ทูตหาน จื้อเฉียง ให้สัมภาษณ์สถานี PPTV ‘ความสัมพันธ์จีน-ไทย และสถานการณ์ในภูมิภาค’
เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง ได้ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ PPTV ของไทย โดยเน้นตอบคำถามเกี่ยวกับไต้หวัน ความสัมพันธ์จีน-ไทย และสถานการณ์ในภูมิภาค ซึ่งออกอากาศในช่วงข่าวภาคค่ำของ PPTV เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม เนื้อหาหลักของการสัมภาษณ์มีดังนี้
ถาม: เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีโจโก วิโดโดของอินโดนีเซียได้เปิดเผยว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้ยืนยันเข้าร่วมการประชุมสุดยอด G20 ฝ่ายจีนสามารถยืนยันข่าวนี้ได้หรือไม่ นอกจากนี้ยังมีข่าวว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิงจะพบกับประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ ในระหว่างการประชุมสุดยอดครั้งนี้ด้วย ข่าวนี้จริงแค่ไหน และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอด APEC ที่ไทยเป็นเจ้าภาพหรือไม่
ตอบ: การประชุมสุดยอด G20 และการประชุมผู้นำอย่างไม่เป็นทางการของ APEC เป็นการประชุมระดับนานาชาติที่สำคัญเกี่ยวกับธรรมาภิบาลระดับโลกและความร่วมมือระดับภูมิภาค จีนให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการประชุมดังกล่าวและกำลังทำงานร่วมกับฝ่ายจัดงานเพื่อเตรียมความพร้อม สำหรับการพบปะระหว่างประธานาธิบดีสี จิ้นผิงและประธานาธิบดีโจ ไบเดนที่ท่านกล่าวถึงนั้น ผมไม่มีข้อมูลในเรื่องนี้ ทั้งนี้ ในฐานะประเทศมหาอำนาจทั้งคู่ ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งผู้นำของทั้งสองประเทศได้รักษาการติดต่อสื่อสารระหว่างการด้วยรูปแบบต่างๆ อยู่เสมอ
ถาม: หลังจากที่นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เยือนไต้หวันแล้ว ได้มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ทยอยไปเยือนไต้หวันอีก นอกจากนี้ สหรัฐฯ และเกาหลีใต้กำลังดำเนินการซ้อมรบทางทหาร อีกทั้งญี่ปุ่นก็วางแผนที่จะติดตั้งขีปนาวุธพิสัยไกล ฝ่ายจีนมองสถานการณ์ของภูมิภาคในปัจจุบันอย่างไร และมีข้อกังวลใดหรือไม่
ตอบ: รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ให้คำมั่นอย่างชัดเจนในแถลงการณ์ว่าด้วยการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับรัฐบาลจีนว่าสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นตัวแทนตามกฎหมายเพียงผู้เดียวของจีน ในโลกนี้มีจีนเดียว และไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน ประชาชนชาวอเมริกันกับประชาชนในไต้หวันมีความสัมพันธ์ทางการค้า วัฒนธรรมและด้านอื่นๆ ที่ไม่เป็นทางการนั้นเป็นแก่นสารหลักของหลักการจีนเดียว การเยือนไต้หวันของนางแนนซี เพโลซีในฐานะบุคคลสำคัญอันดับ 3 ของรัฐบาลสหรัฐฯ
เป็นการยกระดับความสัมพันธ์แบบทางการระหว่างสหรัฐฯ และไต้หวันอย่างจริงจัง ซึ่งได้ละเมิดหลักการจีนเดียวอย่างร้ายแรง และส่งผลเสียร้ายแรงต่ออธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดนของจีน ในเรื่องนี้ จีนได้ตอบโต้ด้วยมาตรการอย่างเด็ดขาด เราเรียกร้องให้ฝ่ายสหรัฐฯ หยุดพฤติกรรมที่ละเมิดคำมั่นสัญญาและหลักการจีนเดียว อีกทั้งเรียกร้องให้สหรัฐอเมนิกาหยุดสนับสนุนกลุ่มอิทธิพลที่คิดจะแบ่งแยกไต้หวันออกจากประเทศจีน และหยุดแทรกแซงกิจการภายในของจีน
สหรัฐอเมริกาได้จัดการซ้อมรบทางทหารในภูมิภาค พยายามติดตั้งอาวุธใหม่ และพยายามแสดงศักยภาพทางทหารของตนในทะเลจีนใต้และช่องแคบไต้หวัน ซึ่งเป็นอันตรายต่อสันติภาพและความมั่นคงของภูมิภาคนี้อย่างรุนแรง การรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ และการพัฒนาเป็นผลประโยชน์พื้นฐานร่วมกันของทุกประเทศในภูมิภาค สิ่งที่สหรัฐฯ กำลังกระทำนั้นขัดต่อผลประโยชน์พื้นฐานของทุกประเทศในภูมิภาคและไม่เป็นที่ปรารถนา หวังว่าฝ่ายสหรัฐฯ จะปฏิบัติตามความคาดหวังร่วมกันของทุกประเทศในภูมิภาคเพื่อรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค
อีกทั้ง หยุดการกระทำและยกเลิกแผนการที่เกี่ยวข้อง จีนคาดหวังและมีความมั่นใจในการทำงานร่วมกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเพื่อขจัดความวุ่นวายในปัจจุบัน ปกป้องภูมิภาคเอเชียตะวันออกอันเป็น “โอเอซิส” แห่งสันติภาพและการพัฒนาของโลก และป้องกันไม่ให้ภูมิภาคนี้ถูกดึงเข้าสู่ความวุ่นวายครั้งใหม่ในโลก
ถาม: จีนมีความคาดหวังอย่างไรต่อการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-ไทยในอนาคต และท่านให้ความสำคัญในประเด็นใดมากที่สุดสำหรับความสัมพันธ์จีน-ไทย
ตอบ: นับตั้งแต่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการฑูตในปี พ.ศ. 2518 เส้นทางของความสัมพันธ์จีน-ไทยเป็นเส้นทางอันรุ่งโรจน์ที่นำความผาสุกมาสู่ประชาชนของทั้งสองประเทศและสร้างการพัฒนาในภูมิภาคนี้อย่างสันติ ปัจจุบัน ประชาชนทั้งสองประเทศสามารถเห็นได้ว่ามิตรภาพอันดีระหว่างจีนและไทยได้ก่อให้เกิดประโยชน์มากมายแก่ทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 จีนและไทยได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เป็นเพื่อนยามยากอย่างแท้จริง หลังผ่านความร่วมมือในการต่อสู้กับโรคระบาด ทำให้มิตรภาพระหว่างชาวจีนและชาวไทยแนบแน่นมากยิ่งขึ้น เกิดแรงจูงใจที่จะดำเนินการความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกันเพิ่มมากขึ้นด้วย
ปัจจุบัน ขนาดเศรษฐกิจของจีนสูงถึง 17.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นสุทธิต่อปีเกือบ 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ การพัฒนาเศรษฐกิจของจีนได้นำโอกาสสำคัญใหม่ๆ มาสู่ความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกันระหว่างจีน-ไทย ไทยได้กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจและโมเดลเศรษฐกิจ BCGดังนั้น การส่งเสริมความร่วมมือที่ได้ประโยชน์ร่วมกันและการบรรลุความเจริญรุ่งเรื่องร่วมกันกำลังได้รับโอกาสครั้งประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยมีมาก่อน
ถ้าถามว่า ผมให้ความสำคัญกับอะไรมากที่สุด ผมคิดว่าทั้งสองประเทศควรพัฒนาความร่วมมือในด้านการเชื่อมต่อกัน ขณะนี้ทางรถไฟจีน-ลาวเปิดเดินรถแล้ว และทางรถไฟจีน-ไทยอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ในอนาคต จะมีการสร้างทางรถไฟสายใหม่ซึ่งพาดผ่านคาบสมุทรอินโดจีน เราทุกคนสามารถจินตนาการได้ว่าเมื่อถึงเวลานั้นจะเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากที่จีน และไทยมีการบูรณาการการพัฒนาเศรษฐกิจรวมกัน มีการไปมาหาสู่กันอย่างใกล้ชิด และแบ่งปันความมั่งคั่งและความก้าวหน้าด้วยกัน เมื่อถึงตอนนั้น ผมยินดีต้อนรับท่าน และเพื่อนร่วมงานนั่งรถไฟความเร็วสูงไปประเทศจีน