เอกอัครราชทูต หาน จื้อเฉียง แสดงปาฐกถาพิเศษที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม เอกอัครราชทูต หานจื้อเฉียง เข้าร่วมการประชุมวิชาการนานาชาติเกี่ยวกับการพัฒนาที่ยั่งยืนซึ่งจัดโดยสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ และกล่าวปาฐกถาในหัวข้อ ‘บรรลุการพัฒนาที่แข็งแกร่งและยั่งยืนมากยิ่งขึ้นด้วยกัน’
โดยแนะนำข้อริเริ่มว่า ด้วยการพัฒนาระดับโลก (Global Development Initiative) ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เน้นย้ำรักษาสภาพแวดล้อมที่สันติและมีเสถียรภาพสำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืน ปัองกันไม่ให้แนวคิดสงครามเย็นและอำนาจบาตรใหญ่นำพาโลกและภูมิภาคนี้ไปสู่สถานการณ์อันตราย
โดยมีรองศาสตราจารย์ ดร.ปรีชา จรุงกิจอนันต์ นายกสภาสถาบันฯ ศาสตราจารย์ ดรทิพวรรณ หล่อสุวรรณรัตน์. อธิการบดี สถาบันฯ Ms.Gita Sabharval ผู้ประสานงานสหประชาชาติประจำประเทศไทย Ms. Eeva Furman ผู้อำนวยการศูนย์นโยบายสิ่งแวดล้อมของสถาบันสิ่งแวดล้อมฟินแลนด์ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการด้านการพัฒนากว่า 300 คนจากประเทศไทยและต่างประเทศเข้าร่วมประชุม
เอกอัครราชทูตหานกล่าวว่าการพัฒนาเป็นหัวข้อนิรันดร์ของสังคมมนุษย์และเป็นกุญแจสำคัญสู่ความก้าวหน้าทางสังคมและความผาสุกของประชาชน ปัจจุบันนี้การแพร่ระบาดของโควิด-19เกิดขึ้นหลายระลอก การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกประสบความยากลำบาก และช่องว่างระหว่างซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้ขยายกว้างขึ้น ลัทธิกีดกันและลัทธิเอกภาคีนิยมมีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
สถานการณ์ความมั่นคงทางภูมิรัฐศาสตร์รุนแรง และประเด็นการพัฒนาถูกทำให้เป็นประเด็นทางการเมืองและถูกทำให้เป็นชายขอบ แม้ว่าสถานการณ์ระหว่างประเทศจะเปลี่ยนไปและการพัฒนาทั่วโลกต้องเผชิญกับอุปสรรค
แต่ความปรารถนาที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชนทั่วโลกไม่ได้เปลี่ยนไป ความคาดหวังในการพัฒนา และการแสวงหาความร่วมมือที่ได้ประโยชน์ร่วมกันไม่ได้เปลี่ยนไป ยิ่งในช่วงเวลาที่การพัฒนาระดับโลกได้รับผลกระทบรุนแรงขึ้นเท่าใด ความสำคัญและความเร่งด่วนของการพัฒนาก็จะยิ่งเด่นชัดขึ้นเท่านั้น สังคมโลกโดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนายิ่งควรให้ความสำคัญกับประเด็นการพัฒนามากขึ้น
เอกอัครราชทูตหานกล่าวว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ชี้ให้เห็นว่า ‘การพัฒนาเป็นกุญแจสำคัญในการแก้ไขปัญหาทั้งปวง’ จีนยึดมั่นเสมอมาที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเป็นอันดับแรก โดยเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจเป็นศูนย์กลาง และประสบความสำเร็จในการพัฒนาเป็นที่จับตามองของคนทั่วโลก เมื่อปี ค.ศ. 2021 จีดีพีของจีนอยู่ที่ 17.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 18% ของจีดีพีโลก และจีดีพีต่อหัวอยู่ที่ 12,500 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งใกล้เคียงกับระดับของประเทศที่มีรายได้สูงตามประมาณการโดยสหประชาชาติ
เศรษฐกิจของจีนมีส่วนสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของโลกมากที่สุดเป็นเวลาติดต่อกัน 15 ปี ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 30% จีนได้สร้างสังคมอยู่ดีกินดีอย่างรอบด้าน ขจัดความยากจนเชิงสัมบูรณ์เป็นครั้งประวัติศาสตร์ และประสบความสำเร็จในการบรรลุเป้าหมายการต่อสู้ร้อยปีวาระที่ 1 ภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ประชาชนจีนกำลังมุ่งมั่นก้าวสู่เป้าหมายการพัฒนาต่อไปแห่งการสร้างประเทศสังคมนิยมทันสมัยอย่างรอบด้านภายในกลางศตวรรษนี้
เอกอัครราชทูตหานชี้ให้เห็นว่า ประเทศจีนได้สั่งสมประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์มากมายในการปฏิบัติการด้านการพัฒนาที่ยิ่งใหญ่ ประการแรก ยึดมั่นในเส้นทางสังคมนิยมที่มีเอกลักษณ์จีน เงื่อนไขปัจจัยของประเทศต่างๆ ในโลกนั้นแตกต่างกัน เราต้องเริ่มจากสภาพที่เป็นจริงของประเทศ และเลือกเส้นทางการพัฒนาและรูปแบบการพัฒนาที่เหมาะสมสำหรับประเทศตนเอง
ประการที่สอง จัดการความสัมพันธ์ระหว่างการพัฒนา การปฏิรูป และความมั่นคงอย่างถูกต้อง การพัฒนาเป็นกุญแจสำคัญในการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคมทั้งปวง การปฏิรูปเป็นแรงผลักดันที่ทรงพลังสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม และความมั่นคงเป็นเงื่อนไขแรกสำหรับการปฏิรูปและการพัฒนา
ประการที่สาม ยึดมั่นในแนวความคิดที่ถือประชาชนเป็นศูนย์กลาง จุดมุ่งหมายของการพัฒนาคือเพื่อบรรลุความปรารถนาของประชาชนต่อชีวิตที่ดีขึ้น การมีส่วนร่วมและความพยายามฟันฝ่าต่อสู้ของประชาชนเป็นที่มาของพลังอันเข้มแข็งในการพัฒนา การพัฒนาเพื่อประชาชนและการพัฒนาพึ่งพาประชาชน ประการที่สี่ปฏิบัติตามแนวคิดการอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนของมนุษย์และธรรมชาติ น้ำใสและเขาเขียวเป็นภูเขาเงินภูเขาทอง เดินหน้าส่งเสริมการสร้างอารยธรรมทางนิเวศและส่งเสริม
การสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติต่อไป ประการที่ห้า เดินหน้าตามกระแสของยุคสมัยที่มีการเปิดกว้างและได้ประโยชน์ร่วมกัน ยึดมั่นการเปิดกว้าง และเสริมสร้างการเชื่อมต่อกับตลาดโลก เชื่อมโยงทางอุตสาหกรรม และเชื่อมต่อทางกฎเกณฑ์อย่างต่อเนื่อง และประตูที่เปิดกว้างของจีนจะยิ่งกว้างมากขึ้น
มองไปอนาคตข้างหน้า จีนจะยึดมั่นในแนวคิดการพัฒนาใหม่แห่งนวัตกรรม สมดุล เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เปิดกว้างและแบ่งปัน ผลประโยชน์ร่วมกัน เร่งสร้างรูปแบบการพัฒนาใหม่โดยมีการหมุนเวียนภายในประเทศเป็นแกนหลัก และการหมุนเวียนภายในประเทศและต่างประเทศที่ส่งเสริมซึ่งกันและกัน ในขณะที่ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพสูงและความมั่งคั่งด้วยกันสำหรับประชาชน พยายามสร้างคุณูปการต่อการพัฒนาร่วมกันของทุกประเทศในโลก
เอกอัครราชทูตหาน เน้นย้ำว่า จีนสนับสนุนและปฏิบัติตามค่านิยมร่วมกันของมวลมนุษยชาติซึ่งประกอบด้วยสันติภาพ การพัฒนา ความเป็นธรรม ความยุติธรรม ประชาธิปไตยและเสรีภาพอย่างแข็งขัน เสนอวิธีแก้ไขปัญหาและอุทิศภูมิปัญญาของจีนในการปฏิบัติตามวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน 2030 อย่างแข็งขัน เมื่อเผชิญกับสภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรงและการพัฒนาระดับโลกตกอยู่ในความยากลำบาก
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ซึ่งยืนอยู่บนจุดสูงสุดของความเป็นอยู่ที่ดีของมวลมนุษยชาติ ได้เสนอข้อริเริ่มว่าด้วยการพัฒนาระดับโลก เรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศเร่งดำเนินการตามวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน 2030 ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาโลกที่เข้มแข็ง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีคุณภาพดีขึ้น และยึดมั่นในแนวคิดและหลักการที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเป็นสิ่งอันดับแรก ถือประชาชนเป็นศูนย์กลาง เอื้อประโยชน์ต่อกันและครอบคลุมทั่วถึง ขับเคลื่อนการพัฒนาด้วยนวัตกรรม
การอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ เน้นส่งเสริมความร่วมมือในด้านต่าง ๆ เช่น การลดความยากจน ความมั่นคงด้านอาหาร การพัฒนาแบบสีเขียว เศรษฐกิจดิจิทัล และการเชื่อมโยง ซึ่งกันและกัน และพยายามไม่ให้ประเทศใดถูกทิ้งไว้ข้างหลังในการพัฒนา ข้อริเริ่มว่าด้วยการพัฒนาระดับโลกเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์สาธารณะที่สำคัญที่จีนมอบให้กับประชาคมระหว่างประเทศ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบของจีนในฐานะประเทศใหญ่ของโลกและเป็นเครื่องสะท้อนอย่างมีชีวิตชีวะของแนวคิดการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติ
ข้อริเริ่มนี้ได้รับการตอบรับจากสหประชาชาติและองค์กรระหว่างประเทศอื่นๆ และ 100 กว่าประเทศ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย ได้เข้าร่วมการประชุมระดับสูงว่าด้วยพัฒนาของโลกโดยมีประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เป็นประธานในเดือนมิถุนายนปีนี้ และได้แสดงการให้ความสำคัญต่อประเด็นการพัฒนาระดับโลกและการสนับสนุนข้อริเริ่มฯ
จีน ยินดีที่จะส่งเสริมความร่วมมือกับประเทศต่างๆ รวมทั้งประเทศไทยและองค์กรระหว่างประเทศในการปฏิบัติตามข้อริเริ่มฯอย่างเป็นรูปธรรมและให้ผลิดอกออกผล เพื่อรวบรวมพลังที่เข้มแข็งที่สุดในการเร่งบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนปี 2030 และผลักดันให้เศรษฐกิจโลกออกจากหมอกควันและบรรลุการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งในเร็ววัน
เอกอัครราชทูตหานชื่นชมประเทศไทยให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและส่งเสริมรูปแบบเศรษฐกิจ BCG อย่างเต็มที่ โดยกล่าวว่าจีนและไทยมีภารกิจ เป้าหมาย แนวคิด และข้อคิดเห็นในประเด็นการพัฒนาที่คล้ายคลึงกัน ทั้งสองฝ่ายสามารถเสริมสร้างการเชื่อมต่อทางยุทธศาสตร์ในการพัฒนาและกระชับความร่วมมือเชิงปฏิบัติบนพื้นฐานที่มีอยู่ และเสริมสร้างการสื่อสารและประสานงานในความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ
ดำเนินโครงการความร่วมมือเชิงปฏิบัติและมีประสิทธิภาพมากขึ้นภายใต้กรอบจีน-อาเซี่ยน ความร่วมมือล้านช้าง-แม่โขง(LMC) ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิรวดี – เจ้าพระยา – แม่โขง (ACMECS) อำนวยโอกาสการพัฒนาแก่ประเทศเพื่อนบ้านภายในขอบเขตความสามารถของตนเอง เพิ่มพลังบวกและพลวัตใหม่สู่การพัฒนาที่ยั่งยืนทั่วโลก และร่วมกันสร้างคุณูปการของเรา
เอกอัครราชทูตหานกล่าวในท้ายที่สุดว่าการพัฒนาของโลกไม่สามารถแยกออกจากสภาพแวดล้อมระหว่างประเทศที่สงบสุขได้ โลกทุกวันนี้กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้งที่ไม่เคยมีมาก่อนในศตวรรษที่ผ่านมา การพัฒนาอย่างสันติคือความปรารถนาของประชาชนและเป็นแนวโน้มทั่วไป อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่ซับซ้อนและรุนแรงต่างๆ ก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน
ปีศาจแห่งสงครามเย็นกำลังหลอกหลอนทวีปยุโรปและเอเชีย โลกหาใช่สงบสุขไม่ เอเชียตะวันออกได้รักษาสถานการณ์สันติภาพ เสถียรภาพ และการพัฒนาอย่างรวดเร็วมาเป็นเวลานาน และได้สร้างโครงสร้างความร่วมมือระดับภูมิภาคที่ดีโดยถือความเป็นแกนกลางของอาเซี่ยนเป็นพื้นฐาน ตอนนี้สถานการณ์ในเอเชียตะวันออกกำลังเผชิญกับตัวแปรต่างๆ เช่นกัน
แนวคิดสงครามเย็นและการเผชิญหน้าแบบกลุ่มกำลังกำลังทำลายความสามัคคีและความร่วมมือในเอเชียตะวันออก และคุกคามสันติภาพและการพัฒนาในเอเชียตะวันออก เราต้องระมัดระวังแนวโน้มที่เป็นอันตรายนี้ โดยกล่าว ‘ไม่’ ต่อความพยายามและการกระทำทั้งหมดที่เป็นอันตรายต่อการพัฒนาอย่างสันติ ยึดมั่นในหลักการพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในการเคารพ ซึ่งกันและกันในอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนและการไม่แทรกแซงกิจการภายใน และส่งเสริมภูมิปัญญาเอเชียแห่งการปรึกษาหารือที่เท่าเทียมกัน
การเจรจา ความร่วมมือ และผลประโยชน์ร่วมกัน ปัองกันไม่ให้แนวคิดสงครามเย็นและอำนาจบาตรใหญ่นำพาโลกและภูมิภาคนี้ไปสู่สถานการณ์อันตราย เศรษฐกิจเอเชียตะวันออกเป็นแรงขับเคลื่อนหลักในการพัฒนาโลก และอารยธรรมเอเชียตะวันออกเป็นพลังเชิงบวกที่สำคัญสำหรับความก้าวหน้าของโลก ประเทศต่างๆ ในเอเชียสามารถและสมควรสร้างคุณูปการมากขึ้นเพื่ออนาคตที่งดงามยิ่งขึ้นสำหรับภูมิภาคและโลก