วันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8608 ข่าวสดรายวัน

โคลเซ่กู้เยอรมัน หวิดพัง คืนนี้แซมบ้า-หมอผี หมากรุก-จังโก้แย่งกันเข้ารอบ'กังหัน-ชิลี'ดวลชิงที่ 1ของกลุ่ม สเปนเตะนัดสั่งลาจิงโจ้หนีบ๊วย ซูฮกลูกยิงเมสซี่-ฟ้าขาวลิ่วรอบ 2

ดาวยิง - มิโรสลาฟ โคลเซ่ กองหน้าทีมชาติเยอรมันยิงประตูตีเสมอทีมกานา 2-2 ในรอบแบ่งกลุ่ม นัดที่สอง ส่งผลให้เป็นดาวยิงสูงสุดตลอดกาลศึกฟุตบอลโลก ร่วมกับโรนัลโด้ อดีตดาวยิงบราซิล

     คืนนี้ลุ้นเจ้าภาพ "บราซิล" เตะ "หมอผี" แคเมอรูน แค่เสมอก็เข้ารอบ ถ้าชนะเป็น ที่ 1 ของกลุ่ม อีกคู่พร้อมกัน "โครเอเชีย" ดวล "เม็กซิโก" ชิงตั๋วรอบ 2 จังโก้เจ๊าก็ฉลุย ส่วนอีกสาย "ฮอลแลนด์-ชิลี" เข้ารอบแล้วทั้งคู่ เตะแย่งแชมป์กลุ่ม ขณะที่ "สเปน" ฟาดแข้งนัดสุดท้ายกับ "ออสเตรเลีย" สั่งลาหนีบ๊วย ด้านเยอรมันเกือบตาย ไล่เจ๊ากานา 2-2 เสือเฒ่า "โคลเซ่" ตัวสำรองกู้ชีพ ยิงตีเสมอ เป็นลูกที่ 15 ของเจ้าตัวในศึกบอลโลกเทียบเท่า "โรนัลโด้" บราซิล กุนซือฟ้าขาวซูฮก "เทพเมสซี่" ยิงประตูโทนสุดสวยเฉือนอิหร่านท้ายเกมเข้ารอบอีกทีม "ไนจีเรีย" ชนะ 1-0 ถีบบอสเนียฯ กลับบ้าน มีโอกาสสูงตามอาร์เจนฯ เข้ารอบ 

"ฮอลแลนด์-ชิลี"ชิงแชมป์กลุ่ม 

     การแข่งขันฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย 2014 ที่ประเทศบราซิล ประจำคืนวันที่ 23 มิ.ย. ตามเวลาประเทศไทย เป็นเกมนัดสุดท้ายของแต่ละกลุ่ม เริ่มจากกลุ่มบีที่จะเตะพร้อมกัน 2 คู่ ในเวลา 23.00 น. "กังหันสีส้ม" ฮอลแลนด์ พบ ชิลี ที่สนามอารีน่า เดอ เซา เปาโล นครเซา เปาโล เป็นคู่ชิงแชมป์กลุ่ม โดย 2 นัดแรกต่างชนะมาด้วยกันทั้งคู่ ฮอลแลนด์ชนะสเปน 5-1 ชนะออสเตรเลีย 3-2 ส่วนชิลีชนะออสเตรเลีย 3-1 และชนะสเปน 2-0 มี 6 คะแนนเท่ากัน ควงคู่ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายแน่นอนแล้ว แต่ฮอลแลนด์นัดนี้ขอแค่เสมอจะได้แชมป์กลุ่มทันที เพราะประตูได้เสียดีกว่าชิลี 

    ส่วนความพร้อมของฮอลแลนด์ จะอดใช้งาน บรูโน่ มาร์ตินส์ อินดี้ ที่มีอาการบาดเจ็บ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ติดโทษแบน และต้องเช็กความฟิต อาร์เยน ร็อบเบน, ดาลีย์ บลินด์, ไนเจล เดอ ยอง คาดใช้แผน 3-4-1-2 แยสเปอร์ ซิลเลสเซ่น เฝ้าเสา กองหลัง สเตฟาน เดอ ฟรายจ์, รอน ฟลาร์, โยเอล เฟลต์มัน แผงกลาง ดาริล แยนมัต, โยนาธาน เดอ กุซมัน, ไนเจล เดอ ยอง, ดาลีย์ บลินด์ โดยมี เวสลีย์ สไนจ์ เดอร์ เป็นมิดฟิลด์ตัวรุก กลางรุก ส่วนแดนหน้า อาร์เยน ร็อบเบน จับคู่กับ คลาส-แยน ฮุนเตลาร์

    ส่วนชิลีไม่มีปัญหาอะไร จัดทัพ 4-3-1-2 เคลาดิโอ บราโว่ ผู้รักษาประตู กองหลัง เมาริซิโอ อิสล่า, กอนซาโล่ ฮาร่า, แกรี่ เมเดล, ยูเจนิโอ มีน่า แดนกลาง มาร์เซโล่ ดิอาซ, อาร์ตูโร่ วิดัล, ชาร์ลส์ อรานกูอิซ โดยมี ฮอร์เก้ บัลดิเบีย เป็นกลางตัวรุก ส่วนคู่กองหน้า เอดูอาร์โด้ วาร์กาส กับ อเล็กซิส ซานเชซ

"กระทิง-จิงโจ้"สั่งลาหนีบ๊วย 

      อีกคู่เตะพร้อมกันเวลา 23.00 น. ที่สนามอารีน่า ดา ไบซาด้า เมืองคูริติบา "จิงโจ้" ออสเตรเลีย พบ "กระทิงดุ" สเปน แชมป์เก่า เป็นเกมหนีบ๊วยของกลุ่ม โดยสเปนนัดแรกพ่ายเนเธอร์แลนด์ 1-5 แพ้ชิลี 0-2 นัดนี้จะขาด ดาวิด เดอ เกีย ที่บาดเจ็บกล้ามเนื้อขา ต้องเช็กความฟิต เกราร์ด ปิเก้ คาดว่าใช้แผน 4-1-4-1 พร้อมให้โอกาสตัวสำรองได้ลงสนาม โฮเซ่ เรน่า เป็นนายทวาร กองหลัง ฮวนฟราน ตอร์เรส, เซอร์จิโอ รามอส, ราอูล อัลบิโอล, จอร์ดี้ อัลบา โดยมี เซอร์จิโอ บุสเกตส์ ทำหน้าที่กลางรับ ผนึกกับ ฮวน มาต้า, เชส ฟาเบรกาส, โกเก้, ซานติ กาซอร์ล่า และ ดาวิด บีญ่า เป็นศูนย์หน้า

      ส่วนออสเตรเลียนัดแรกแพ้ชิลี 1-3 แพ้ฮอลแลนด์ 2-3 ตกรอบแน่นอนแล้ว ไม่สามารถใช้งาน อิวาน ฟรานยิช, มาร์ก มิลลิแกน ที่มีอาการบาดเจ็บ ทิม เคฮิลล์ ติดโทษแบน ใช้ระบบ 4-2-3-1 แมตธิว ไรอัน เฝ้าเสา กองหลังมี ไรอัน แม็กโกแวน, อเล็กซ์ วิลกินสัน, แมตธิว สปิราโนวิช, เจสัน เดวิดสัน คู่กลางรับ ไมล์ เจดินัค ประสานงานกับ แมตต์ แม็กเคย์ กลางรุกใช้ แมตธิว เลกกี, มาร์ก เบรสชาโน่, ทอมมี่ ออร์ และ อดัม แท็กการ์ด เป็นศูนย์หน้าตัวเป้า

"บราซิล"ฉะ"หมอผี"ชิงที่1กลุ่ม 

      ต่อมาเป็นการเตะของกลุ่มเอ พร้อมกัน 2 คู่ เวลา 03.00 น. หลังเที่ยงคืนวันที่ 23 มิ.ย. ที่สนามเอสตาดิโอ นาซิอองนาล มาเน่ การ์รินช่า กรุงบราซิเลีย บราซิล เจ้าภาพ พบ "หมอผี" แคเมอรูน โดยทีมแซมบ้านัดแรกชนะโครเอเชีย 3-1 เสมอเม็กซิโก 0-0 มี 4 คะแนนจาก 2 นัด เกมนี้ขอแค่เสมอจะผ่านเข้ารอบทันที โดยต้องรอเช็กความฟิต ฮัล์ก แต่คาดว่าน่าจะลงไม่ไหว ใช้ระบบ 4-2-3-1 ฮูลิโอ เซซาร์ เป็นผู้รักษาประตู กองหลังประกอบด้วย ดานี่ อัลเวส, ติอาโก้ ซิลวา, ดาวิด ลุยซ์, มาร์เซโล่ คู่กลางรับ เปาลินโญ่ ประสานงานกับ หลุยส์ กุสตาโว่ กลางรุกใช้ ออสการ์, เนย์มาร์, วิลเลี่ยน โดยมี เฟร็ด และโจ แย่งตำแหน่งศูนย์หน้ากัน 

      ส่วนแคเมอรูนนัดแรกพ่ายเม็กซิโก 0-1 นัดต่อมาแพ้โครเอเชีย 0-4 ยังไม่มีแต้มติดมือ ตกรอบไปแล้ว นัดนี้ไม่มี อเล็กซานเดอร์ ซง ที่ติดโทษแบน ต้องเช็กความฟิต ซามูแอล เอโต้ คาดเกมนี้ใช้แผน 4-1-4-1 ชาร์ลส์ อิต็องเช่ เฝ้าเสา แนวรับประกอบด้วย อัลล็อง นียอม, นิโกลาส์ เอ็นคูลู, ออเรเลียง เฌดฌู, อองรี เบดิโม่ โดยมี โจแอล มาทิป เป็นมิดฟิลด์ตัวรับ ส่วนมิดฟิลด์รายอื่น เอ๊ดการ์ ซัลลี่, สเตฟาน เอ็มเบีย, เอนอห์ เอย็อง, เอริก มักซิม ชูโป-โมติง โดยมี ปิแอร์ เวโบ เป็นศูนย์หน้าตัวเป้า

ลิ่วรอบ 2 - ลิโอเนล เมสซี่ กองหน้าอาร์เจนตินา กระโดดกอดเพื่อนร่วมทีม หลังยิงประตูชัยช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เฉือนชนะอิหร่าน 1-0 ที่สนามเอสตาดิโอ มิเนเรา เมืองเบโล โฮริซอนเต้ ผ่านทะลุเข้ารอบ 2 แน่นอนแล้ว

     คู่นี้เคยเจอกันมา 4 ครั้ง บราซิลชนะ 3 ครั้ง แคเมอรูนชนะ 1 ครั้ง ครั้งล่าสุดเจอกันในศึกฟีฟ่า คอนเฟเดอเรชันส์ คัพ 2003 รอบแบ่งกลุ่ม แคเมอรูนชนะ 1-0

"โครเอเชีย-เม็กซิโก"แย่งตั๋ว16ทีม 

      อีกคู่เวลา 03.00 น. ที่สนามอารีน่า แปร์นัมปูโก้ เมืองเรซิเฟ่ "ตาหมากรุก" โครเอเชีย พบ เม็กซิโก โดยโครเอเชียเกมแรกแพ้บราซิล 1-3 ถล่มแคเมอรูน 4-0 มี 3 คะแนนจาก 2 นัด ถ้าชนะจะผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายทันที หรือถ้าทำได้แค่เสมอ ก็ต้องลุ้นให้บราซิลแพ้แคเมอรูน คาดใช้ระบบ 4-2-3-1 สติเป้ เปลติโคซ่า นายทวาร กองหลัง ดาริโย เซอร์น่า, เวดราน ชอร์ลูก้า, เดยัน ลอฟเรน, ดานิเยล ปรันยิช กองกลาง ลูก้า โมดริช ประสานงานกับ อิวาน ราคิติช กลางรุกมี อิวาน เปริซิช, ซามเมียร์, อิวิก้า โอลิช ทิ้งให้ มาริโอ มานด์ซูคิช ค้ำในแดนหน้า

      ด้าน "จังโก้" เม็กซิโก นัดแรกเฉือนแคเมอรูน 1-0 เสมอบราซิล 0-0 มี 4 คะแนน จาก 2 นัด ขอแค่เสมอจะผ่านเข้ารอบทันที หรือถ้าแพ้ก็ต้องไปลุ้นให้บราซิลแพ้แคเมอรูนด้วยสกอร์ที่ขาดลอย 3 ประตูขึ้นไป คาดใช้แผน 5-3-2 กีเยร์โม่ โอชัว เป็นนายทวาร แนวรับเป็น พอล อกิลาร์, ฟรานซิสโก้ ฮาเวียร์ โรดริเกซ, ราฟาเอล มาร์เกซ, เฮ็กตอร์ โมเรโน่, มิเกล ลายุน แดนกลางใช้ เฮ็กตอร์ เฮอร์เรร่า, โฮเซ่ ฮวน บาซเกซ, อันเดรส กวาร์ดาโด้ ส่วนกองหน้า โอลิเบ้ เปรัลต้า จับคู่กับ โจวานนี่ โดส ซานโตส

      คู่นี้เคยเจอกันมา 3 ครั้ง โครเอเชียชนะ 2 ครั้ง เม็กซิโกชนะ 1 ครั้ง พบกันล่าสุดในศึกฟุตบอลโลก 2002 รอบแบ่งกลุ่ม เม็กซิโกชนะ 1-0 โดยในเกมนั้นมี นิโก้ โควัช ผู้จัดการทีมคนปัจจุบันของโครเอเชีย ลงเล่นด้วย

"ฟ้าขาว"เฉือนชนะอิหร่าน 1-0 

     สำหรับ ผลการแข่งขันเมื่อคืนวันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมา คู่แรกเวลา 23.00 น. เป็นการเตะของกลุ่มเอฟ ที่สนามเอสตาดิโอ มิเนเรา เมืองเบโล โฮริซอนเต้ "ฟ้าขาว"อาร์เจนตินา อดีตแชมป์โลก 2 สมัยจากโซนอเมริกาใต้ พบอิหร่าน ตัวแทนจากเอเชีย โดยนัดแรกอาร์เจนตินาเฉือนชนะบอสเนียฯ 2-1 ส่วนอิหร่านเสมอไนจีเรีย 0-0

      เกมนัดนี้อาร์เจนตินาปรับแผนการเล่นจากระบบ 3-5-2 มาเป็น 4-3-3 นำทัพโดยลิโอเนล เมสซี่ ในครึ่งแรกอาร์เจนตินาครองบอลเหนือกว่า แต่แนวรับของอิหร่านต้านทานไว้ได้และคอยหาโอกาสโต้กลับ นาที 14 กอนซาโล่ อิกัวอิน หลุดเข้าไปยิงในเขตโทษ แต่ถูก อลิเรซา ฮากีกี้ ผู้รักษาประตูอิหร่านออกมาปิดมุมเร็วและเซฟไว้ได้ อาร์เจนตินายังคงเป็นฝ่ายบุกมากกว่า แต่กองหลังและผู้รักษาประตูอิหร่านก็ต้านทานไว้ได้ นาทีที่ 33 เมสซี่ปั่นฟรีคิกจากระยะ 25 หลา บอลข้ามคานแบบได้ลุ้น จบครึ่งแรกเสมอกัน 0-0 

      ครึ่งหลังอาร์เจนตินายังต่อบอลบุกใส่หวังพังประตูให้ได้ ขณะที่อิหร่านก็รอโต้กลับและเกือบจะได้ประตูขึ้นนำด้วยซ้ำจากลูกยิง และโหม่ง แต่เซอร์จิโอ โรเมโร่ นายทวารอาร์เจนตินาเซฟไว้ได้ ล่วงเข้าสู่ท้ายเกมทำท่าจะจบลงด้วยการเสมอกัน กระทั่งช่วงทดเวลาบาดเจ็บเมสซี่ก็แผลงฤทธิ์ด้วยการแตะหลบกองหลังแล้วปั่นจากหน้าเขตโทษเสียบมุมสุดสวย นายทวารอิหร่านพุ่งปัดสุดตัวแต่ไปไม่ถึง เป็นประตูชัยให้อาร์เจนตินาเฉือนชนะอิหร่าน 1-0 รวม 2 นัด อาร์เจนตินามี 6 คะแนน เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายแล้ว

โค้ชซูฮกลูกยิง"เมสซี่"นำชัย 

      อเลฮานโดร ซาเบญ่า ผู้จัดการทีมอาร์เจนตินาให้สัมภาษณ์หลังเกมว่า "เป็นเกมที่ยาก เราครองบอลและคุมเกมได้เหนือกว่า รวมทั้งน่าทำประตูได้อย่างน้อย 3 ครั้งในครึ่งแรก อิหร่านถอยไปรับกันลึกและอาศัยเกมโต้กลับสร้างปัญหากับเราอย่างมาก แต่เรามีอัจฉริยะอย่างลิโอเนล เมสซี่ การมีผู้เล่นอย่างเมสซี่อะไรก็เป็นไปได้ ลูกยิงของเมสซี่ต่อให้ใช้ผู้รักษาประตู 2 คนก็รับไม่ได้"

      ขณะที่เมสซี่ไม่แฮปปี้กับฟอร์มการเล่นของทีม แต่เชื่อว่าทีมจะทำได้ดีกว่านี้ โดยกล่าวว่า "เรายังไม่ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่แท้จริง เรารู้ดีว่ายังเล่นได้ไม่ถึงระดับที่ควรทำได้ แต่ยังมีโอกาสทำได้ในเกมต่อๆ ไป" 

     ด้านคาร์ลอส เคยรอซ โค้ชชาวโปรตุเกสของอิหร่านโวยผู้ตัดสินชาวเซอร์เบียที่ไม่เป่าให้ทีมได้จุดโทษจังหวะที่กองหลังอาร์เจนตินาทำฟาวล์ผู้เล่นอิหร่าน โดยเคยรอซกล่าวว่าภูมิใจในตัวลูกทีมที่เล่นกันอย่างมีระเบียบวินัยและ มุ่งมั่นตลอด 90 นาที แต่สุดท้ายแล้วมี 2 คนที่ทำให้เกมแตกต่าง คนแรกคือผู้ตัดสิน และคนที่ 2 คือเมสซี่ 

    "หวังว่าฟีฟ่าจะไม่ลงโทษผมถ้าจะบอกว่าเราควรได้จุดโทษ และซาบาเลต้าต้องโดนไล่ออก มันไม่มีเหตุผลเลยที่ผู้ตัดสินชาวเซอร์เบียจะไม่ให้จุดโทษจังหวะนั้น เขานอนหลับได้อย่างไรหลังเกมนัดนี้" กุนซือทีมอิหร่านกล่าว

เยอรมันหืด-ไล่เจ๊ากานา 2-2 

     คู่ต่อมาเวลา 02.00 น. หลังเที่ยงคืนวันที่ 21 มิ.ย.ตามเวลาประเทศไทย เป็นการเตะของกลุ่มจี ที่สนามเอสตาดิโอ คาสเตเลา เมือง ฟอร์ตาเลซ่า "อินทรีเหล็ก"เยอรมัน พบ "ดาวดำ"กานา ยอดทีมจากแอฟริกา โดยนัดแรกเยอรมนีถล่มโปรตุเกส 4-0 ส่วนกานาแพ้สหรัฐอเมริกา 1-2 

เริ่มเกมเยอรมันครองเกมได้ดีกว่า แต่กานามีโอกาสสร้างความหวาดเสียวได้มากกว่า จบครึ่งแรกยังเสมอกัน 0-0 แต่พอครึ่งหลังเยอรมันออกนำ นาทีที่ 51 โธมัส มุลเลอร์ เปิดบอลจากฝั่งขวาให้มาริโอ เกิตเซ่ สอดเข้ามาโหม่ง แต่เพียง 2 นาทีถัดมากานาตีเสมอ 1-1 อย่างรวดเร็วจากอังเดร อายิว โหม่งตุงตาข่ายสวยงาม และนาทีที่ 63 ก็ทำเอากองเชียร์เยอรมันช็อกเมื่ออซาโมอาห์ กียาน หลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษยิงให้กานานำ 2-1

จากนั้นเยอรมันเปลี่ยน 2 คน ส่งบาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ และมิโรสลาฟ โคลเซ่ กองหน้าตัวเก๋าวัย 36 ปีลงเล่นแทน และเพียง 2 นาทีโคลเซ่ก็ตีเสมอให้เยอรมนี เป็นประตูที่ 15 ของโคลเซ่ในการเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ทำสถิติเทียบเท่ากับโรนัลโด้ ตำนานดาวยิงทีมชาติบราซิลชุดแชมป์โลก 1994 และ 2002 จนกระทั่งจบเกมเสมอกัน 2-2 เยอรมนีเก็บเพิ่มเป็น 4 คะแนนจาก 2 นัด ส่วนกานามี 1 แต้มจาก 2 นัด 

ชู"โคลเซ่"ซูเปอร์ซับเยอรมัน 

     โยอาคิม เลิฟ ผู้จัดการทีมเยอรมนี กล่าวหลังเกมว่า นักเตะของเราล้า แต่ทุกคนก็ทุ่มเทอย่างเต็มที่แล้ว คงเป็นไปไม่ได้ที่จะเล่นเกมบุกได้ตลอดเวลา และเปิดเกมแลกมากเกินไปท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนจัด ต้องมีความสมดุลระหว่างเกมรุกและเกมรับ แต่เสียประตูที่ 2 ง่ายเกินไป อย่างไรก็ตาม นักเตะทุกคนตอบโต้ได้ดี แม้ตอนนี้ต้องรอดูผลคู่โปรตุเกสกับสหรัฐ แต่เป้าหมายของเรา คือเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม 

     เลิฟยังกล่าวยกย่องมิโรสลาฟ โคลเซ่ กองหน้าวัย 36 ปี ที่รับบทซูเปอร์ซับลงมาทำประตูกู้ชีพให้ทีมแบ่งแต้ม และกลายเป็นเจ้าของสถิติดาวซัลโวสูงสุดของศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเทียบเท่าโรนัลโด้ ตำนานศูนย์หน้าบราซิลด้วยจำนวน 15 ประตู รวมทั้งเป็นผู้เล่นคนที่ 3 ที่ทำประตูในการแข่งฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ได้ถึง 4 สมัยต่อจากเปเล่ และอูเว่ ซีเลอร์ 

      "ผมมีความสุขและยินดีกับโคลเซ่มาก เขาลงสนามมาแค่ 2 นาทีก็ทำประตูได้ เขาประสบปัญหากับลาซิโอเมื่อฤดูกาลที่แล้วเนื่องจากบาดเจ็บ แต่ถือเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมสำหรับผมที่มีผู้เล่นแบบเขาบนม้านั่งสำรอง คนที่สามารถลงมาเปลี่ยนเกมและเป็นตัวตัดสินเกมได้" เลิฟกล่าว 

"โรนัลโด้"ยินดีซัลโวทาบสถิติ 

      ขณะที่โคลเซ่ตั้งเป้าทำประตูในฟุตบอลโลกแซงหน้าสถิติโรนัลโด้ และมั่นใจว่าจะทำสำเร็จในไม่ช้า โดยระบุว่ามีความสุขมากกับสถิติ 15 ประตูในฟุตบอลโลก แต่ยังต้องรอทำสถิติใหม่ในเกมถัดไป ตอนนี้เราทุ่มสมาธิไปที่เกมกับสหรัฐ ต้องการคว้าชัยชนะ และผ่านเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม แน่นอนหวังว่าจะลงสนามนำทีมผ่านเข้ารอบ แต่ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของโค้ช

      ด้านโรนัลโด้ ตำนานกองหน้าแซมบ้า ทวีตร่วมแสดงความยินดีกับโคลเซ่ว่า "ยินดีต้อนรับสู่ทำเนียบดาวซัลโว จินตนาการได้เลยว่าคุณมีความสุขมากแค่ไหน นี่เป็นฟุตบอลโลกที่ยอดเยี่ยมมาก"

      ส่วนเพอร์ แมร์เตซักเกอร์ กองหลังที่ลงสนามรับใช้ทีมชาติเยอรมนีครบ 100 นัด ในเกมพบกานา และเป็นคนที่ 13 ของทีม ร่วมกล่าวชื่นชมโคลเช่ ที่ทำประตูได้ในฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายปี 2002 2006 และ 2010 ว่าเป็นสถิติที่ยอดเยี่ยมมาก ลงเล่นกับเขามา 10 ปี นี่คือนักเตะที่เราต้องการ วันนี้เขาสร้างความแตกต่างเมื่อถูกเปลี่ยนลงสนามมาในครึ่งหลัง แสดงให้เห็นว่าเขายังมีศักยภาพในเกมระดับสูง แต่พวกเราก็ภูมิใจกับฟอร์มการเล่นของทีมแม้ผลออกมาเสมอ เพราะกานาแข็งแกร่ง สู้ได้เยี่ยมจริงๆ ผลเสมอทำให้เราอยู่ในตำแหน่งที่ดี มั่นใจว่าจะผ่านเข้ารอบแน่ 

กานาไม่ท้อ-ยังหวังเข้ารอบ 

     ด้านเจมส์ คเวซี่ อัปเปียห์ โค้ชทีมกานา กล่าวว่า เป็นเกมที่ยอดเยี่ยม เยอรมนีเป็นหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดของโลก และเราก็ทุ่มเททุกอย่าง แต่โชคร้ายพลาดโอกาสทำประตูหลายหน เมื่อทำไม่ได้ในการเจอกับทีมใหญ่แบบนี้ ก็เป็นเรื่องยากที่จะจบเกมในฐานะผู้ชนะ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เราต้องทุ่มสมาธิไปที่เกมนัดสุดท้ายกับโปรตุเกส และลงสนามด้วยความเชื่อมั่นว่าเราเอาชนะพวกเขาได้เพื่อลุ้นเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย

     ขณะที่อซาโมอาห์ กียาน กองหน้าของกานาที่ยิง 1 ประตูในเกมนี้ ส่งผลให้เจ้าตัวขยับขึ้นมาทาบสถิติเป็นนักเตะจากทวีปแอฟริกา ที่ทำประตูได้มากที่สุดในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเท่ากันกับ โรเจอร์ มิลล่า ตำนานทีมชาติแคเมอรูนด้วยจำนวน 5 ประตู 

       กียานกล่าวชื่นชมผลงานของกานาทำได้สมบูรณ์แบบในเกมพบเยอรมนี ทีมวางแผนมาดี และเกือบคว้าชัยได้ พร้อมกระตุ้นเพื่อนร่วมทีมให้เอาชนะโปรตุเกสนัดต่อไปเพื่อเข้ารอบน็อกเอาต์

ไนจีเรีย1-บอสเนีย 0ตกรอบ 

      คู่สุดท้ายเวลา 05.00 น. เป็นการเตะของกลุ่มเอฟ "อินทรีมรกต"ไนจีเรีย พบกับ บอสเนีย ที่สนามอารีน่า ปันตานัล เมือง คูยาบา เกมครึ่งแรก ไนจีเรียทำได้ดีกว่า เปิดเกมบุกใส่ นาทีที่ 7 ปีเตอร์ โอเด็มวิงกี้ ยิงฟรีคิกระยะ 25 หลา บอลเฉี่ยวเสา แต่นาทีที่ 21 บอสเนียพลาดได้ประตูอย่างน่ากังขา ซเวซดาน ซิมิโมวิช แทงให้ เอดิน เซโก้ หลุดเข้าเขตโทษแล้วยิงเข้าไป แต่ผู้ตัดสินยกธง ล้ำหน้า ทั้งที่ดูจากภาพช้าไม่ล้ำแต่อย่างใด 

     จากนั้นในนาที 29 ไนจีเรียขึ้นนำ 1-0 เอ็มมานูเอล เอเมนิเก้ กระชากหนีกองหลังมาทางปีกขวาเข้าเขตโทษ แล้วตบให้ ปีเตอร์ โอเด็มวิงกี้ ยิงเข้าไปตุงตาข่าย โดยผู้เล่นบอสเนียพยายามประท้วงว่าเอเมนิเก้ผลักเอเมียร์ สปาฮิช จบครึ่งแรกไนจีเรียนำ 1-0

     ครึ่งหลังบอสเนียบุกหนัก แต่ไม่สามารถเจาะแนวรับของไนจีเรียได้ จวบจนนาที 90 น่าตีเสมอได้ จากจังหวะเตะมุมทางฝั่งขวา มิราเล็ม ปานิช เปิดแล้วโดนเคลียร์ทิ้งมาเข้าทาง ปานิชจึงเปิดกลับเข้าไปให้เอดิน เซโก้ ขึ้นโขก แต่ตรงตัววินเซนต์ เอ็นเยียมา และช่วงทดเวลาบาดเจ็บบอสเนียมีลุ้นอีกครั้ง บอลโยนยาวจากกลางสนาม เอดิน เซโก้ พักอกยิงแต่ติดเซฟวินเซนต์ เอ็นเยียมา นายทวารไนจีเรีย แล้วลูกพุ่งชนเสากระดอนออกมา จบเกมไนจีเรียเฉือนชนะ 1-0 เก็บเพิ่มเป็น 4 แต้มจาก 2 นัด เกมหน้าขอแค่เสมอจะเข้ารอบทันที ขณะที่บอสเนียลงเตะ 2 นัดยังไม่มีแต้ม ตกรอบเรียบร้อย

"เซโก้"จวกแหลกผู้ตัดสิน 

      ซาเฟ็ต ซูซิช กุนซือทีมบอสเนีย กล่าวหลังเกมว่า น่าเสียดายสำหรับนักเตะชุดนี้ ที่ต้องออกจากการแข่งขันฟุตบอลโลกเร็วเกินไป แต่ก็โทษพวกเขาไม่ได้ ประตูเดียวตัดสินโชคชะตาของเรา ต้องขอแสดงความยินดีกับไนจีเรียที่เล่นได้ดี ทำเกมเร็ว บุกสร้างสรรค์โอกาสทำประตูเพื่อคว้าชัย บวกกับมีโชคมากกว่า และคู่ควรที่จะเป็นฝ่ายชนะแล้ว วันนี้เราทำได้ไม่ดีนัก และเป็นเรื่องยากเพราะสภาพอากาศที่ร้อนจัด และคู่แข่งก็แข็งแกร่งกว่า สิ่งเหล่านี้คือเหตุผลที่ทำให้เราแพ้

     ขณะที่เอดิน เซโก้ กองหน้าบอสเนียไม่พอใจการทำหน้าที่ของปีเตอร์ โอเลียรี่ ผู้ตัดสินชาวนิวซีแลนด์ และไล่ให้กลับบ้านไปพร้อมกับพวกตน โดยมองว่าทำหน้าที่ผิดพลาดอย่างน้อย 2 จังหวะสำคัญจนทำให้ทีมแพ้และตกรอบ

     "เราควรชนะเกมนี้ได้ ผู้ตัดสินทำหน้าที่ น่าละอายมาก และควรกลับบ้านด้วยเหมือนกัน เขาเปลี่ยนแปลงเกมและผลการแข่งขัน นั่นเป็นสาเหตุทำให้เราแพ้ เราพยายามสู้เพื่อกลับมาหลังเสียประตู แต่มันชัดเจนว่าจังหวะนั้น เอเมียร์ สปาฮิช กัปตันทีมของเราโดนทำฟาวล์ และก่อนหน้านั้นผมทำประตูได้ แต่ผู้ตัดสินเป่าล้ำหน้า มันไม่มีทางเป็นลูกล้ำหน้าเลย เราสู้จนถึงที่สุดแต่วันนี้เราไม่มีโชคเลย" เซโก้กล่าว

ไนจีเรียคึก-ลั่นต้องเข้ารอบ 

      ด้านสตีเฟ่น เคซี่ ผู้จัดการทีมอินทรีมรกต กล่าวว่า นี่เป็นวันที่แอฟริกามีความสุข เมื่อเราสามารถคว้าชัยชนะได้ และกานาก็เสมอเยอรมนี เราแสดงให้เห็นถึงสปิริตนักสู้ที่ ยอดเยี่ยม ไม่เคยคิดว่าเราจะไม่ผ่านเข้ารอบ 16 ทีม เพราะเรามีนักเตะที่ดี เราต้องทำงานหนัก และเตรียมตัวอย่างดีสำหรับเกมพบอาร์เจนตินา เราเห็นตัวอย่างจากอิหร่านแล้ว ถ้าไม่ใช่ลิโอเนล เมสซี่ อาร์เจนตินาอาจไม่ชนะก็ได้

     ส่วนปีเตอร์ โอเด็มวิงกี้ ผู้ทำประตูชัยให้ไนจีเรีย และคว้าตำแหน่งแมน ออฟ เดอะ แมตช์ กล่าวว่า ประตูนี้มีความหมายกับตนเองมาก เราคว้าชัยชนะได้เพราะความมุ่งมั่นทุ่มเทของทีมตลอด 90 นาที สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับวันนี้คือเราแสดงให้เห็นถึงสปิริตที่ยอดเยี่ยม และตอนนี้เราก็มีความมั่นใจมากก่อนพบอาร์เจนตินานัดต่อไป