก็ตาม Barab กล่าวว่า โดยทั่วไปแล้ว OSHA กำหนดให้นายจ้างต้องจ่ายค่าอุปกรณ์และขั้นตอนที่เรียกภายใต้กฎเกณฑ์ตลอดระยะเวลา 50 ปีของหน่วยงาน
ความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบอุตสาหกรรมของไบเดนของอาณัติวัคซีนในการจ้างงานมาหลังจากบันทึก 4,300,000 คนงานออกจากงานของพวกเขาในเดือนสิงหาคมซึ่งเป็นระดับสูงสุดของผลประกอบการในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมค้าปลีกได้รับผลกระทบหนักเป็นพิเศษ โดยมีพนักงาน 721,000 คนออกจากตำแหน่ง
Goldman Sachs กล่าวว่าอาณัติดังกล่าวจะช่วยเพิ่มการจ้างงานโดยลดการแพร่เชื้อของ Covid และลดความเสี่ยงด้านสุขภาพที่เป็นอุปสรรคต่อการมีส่วนร่วมของแรงงาน กระตุ้นให้คนงาน 5 ล้านคนที่ออกจากตลาดงานตั้งแต่เกิดโรคระบาดกลับมา
ห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกตึงเครียดเช่นกัน ท่ามกลางความต้องการสินค้าคงทนที่เกี่ยวข้องกับการระบาดใหญ่ การปิดโรงงานในสถานที่ต่างๆ เช่น จีนและเวียดนาม และการขาดแคลนคนขับรถบรรทุกและชายทะเลที่มีทักษะบนชายฝั่งตะวันตก
ทำเนียบขาวยอมรับว่าไม่สามารถแก้ไขปัญหาระดับมหภาค เช่น ความต้องการที่เพิ่มขึ้นและการดำเนินงานของโรงงานในต่างประเทศได้เพียงเล็กน้อย แต่เมื่อเร็วๆ นี้ได้ดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อช่วยเหลือ เช่น การเป็นนายหน้าซื้อขายเพื่อให้พอร์ตหลักของ West Coast เปิดตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์
'เรามีปัญหาด้านซัพพลายเชนอยู่แล้ว เรามีปัญหาการขาดแคลนแรงงานอยู่แล้ว' Ed Egee ผู้ทำการแนะนำชักชวนสมาชิกรัฐสภาระดับแนวหน้าของ National Retail Federation กล่าวกับ CNBC หลังการประชุมของกลุ่มกับ OMB เมื่อวันอังคารที่แล้ว ‘อาณัตินี้ไม่สามารถดำเนินการได้ในปี 2564 หากไม่มีผลกระทบร้ายแรงต่อเศรษฐกิจของอเมริกา’
— Nate Rattner และ Christina Wilkie แห่ง CNBC สนับสนุนรายงานนี้
******************************************
NDT : Newsdatatoday : ข่าวการลงทุน หุ้น สังคม ธุรกิจ หุ้น ดารา กีฬา อัพเดท!ทุกวัน..ทันเหตุการณ์