บล.ไทยพาณิชย์ : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 21-3-2022
กลยุทธ์การลงทุน
SET แกว่งแคบ จับตาการเจรจารัสเซีย-ยูเครนรอบใหม่ดัชนีขึ้นแรงจากแรงซื้อกลับหุ้นขนาดใหญ่ดัชนีปรับขึ้นคาดหวังจีนออกมาตรการกระตุ้นศ.ก.
ตลาดร่วงแรงกังวลจีนล็อกดาวน์ SET อ่อนตัว FTSE ปรับลดน้ำหนักหุ้นไทย
แนะน้าหุ้นจีนที่คาดฟื้นตัวขึ้นใน 3 ธีม
1) หุ้นที่มีอานาจในการกำหนดราคาสูง China Longyuan Power, Kweichow Moutai, Wuliangye, Tencent
2) Valuation มีส่วนลดมากแต่การเติบโตสูง JD.com, Country Garden Services 3) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากนโยบายสนับสนุนลูกคนที่ 3 Mengniu, Yili Industrial Group, Feihe
ราคาน้ำมันปรับขึ้นกระตุ้นเงินเฟ้อ”คาด SET ยังมี Upside จำกัด บริเวณ 1700 จุด โดยมองราคาน้ำมันที่ยังเคลื่อนไหวในระดับสูง สร้างความกังวลเงินเฟ้อที่พุ่ง และเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่าได้ สร้างแรงกดดันด้าน fund flow ไหลออก ส่วนประเด็นรัสเซียยูเครน ยังคงต้องติดตาม ด้านกรอบล่างอยู่ที่ 1674 และ1667 จุด หากต่ำกว่า จะเริ่มเห็นสัญญาณอ่อนตัวของดัชนี
กลยุทธ์ Selective Buy หุ้นที่ผลการดำเนินงานมีแนวโน้มเติบโตดี มีผลกระทบจ้ากัดจากปัจจัยภายนอก
# ตลาดหุ้นสหรัฐ-ยุโรปปรับขึ้นราคาน้ำมันขยับขึ้น
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้น หนุนจากการหารือกันระหว่าง ปธน.โจไบเดน และ ปธน. สีจิ้งผิง เป็นไปด้วยความราบรื่น ขณะที่การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซีย-ยูเครน มีความคืบหน้ามากขึ้นด้านตลาดหุ้นยุโรปปรับขึ้น ส่วนราคาน้ำมันปรับขึ้นต่อ
# ศบค.เห็นชอบปรับมาตรการเข้า ป.ท. ของ นทท. ต่างชาติ โดยยกเลิกการตรวจ RT-PCR ก่อนเดินทางของผู้เดินทางเข้ามาทุกกลุ่ม เหลือเฉพาะการตรวจ RT-PCR เมื่อมาถึงไทย และตรวจ ATK ในวันที่ 5 ตั้งแต่ 1 เม.ย. เป็นต้นไป เรามองเป็น
ประเด็นบวกต่อหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวใน ป.ท. AOT ERW AWC จะได้รับประโยชน์มากกว่าหุ้นที่มีการด้าเนินงาน ตปท. เช่น MINT
CENTEL ที่การดำเนินงานมีการฟื้นตัวไปก่อนหน้าแล้ว
# สัปดาห์นี้ ติดตามตัวเลขส่งออก ก.พ. ของไทย
ประเด็นในประเทศ 23 มี.ค. กระทรวงพาณิชย์รายงานตัวเลขส่งออก ก.พ. คาดขยายตัว 19.60%YoY จากเดือนก่อนที่ขยายตัว 8%YoY ส่วนประเด็นต่างประเทศ 23 มี.ค. รายงานเงินเฟ้อ ก.พ. ของ UK และ 24 มี.ค. รายงาน PMI ของสหรัฐ
> ภายใต้การฟื้นตัวของตลาดที่ยังเปราะบาง โดยมีประเด็นที่ต้องติดตามทั้งสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมทั้งสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 ที่รุนแรงขึ้นของหลายประเทศในเอเชีย โดยเฉพาะจีน เกาหลีใต้ และเวียดนาม รวมทั้งในไทย ซึ่งอาจกดดันการขยายตัวของเศรษฐกิจ กลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะน้า Selective Buy ในหุ้นเชิงรับที่มีคุณภาพและมีปัจจัยบวกเฉพาะ ดังนี้
> Core Portfolio : คงน้้าหนักพอร์ตไว้ที่ 50% โดย Let Profit Run สำหรับหุ้นที่ผลการดำเนินงานมีแนวโน้มเติบโตดี มีผลกระทบจำกัดจากปัจจัยภายนอกอย่าง KBANK AMATA LH
GULF ADVANC ONEE
> Weekly Portfolio : เก็งกำไร 25% ใน
1) หุ้นที่คาดจะมีการฟื้นตัวจากสถานการณ์ในยูเครนคลี่คลายอย่าง DELTA MINT IVL SCGP
2) หุ้นที่ได้รับผลกระทบจ้ากัดจากค่าครองชีพที่สูงขึ้นหรือทนทานต้นทุนที่สูงขึ้นได้ และมีอำนาจกำหนดราคาสูงอย่าง BDMS CPALL BJC ADVANC OSP และ 3) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากห่วงโซ่อุปทานชะงักระยะสั้น (Supply
Disruption) อย่างหุ้นเดินเรือ RCL PSL
> Daily Focus : AOT เป็นตัวแทนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย คาดได้ประโยชน์จาก operational leverage (ต้นทุนคงที่สูง) เมื่อนักท่องเที่ยวกลับเข้ามา อีกทั้งยังเทรดต่ำกว่าระดับ
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ