PTTGC ผลดำเนินงานปีนี้โตขึ้น ชี้ธุรกิจโอเลฟินส์มาร์จิ้นโดดเด่น
พีทีที โกลบอลฯ มั่นใจผลดำเนินงานปีนี้ดีขึ้น หลังจากโรงแยกก๊าซฯ หน่วยที่ 5 ของ ปตท.เดินเครื่องได้เต็มที่แล้ว ทำให้โรงโอเลฟินส์และโรงงานดาวน์สตรีมเดินเครื่องจักรเต็มที่ ขณะที่ธุรกิจอะโรเมติกส์ยังแย่อยู่ ส่วนการดูแล เยียวยาจากปัญหาท่อน้ำมันดิบรั่วกลางทะเลไปแล้วเฉียด 1 พันล้านบาท เดินหน้าขอเคลมค่าประกันภัย 50 ล้านเหรียญ
นายบวร วงศ์สินอุดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC) เปิดเผยว่า ในปีนี้ธุรกิจโอเลฟินส์และพอลิเมอร์มีผลดำเนินงานดีมาก และมีมาร์จิ้นที่ดีต่อเนื่องจากปีก่อน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผลประกอบการของบริษัทฯ ดีกว่าปีก่อน เนื่องจากโรงแยกก๊าซฯ หน่วยที่ 5 ของ ปตท.ที่ถูกฟ้าผ่าก็เริ่มกลับมาผลิตได้แล้ว ทำให้สามารถป้อนวัตถุดิบเข้าโรงโอเลฟินส์ได้เต็มที่ แม้ว่าจะมีการหยุดซ่อมบำรุงแต่จะกลับมาเดินเครื่องใหม่อีกครั้งในเดือน ก.ย.นี้ และโรงพอลิเมอร์ที่ได้มีการปิดซ่อมบำรุงในไตรมาส 1 นี้ก็กลับมาผลิตได้แล้ว
ส่วนธุรกิจโอเลฟินส์ในปีนี้ไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากมีกำลังการผลิตอะโรเมติกส์ใหม่เข้ามา โดยเฉพาะพาราไซลีนเข้ามามาก ขณะที่โรงงานผลิตพีทีเอ ซึ่งใช้พาราไซลีนเป็นวัตถุดิบจะมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามาในครึ่งปีหลัง ทำให้พาราไซลีนในครึ่งปีหลังน่าจะดีขึ้น ส่วนเบนซีนก็มีกำลังการผลิตใหม่เข้ามา แต่ไม่มากเท่าพาราไซลีน ทำให้สเปรดของเบนซีนยังดีอยู่เฉลี่ยกว่า 300 เหรียญสหรัฐ/ตัน สวนธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันในปีนี้มาร์จิ้นสูงกว่าปีก่อน แม้ว่าราคาน้ำมันดิบในปีนี้จะอ่อนตัวลงเล็กน้อย
ทั้งนี้ บริษัทได้กำหนดงบลงทุน 5 ปี วงเงิน 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งใช้ขยายการลงทุนโครงการดาวน์สตรีมอื่นๆ ซึ่งบริษัทฯ ได้เตรียมแผนร่วมลงทุนกับเปอร์ตามินา ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของอินโดนีเซีย ตั้งโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ที่อินโดนีเซีย คาดว่าจะมีความชัดเจนรายละเอียดในกลางปีนี้ ส่วนจีนก็อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการร่วมลงทุนตั้งโรงงานในประเทศจีน หลังจากได้ร่วมมือกันทำตลาดเม็ดพลาสติกในจีนและอินโดนีเซีย ซึ่งจะเป็นตลาดรองที่สำคัญ หากตลาดในประเทศไทยได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจชะลอตัวลง
ส่วนความคืบหน้าในการฟื้นฟูภายหลังเกิดเหตุการณ์ท่อน้ำมันดิบรั่วในทะเลเมื่อปี 2556 นั้น จากการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญพบว่าเป็นอุบัติเหตุ ไม่ได้เกิดจากความบกพร่องของพนักงานบริษัทฯ ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบและการดูแลผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยล่าสุดมีค่าใช้จ่ายไปแล้ว 943 ล้านบาท และมีประชาชนร้องขอเยียวยากว่า 15,000 ราย โดยได้มีการตรวจสอบว่าเป็นบุคคลที่ได้รับผลกระทบจริงๆ และจ่ายเงินช่วยเหลือไปแล้วคิดเป็น 80% ของผู้ที่ร้องขอ ส่วนวงเงินประกันความเสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าวอยู่ที่ 50 ล้านเหรียญสหรัฐ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการดำเนินการทำเรื่องขอเคลมค่าประกันดังกล่าว แต่เบื้องต้นบริษัทได้มีการสำรองจ่ายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ผลประกอบการในปี 2556 ว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 549,189 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 33,277 ล้านบาท ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติเห็นชอบให้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2557 เพื่ออนุมัติจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 3.40 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 46 ของกำไรสุทธิในปี 2556 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน
“การดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2556 บริษัทฯ มุ่งเสริมสร้างศักยภาพในการดำเนินงานผ่านโครงการต่างๆ เพื่อสร้างความเป็นเลิศ (Excellence Program) เช่น โครงการ Operational Excellence ที่มีเป้าหมายลดการใช้พลังงาน และเพิ่ม Reliability ของโรงงาน ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระยะยาวได้
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ผ่านโครงการ Synergy ต่างๆ ที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์พลอยได้ (By-Products) ของบริษัทฯ ประกอบกับการที่บริษัทฯ ได้บริหารจัดการการตลาด (Marketing Excellence) ผ่านการบริหารนโยบายราคา การจัดกลุ่มลูกค้า และ การหาตลาดใหม่ๆ เพื่อขยายฐานลูกค้า ซึ่งโครงการเหล่านี้ได้ช่วยสร้างผลกำไรในรูปของ EBITDA ประมาณ 231 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 7,277 ล้านบาท”