สรรพากร มั่นใจปี 59 เก็บภาษีได้ตามเป้า 1.895 ล้านลบ. เร่งภาษีบุคคลธรรมดาใหม่ให้ทันปี 60 พร้อมรับงานใหม่ตามเก็บเงินกยศ.แทนคลัง

  สรรพากร รับปีนี้เก็บภาษีพลาดเป้า 2 แสนลบ. แต่มั่นใจปี 59 เก็บภาษีได้ตามเป้า 1.895 ล้านลบ. พร้อมเดินหน้าเร่งภาษีบุคคลธรรมดาใหม่ให้ทันปี 60 ดันภาษีมรดกเข้าครม.ธ.ค.นี้หวังทันใช้ก.พ.59 พร้อมรับงานใหม่ตามเก็บเงินกยศ.แทนคลัง ขยายฐานภาษีกลุ่มสินค้าออนไลน์

     นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ในปี 2558 ทางกรมฯ ได้ประเมินว่าจะเก็บภาษีได้ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ประมาณ 2 แสนล้านบาท เนื่องจากรายได้จากการเก็บภาษีน้ำมัน และปิโตรเคมีที่ลดลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลก รวมถึงรายได้จากการเก็บภาษีของนิติบุคคลที่ไม่เป็นไปตามเป้า แต่อย่างไรก็ตาม ภาพรวมการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากรในปีงบประมาณ 2559 เชื่อว่าจะได้ตามเป้าหมายที่ 1.895 ล้านล้านบาท จากการเข้มงวดและเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี รวมถึงมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ออกมาในปีนี้ และภาคการท่องเที่ยวที่ยังขยายตัวดีต่อเนื่อง 

     ขณะที่ทางรัฐบาล ได้ผลักดันให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีบัญชีเดียว จะส่งทำให้มีรายได้จากภาษีทางอ้อมเพิ่มขึ้น 80,000 ล้านบาท ถึง 100,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีหลายฝ่ายเข้ามาช่วยผลักดัน ทั้งหอการค้า สภาอุตสาหกรรม  กรมอาชีวะ เป็นต้น โดยจะช่วยในเรื่องของการตั้งโปรแกรมคำนวณภาษี การทำ e-payment ซึ่งจะช่วยลดการทำงานด้านบุคลากรของกรม และช่วยให้บุคลากรไปเก็บภาษีในด้านอื่นต่อไป เนื่องจากยังมีอีกหลายจุดที่พบว่าเงินภาษีรั่วไหล   

   "ตอนนี้เราแจกโปรแกรมบัญชีไปเมื่อ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา คาดว่า 1 ธ.ค.นี้โปรแกรมจะเริ่มมีให้ดาวโหลดแล้ว ซึ่งเบื้องต้นเราจะส่งเจ้าหน้าที่ลงไปช่วยในการใช้โปรแกรม ถึงขนาดวางแผนว่าจะให้นักศึกษาอาชีวะลงไปช่วย ซึ่งหากผู้ประกอบการเจ้าไหนนำนักศึกษาเข้ามาช่วย ก็อาจจะได้สิทธิในการหักลดหย่อนภาษีได้"นายประสงค์กล่าว

   นอกจากนี้ กรมสรรพากรกำลังอยู่ระหว่างการศึกษาแนวทางการคิดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแบบใหม่ที่จะให้มีผลบังคับใช้ในปี 2560 ซึ่งจะต้องพิจารณาปรับเปลี่ยนเกณฑ์ใหม่ทั้งในส่วนของการหักค่าใช้จ่าย, การหักค่าลดหย่อน และอัตราภาษี ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะปรับลดลง  โดยทางกรมฯ ได้ศึกษาไว้หลายสูตร แต่ในเบื้องต้นอาจจะให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแก่ผู้ที่มีรายได้มากกว่าเดือนละ 20,000 บาท และหักค่าลดหย่อนบุตรได้มากกว่า 3 คน จากปัจจุบันที่ผู้มีรายได้ไม่ถึงเดือนละ 20,000 บาทจะไม่ต้องเสียภาษี และมีการหักค่าลดหย่อนบุตรได้ไม่เกิน 3 คนเท่านั้น ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในช่วงต้นปี 2559 เพื่อที่กรมจะนำเสนอทีมเศรษฐกิจรัฐบาลต่อไป  ซึ่งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแบบใหม่นี้จะทำให้ประชาชน มีภาระในการเสียภาษีลดลง

    ส่วนความคืบหน้า ของ พ.ร.บ.ภาษีมรดก นั่นทางกรมจะเสนอกฎหมายลูกของ พ.ร.บ.ดังกล่าวต่อที่ประชุม ครม. ในเดือนธันวาคม นี้ และคาดว่าจะมีผลพร้อมบังคับใช้ได้ตั้งแต่เดือกุมภาพันธ์ 2559 เป็นต้นไป

    "ยืนยันว่า ไม่ว่าจะใช้สูตรภาษีแบบไหน ภาระภาษีของประชาชนจะลดลงแน่นอน แต่เบื้องต้นคงเป็นเรื่องฐานเงินเดือน จากเดิมที่เงินเดือนต้องไปม่เกิน 2 หมื่นบาท แต่รูปแบบใหม่จะมากกว่า 2 หมื่น แต่ยังบอกไม่ได้ว่าเป็นเท่าไหร่ " นายประสงค์กล่าว 

  นายประสงค์กล่าวต่อว่า ทางกรมฯ ได้รับมอบหมายจากกระทรวงการคลัง ช่วยติดตามเงินกู้ยืมจากนักศึกษากองทุน กยศ. เนื่องจากระบบข้อมูลของกรมสรรพากร สามารถตามเช็คเงินเดือนรายได้ของผู้สำเร็จการศึกษา เนื่องจากต้องนำเงินมาปล่อยกู้ให้กับนักศึกษารุ่นน้องได้กู้ยืมสำหรับการศึกษาในช่วงต่อไป ซึ่งโดยเบื้องต้น ทางกรมฯ ต้องไปศึกษาแนวทางการจัดเก็บว่าจะออกมาในรูปแบบใด  ซึ่งอาจจะต้องแก้ไขกฎหมายบางตัว โดยการจัดเก็บเงินกยศ.นี้มีรูปแบบเดียวกับประเทศนิวซีแลนด์และออสเตรเลียที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน

    นอกจากนี้ ทางกรมจะขยายฐานภาษีในด้านอื่น เช่น การค้าสินค้าผ่านอีคอมเมิร์ซ โดยจะครอบคลุมตั้งแต่ผู้ที่นำสินค้ามาขาย การจองตั๋วเครื่องบิน การจองที่พักโรงแรมต่างๆ  เนื่องจากขณะนี้การสั่งซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์ขยายตัวขึ้นถึง 2.2 ล้านล้านบาทในปี 2558  จึงต้องติดตามการซื้อขายสินค้าผ่านระบบออนไลน์ให้เสียภาษีอย่างถูกต้อง แต่มั่นใจว่าจะไม่กระทบกับกลุ่มเอสเอ็มอี เนื่องจากจะมีเกณฑ์ในการจัดเก็บสำหรับผู้ค้าที่มีรายได้ 1.8 ล้านบาท/ปีขึ้นไป ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมเสนอกฎหมายให้ทางกระทรวงการคลังพิจารณา และคาดว่าจะเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีภายใน 2 เดือน     

   "เรื่อง กยศ.นี่เราเพิ่งได้มาสดๆ ร้อนๆ เป็นเรื่องด่วนอีกเรื่องที่ต้องกลับไปศึกษา ว่าจะจัดเก็บรูปแบบใด เบื้องต้นอาจจะต้องแก้กฎหมายบางส่วน ขณะที่เรื่องภาษีอีคอมเมิร์ซ ก็คงไม่กระทบ SME มากนัก เพราะถ้าเป็นผู้ค้าแบบนักศึกษา หรือรายย่อยมากๆ ที่รายได้ต่อปีประมาณ 1.5 ล้านบาท กำไรปีละไม่กี่หมื่นตรงนี้ได้รับการยกเว้นภาษีอยู่แล้ว"นายประสงค์กล่าว

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย