คลังไล่บี่-แม่ค้า ออนไลน์ ลุยภาษีอีคอมเมิร์ซ โปะรายได้หลุดเป้า6หมื่นล้าน สั่งสรรพากร-กรมศุลตามเก็บ 'สมหมาย'ดันอีกรีดบ้าน-ที่ดิน

      สรรพากรเต้นสั่งรีดภาษีอีคอมเมิร์ซ เผยมีชื่อร้านค้าหน้าเว็บไซต์-ตรวจเงินเข้าบัญชีละเอียดยิบ เตรียมส่งหนังสือเชิญมาเสียภาษีให้ถูกต้อง ให้กรมศุลกากรร่วมลุยเก็บด้วย ด้านคลังเริ่มรีดภาษีมรดกต้นปีหน้าเก็บจากผู้รับในอัตรา 5% ในส่วนที่ได้รับเกิน 100 ล้านบาท และผู้รับเป็นผู้สืบสันดานโดยตรง และเก็บในอัตรา 10% ในส่วนที่ได้รับเกิน 100 ล้านบาท หากผู้รับไม่ได้เป็นผู้สืบสันดานโดยตรง พร้อมแก้ประมวลรัษฎากรเรื่องภาษีการรับให้ เพื่อป้องกันการโอนทรัพย์สินเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีมรดกด้วย สมหมายดันอีกชงเข้าครม.อีก 3 สัปดาห์ภาษีบ้านและที่ดิน หวังรายได้เข้ารัฐ 2 แสนล้าน

วันที่ 07 สิงหาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9018 ข่าวสดรายวัน

    เมื่อวันที่ 6 ส.ค. นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง เปิดเผยว่า พ.ร.บ.เก็บภาษีผู้รับมรดกได้ลงในประกาศราชกิจจานุเบกษาแล้วเมื่อวันที่ 5 ส.ค.ถือว่ากฎหมายมีผลบังคับใช้สมบูรณ์ แต่ในกฎหมายได้กำหนดว่ากรมสรรพากรจะเริ่มเก็บภาษีจากผู้รับมรดกได้จริงหลังจาก 180 วัน ที่กฎหมายมีผลบังคับ หรือประมาณต้นปีหน้า ขณะนี้กรมสรรพากรเตรียมพร้อมเก็บภาษีผู้รับมรดกเป็นที่เรียบร้อย ทั้งการเตรียมแบบการเสียภาษี และการออกประกาศของกรมสรรพากรที่เกี่ยวข้องกับการเก็บภาษีการรับมรดกทั้งหมด ซึ่งจะดำเนินการได้ทันเพราะมีเวลาเตรียมการอีกนาน ทั้งนี้กรมสรรพากรประเมินว่าการเก็บภาษีมรดกจะได้ปีละประมาณ 4,000 ล้านบาท

       สำหรับ สาระสำคัญของการเก็บภาษีจากผู้รับมรดก จะเก็บจากผู้รับในอัตรา 5% ในส่วนที่ได้รับเกิน 100 ล้านบาท และผู้รับเป็นผู้สืบสันดานโดยตรง และเก็บในอัตรา 10% ในส่วนที่ได้รับเกิน 100 ล้านบาท หากผู้รับไม่ได้เป็นผู้สืบสันดานโดยตรง โดยการโอนทรัพย์ที่จะถูกเก็บภาษีมรดกมี 5 ประเภท ประกอบด้วย เงินฝาก หุ้น ที่ดิน รถยนต์ และตราสารทางการเงิน

นอกจากนี้ กรมสรรพากรยังได้แก้ประมวลรัษฎากรเรื่องภาษีการรับให้ เพื่อป้องกันการโอนทรัพย์สินเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีมรดก โดยการโอนทรัพย์สินของพ่อแม่ให้ลูกในส่วนที่เกิน 20 ล้านบาท จะต้องเสียภาษี 10% หากเป็นการโอนให้ผู้ที่ไม่ใช่ลูกในส่วนที่เกิน 10 ล้านบาท ต้องเสียภาษี 10% ซึ่งการโอนทรัพย์สินแบบมรดกจะมีภาระภาษีที่น้อยกว่า ก่อนหน้านี้ นายสมหมายเคยเปิดเผยว่า การเก็บภาษีผู้รับมรดกจะได้เงินไม่มาก เนื่องจากมีช่องโหว่มาก ไม่สามารถปิดช่องได้หมด จะให้เจ้าหน้าที่กรมสรรพากรเข้าไปตรวจก็จะเกินกำลัง และเป็นช่องทางให้เกิดการทุจริตเพิ่มขึ้นอีก

       นอกจากนี้ นายสมหมาย ยังเปิดเผยว่า ภายใน 2-3 สัปดาห์นี้ จะนำร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา ซึ่งจะทำให้เก็บรายได้ ได้มากขึ้นเป็นปีละไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านบาท จากที่เก็บภายใต้กฎหมายเดิมได้ปีละ 5-6 หมื่นล้านบาท

       วันเดียวกัน นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่าวันเดียวกันนี้ ได้ส่งรายละเอียดผู้ประกอบการธุรกิจการซื้อขายผ่านออนไลน์ หรือ อีคอมเมิร์ซ และความคืบหน้าการติดตาม ตรวจสอบ ให้นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง พิจารณาแล้ว ซึ่งเป็นไปตามนโยบาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. ที่สั่งการให้กระทรวงการคลังดูแลการเก็บภาษีการซื้อขายผ่านอีคอมเมิร์ซให้รัดกุมให้มากขึ้น

     นายประสงค์ กล่าวว่า ที่ผ่านมากรมสรรพากรยืนยันได้ติดตามเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง โดยมีเจ้าหน้าที่กรมตรวจตราหน้าร้านตามเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่งมีทั้งรายที่เป็นนิติบุคคล และบุคคลธรรมดา โดยมีรายชื่อไว้จำนวนหลายราย ไม่จำเป็นต้องมีมาตรการตรวจเข้มเพิ่มเติม เพราะที่ผ่านมาก็ดำเนินการเข้มงวดอยู่แล้ว ซึ่งหลังจากนี้หากพบว่ารายใดยังเสียภาษีไม่ถูกต้อง จะมีการส่งหนังสือจากกรมสรรพากรไปแจ้งให้มาเสียภาษีให้ครบ ทั้งในส่วนที่เป็นภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

      "กรมดูแลเรื่องนี้อยู่แล้ว และมีข้อมูลเพียงพอที่จะเรียกเก็บภาษีในรายที่ยังไม่เคยมาเสียเลย หรือ รายที่เสียแล้วแต่ไม่ครบ หรือ โดยกรมสามารถตรวจสอบรายได้จากเงินที่ผ่านไหลเข้าออกบัญชี รวมถึงการเปิดขายผ่านหน้าร้านตามเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่ง       ขณะนี้กรมมีตัวเลขร้านค้าหลายราย แต่ไม่ถึงแสนราย" นายประสงค์กล่าว

รายงานข่าวกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ปัจจุบันธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เช่น การรับจ้างสั่งซื้อล่วงหน้าจากต่างประเทศ หรือ พรีออร์ เดอร์จากต่างประเทศมาขาย ผ่านโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก มีจำนวนมากขึ้น แต่ไม่ได้เสียภาษีอย่างถูกต้องตามกฎหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งจะมีภาษีที่เกี่ยวข้องทั้ง 2 กรมภาษี คือกรมศุลกากร ที่เป็นภาษีอากรขาเข้าประเทศ หากตรวจสอบและพบว่าสิ่งของดังกล่าวไม่ได้เป็นของส่วนตัวเพื่อนำมาใช้เอง หรือมีมูลค่าเกินกว่า 20,000 บาท และจะเกี่ยวข้องกับกรมสรรพากร ที่ต้องยื่นแจ้งรายได้เสียภาษีบุคคลธรรมดาประจำปีภาษี ทั้งนี้จะต้องนำรายได้จากการดำเนินธุรกิจดังกล่าว เข้ามารวมกับรายได้ที่ได้ประจำเพื่อยื่นเสียภาษีเงินได้ทั้งนิติบุคคลและบุคคลธรรมดาประจำปีด้วย แต่ปัจจุบันยังพบว่ามีบางส่วนที่ไม่นำรายได้ดังกล่าวเข้ามารวมไว้ ส่งผลให้การยื่นเสียภาษีไม่ตรงกับความเป็นจริง

คลังตั้งทีมรีดภาษีอีคอมเมิร์ซ

      ไทยโพสต์ : พระราม 6 * คลังเด้งรับนโย บาย ‘บิ๊กตู่’ลุยรีดภาษีธุรกิจอี- คอมเมิร์ซ หลังพบดำเนินการยัง ไม่รัดกุมเพียงพอ สั่งตั้งหน่วยงานเฉพาะขึ้นดูแล รับปีนี้จัดเก็บรายได้ต่ำเป้า 1.6 แสนล้านบาท

    นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระ ทรวงการคลังดูแลการเก็บภาษีการซื้อขายสินค้าผ่านระบบออน ไลน์ (อี-คอมเมิร์ซ) ให้รัดกุมกว่าที่ผ่านมา โดยกระทรวงการคลังจะตั้งหน่วยงานเฉพาะขึ้นมาดูแล โดยให้ 3 กรมภาษี คือ กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร ร่วมกันตรวจสอบการเก็บภาษีดังกล่าว

    ขณะนี้ ได้เรียกเจ้าหน้าที่ของกรมสรรพากรและกรมศุลกากรมาหารือเบื้องต้นแล้ว ในส่วนของกรมสรรพากรได้มีการดำเนินการเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ยังไม่ลึกพอ เพราะเป็นการไปดูร้านค้าที่เปิดขายออนไลน์และเชิญเจ้าของมาพูดคุยให้เสียภาษีถูกต้องเท่านั้น แต่ยังไม่ได้มีการตรวจสอบการดำเนินการทางธุรกรรมที่แท้จริง ว่ามีรายได้ที่เกิดจากการซื้อขายจริงๆ เท่าไร และมีการเสียภาษีครบหรือไม่ ซึ่งร้านค้าออนไลน์มีต้นทุนต่ำ จึงน่าจะมีกำไรมาก เมื่อเทียบกับร้านค้าที่มีหน้าร้านปกติ

     สำหรับ กรมศุลกากร ได้เรียกเข้ามาหารือ เพราะว่าการสั่งซื้อของทางออนไลน์จำนวนมากขณะนี้ เป็นการซื้อของที่ต้อง นำเข้าจากต่างประเทศ ก็จะให้กรมศุลกากรเข้าไปตรวจสอบแบบละเอียดว่า มีการนำเข้าของ อย่างไร มีการสำแดงและเสียภาษีถูกต้องหรือไม่ เพราะเป็น การนำเข้ามาเพื่อการค้าไม่ได้มาใช้ส่วนตัว

    "ตอนนี้ การเก็บรายได้ของ รัฐบาลไม่ดีต่ำกว่าเป้ามาก เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอ และยังมีช่องว่างรั่วไหล จึงต้องมีการดำเนินการเก็บภาษีกับผู้ค้าขายทางออนไลน์ให้ถูกต้องมากขึ้น เพราะมีผู้ ประกอบการจำนวนมาก และมีมูลค่าซื้อขายสูง" นายรังสรรค์กล่าว

       สำหรับ การเก็บรายได้ของรัฐบาลปีงบประมาณ 2558 คาดว่าจะต่ำกว่าเป้าเบื้องต้นประมาณ 1.6 แสนล้านบาท แต่กระทรวงการคลังได้ขอให้รัฐวิสาหกิจส่งรายได้เพิ่ม มีการเรียกเงินสภาพคล่องส่วนเกินของกองทุนหมุนเวียน และกองทุนการพนัน ส่งให้กระทรวงการคลังทำ ให้คาดว่าการเก็บรายได้จะต่ำกว่าเป้า 5-6 หมื่นล้านบาท.