บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 25-2-2022
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T / 25 กุมภาพันธ์ 2565
INVESTMENT STRATEGY
ฟื้นตัว :
ตอบรับปัจจัยลบไปพอควร
วันนี้คาด SET ฟื้นตัว ในกรอบแนวรับ 1,650 จุด และแนวต้าน 1,680 จุด เน้นหุ้นแนวโน้มกำไรเด่น โดย ATO Picks วันนี้ แนะนำ “JMART, KKP”
JMART
รายงานกำไรหลัก 4Q64 ทำจุดสูงสูดใหม่ใกล้เคียงคาด แรงหนุนจากบริษัทลูกเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง (JMT, SINGER, J, Mobile) และคาดปี 65 กำไรหลักยังคงเติบโตได้ดี +73%YoY และมี Upside Risk จากการ Synergy กับพันธมิตร และธุรกิจใหม่ (JAYDEE, Tech-Digital platform)
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 62 บาท
KKP
แนวโน้มผลการดำเนินงานคาดปรับตัวขึ้นสอดคล้องกับพอร์ตสินเชื่อที่ขยายตัวได้ดี ผสานกับรายได้ที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนที่ยังได้อานิสงส์เชิงบวกจากปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงรายได้วาณิชธนกิจที่ดีต่อเนื่อง ผสานคาดจ่ายปันผลสูงกว่า 7.5% ต่อปี
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 80 บาท
INVESTMENT THEME
รัสเซียใช้ความรุนแรงเร็วกว่าคาด : สถานการณ์ความรุนแรงระหว่างรัสเซีย-ยูเครนรุนแรงต่อเนื่อง โดยด้านรัสเซียวานนี้เปิดฉากยิงเข้าใส่พื้นที่ของยูเครน ซึ่งการใช้กำลังทางทหารของรัสเซียถือว่าเป็นการตัดสินใจที่เร็วและรุนแรงกว่าที่ตลาดประเมินไว้ (Negative Surprise) กดดันตลาดหุ้นทั่วโลกวานนี้ปรับฐานแรง (SET-1.9%, Asia -3%, EU -3.6%)
ลุ้นตลาดฟื้นตัวสั้น : จุดถัดไปคงต้องจับตาท่าทีทางฝั่งสหรัฐฯ ยุโรป และ NATO ในการตอบโต้กับฝั่งรัสเซีย โดยเบื้องต้นในกรณีฐานเราคาดว่าอาจจะมีการใช้มาตรการที่มากยิ่งขึ้นเพื่อกดดันทางด้านรัสเซีย เช่น การคว่ำบาตรเพิ่มเติม แต่คาดว่าจะยังไม่ตอบโต้โดยใช้กำลังทหาร ดังนั้นแนวโน้มของเหตุการณ์แม้ว่ายังคงยืดเยื้อ แต่ยังอยู่ในจุดที่รับได้ ซึ่งในด้านการลงทุนเชื่อว่าตลาดหุ้นรับรู้ปัจจัยความกังวลต่างๆไปพอสมควรแล้ว สะท้อนจาก VIX Index เมื่อคืนปรับตัวขึ้นในช่วงแรกไปทำจุดสูงที่ราว 38 จุด ใกล้เคียงระดับที่เคยตอบรับความกลัวเหตุการณ์สำคัญในอดีต แต่ทิศทางของ VIX ก็เริ่มย่อตัวลงมาในช่วงถัดมาและปิดที่จุดต่ำสุดของวันบริเวณ 30.3 จุด ซึ่งทิศทางดังกล่าวสอดคล้องกับราคาทองคำที่ย่อลง รวมถึงราคาน้ำมันดิบ Brent มีสัญญาณการปิดทำกำไร และตลาดหุ้น US ที่เริ่มฟื้นตัว ดังนั้นจึงประเมินว่าผลกระทบต่อตลาด ณ ปัจจุบันจะไม่มากนัก และวันนี้มีโอกาสฟื้นตัว โดยแนะทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดีที่แนวโน้มผลประกอบการเด่น (JMT, ASK, PSL, MINT, KKP, OSP)
MARKET SUMMARY
วานนี้ SET ย่อตัว ขานรับเหตุความรุนแรงที่รัสเซียเริ่มยิงเข้าสู่ยูเครน โดย SET ปิดที่ 1,662.72 (-33.73 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 1.2 แสนล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 8.7 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 2,983 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 1,386 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Futureที่ 6,861 สัญญา)
EYES ON
25 ก.พ. ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน US, ตัวเลข US PCE
Wice Logistics (WICE)
สัญญาณที่บอกว่า ยังไม่จบแค่นี้
BUY
Share Price THB 18.20
12 m Price Target THB 22.10 (+21%)
Previous Price Target THB 22.10
คำชี้แจงสำคัญ : บมจ.หลักทรัพย์เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) อาจมีธุรรมร่วมกับ บมจ.ไวส์ โลจิสติกส์ (WICE)
ประเด็นการลงทุน
WICE รายงานกำไรเป็นสถิติใหม่ตามที่มองไว้ และกำไรสูงกว่าคาด 7.4% พร้อมๆกับอัตรากำไรขั้นต้นที่มีโอกาสผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วอีกด้วย นอกจากนี้การลดระดับ Dividend payout ลงมา ยังเป็นการบอกทางอ้อมแก่นักลงทุนว่าบริษัทยังคงเดินหน้าลงทุนเพื่อสร้างการเติบโตที่ต่อเนื่องในระยะยาว เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” 22.10 บาท/ หุ้น อิง P/E เฉลี่ยกลุ่ม 25.0 เท่า
กำไรเป็นสถิติใหม่ 8 ไตรมาสติดต่อกัน และ มาร์จิ้นหยุดลงอีกด้วย
WICE มีกำไรสุทธิ 4Q21 ที่ 181 ลบ. ขยายตัว +11.8% QoQ และ +203.7% YoY สูงกว่าคาดของเรา 7.4% โดยการขนส่งทางทะเลยังมีบทบาทสำคัญโดยเติบโตถึง +473.9% YoY และคิดเป็น 53% ของรายได้รวม ผลักดันจากปริมาณขนส่งที่ฟื้นหลังการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยเฉพาะจีนและสหรัฐ ในกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และชิ้นส่วนยานยนต์ นอกจากนี้ค่าระวางเรือตู้คอนเทนเนอร์ยังทำจุดสูงสุดในปลายปี 2021 อีกด้วย จุดที่เราชอบในงบ 4Q21 คือ อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ได้หยุดลงแล้ว โดยทรงตัวได้ที่ 15.5% หลังจากลดลงแรง 220bps ใน 3Q21 จากภาวะขาดแคลนของอุปทานเรือ-เครื่องบิน ขณะที่ทางการไทยยังคงการส่งออกไทยยังเติบโตได้ 3-4% ในปีนี้ นั่นหมายความว่า WICE อาจจะจุดต่ำสุดของ GPM ได้แล้ว โดยในช่วงปกติปี 2015-17 WICE ทำ GPM ได้ระดับ 25% เลยทีเดียว
เบื้องหลังของอัตราจ่ายปันผลที่ลดลง คือ WICE มองไกลแล้ว
อีกจุดที่เราตื่นเต้นกับวิธีทำงานของบริษัทคือ WICE ประกาศจ่ายปันผลเพียง 0.23 บาท คิดเป็น Payout 28% ต่ำสุดตั้งแต่เข้าตลาดฯ 45%-90% ทั้งทีบริษัทลูก (ETL ทำ Cross border) กำลังจะ IPO ในปลายปีนี้ ซึ่งผู้บริหารได้เผยใน MD&A ว่า WICE มีแผนเปิดคลังสินค้าแห่งที่ 4 ขนาด 20,000 ตร.ม. กลางปีหน้า ซึ่งอยู่ในแผน 100,000 ตร.ม. ใน 3 ปีอีกด้วย อีกมุมนึงเราเชื่อว่าเป็นการเตรียม Working cap. รองรับการให้บริการในปีนี้ที่คาดจะยังคึกคัก เห็นได้จากค่าระวางเรือยังยืนในระดับสูง ขณะที่ลูกค้าของบริษัทก็ยังแสดงมุมมองในเชิงบวกต่อปริมาณขนส่งปีนี้อีกด้วย
เผยสัดส่วน Pre-emptive right ที่ 20% ของหุ้นเสนอขาย
WICE ได้แจ้งตลาดฯวานนี้ว่าจะนำ ETL เสนอขายหุ้น IPO ในสัดส่วน 30% และจะมีการให้สิทธิจองหุ้นแก่ผู้ถือ WICE (Pre-emptive right) ในปริมาณ 20% ของหุ้นที่เสนอขาย ปัจจุบันยังไม่ได้กำหนดราคา และปริมาณ คาดจะเสนอขาย 4Q22 ซึ่งเรามีมุมมอง บวก กับดีลนี้ เนื่องจากธุรกิจ Cross border ปัจจุบันเติบโตสูง +45.8% YoY ใน 4Q21 และกำลังจะผูกไปกับเครือข่ายรถไฟความเร็วสูงซึ่ง ETL ต้องการเงินจำนวนมากลงทุนในตู้สินค้าเป็นต้น
Jaroonpan Wattanawong
(66) 2658 6300 ext 1404
TOA Paint (Thailand) (TOA)
4Q64ฟื้นตัวได้ดีกว่าคาด
BUY
Share Price THB 28.75
12 m Price Target THB 37.00 (+29%)
Previous Price Target THB 37.00
ผลประกอบการ 4Q64
ผลประกอบการ 4Q64 ฟื้นตัวดีขึ้น มีกำไรสุทธิเท่ากับ 473 ล้านบาท (+76%QoQ, -4%YoY) ถ้าหากหักรายการพิเศษ 71 ล้านบาท จะมีกำไรปกติ 401 ล้านบาท (+46%QoQ, -19%YoY) ดีกว่าเราคาดจะมีกำไรเท่ากับ 375 ล้านบาท ผลประกอบการได้แรงหนุนจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 ในไทย และ เวียดนามดีขึ้น มีการคลายล็อกดาวน์ และ เปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น ทำให้ยอดขายกลับมาเติบโตได้ดี 4,672 ล้านบาท (+17%QoQ, +12%YoY) อย่างไรก็ตามต้นทุนวัตถุดิบ ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ TOA ได้ทยอยปรับขึ้นราคารอบ 2 อีก 4-5% ใน 4Q64 แต่ยังไม่มีผลเต็มที่ ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นยังไม่ดีขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ 30.2% ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน 36.1% รวมปี 2564 ยอดขายเท่ากับ 17,570 ล้านบาท เติบโต 8% แต่กำไรลดลง 4% เหลือ 1,955 ล้านบาท
แนวโน้มผลประกอบการ
แนวโน้มยอดขายปี 2565 คาดจะเติบโตต่อเนื่อง นอกจากธุรกิจสีที่ส่วนแบ่งตลาดปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 50% จาก 48.7% จะมีการขยายตลาดวัสดุก่อสร้างครบวงจรมากขึ้นช่วยเสริมการเติบโต เช่น กระเบื้อง อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ และ เครื่องมือต่างๆ ล่าสุดเตรียมเข้าซื้อ บริษัทยิปมั่นเทค ซึ่งผลิตแผ่นยิปซั่ม สัดส่วน 51% ใช้เงินลงทุนประมาณ 800 ล้านบาท จะช่วยเพิ่มยอดขายและกำไร ปี 2565 ตั้งงบลงทุนเพิ่มอีก 800 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต เราคงประมาณการคาดยอดขาย 19,000 ล้านบาท เติบโต 8% แต่จะถูกกดดันจากต้นทุนวัตถุดิบที่เกี่ยวกับน้ำมัน (สัดส่วนต้นทุน 13%) และ Tio2 (สัดส่วนต้นทุน 20%) ที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่ TOA ก็มีการปรับราคาขึ้นชดเชย รวมแล้วคาดกำไรเท่ากับ 2,135 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 9%YoY
คำแนะนำการลงทุน
TOA มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง มีเงินสดในมือ และ เงินลงทุนระยะสั้นสูง 7.6 พันล้านบาท มีการขยายการลงทุนต่อเนื่อง จ่ายปันผลครึ่งปีหลัง 0.19 บาท เมื่อรวมครึ่งปีแรก 0.31 บาท รวมจ่ายปี 2564 เท่ากับ 0.50 บาท คิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทน 2.2% เราประเมินราคาเป้าหมาย 37 บาท บนฐาน Forward P/E เฉลี่ยประมาณ 35 เท่า เราคงแนะนำ ซื้อลงทุน
ความเสี่ยง
ภาวะเศรษฐกิจ ก่อสร้าง ในภูมิภาคและในประเทศ / ต้นทุนวัตถุดิบหลักเป็นไปตามราคาน้ำมัน / ภาวะการแข่งขันกับบริษัทคู่แข่ง / การแพร่ระบาดของ Covid-19
Surachai Pramualcharoenkit
(66) 2658 6300 ext 1470
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ