บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 24-2-2022
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T / 24 กุมภาพันธ์ 2565
INVESTMENT STRATEGY
ย่อสร้างฐาน :
รัสเซีย-ยูเครน ยังกดดัน วันนี้คาด SET ย่อสร้างฐาน ในกรอบแนวรับ 1,685 จุด และแนวต้าน 1,710 จุด เน้นหุ้นแนวโน้มกำไรเด่น โดย ATO Picks วันนี้แนะนำ “TU, WICE”
TU
กำไร 4Q64 ขยายตัวดี แรงหนุนจากทุกธุรกิจที่ทำได้ดี รวมถึงอัตราการทำกำไรที่ปรับตัวขึ้น และการขาดทุนของ บริษัทร่วมลดลง YoY โดยคาดปี 65 กำไรยังคงเดินหน้าต่อเนื่อง ราคาขายปรับขึ้นคาดช่วยหนุนมาร์จิ้น อีกทั้งยังมีการเตรียม spin-off บ.ลูก ปลดล็อคมูลค่าเพิ่มเติม
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 22 บาท
WICE
คาดกำไร 4Q64 ที่ 180 ล้านบาทดีกว่าคาด 7% และทำจุดสูงสุดใหม่เป็นไตรมาสที่ 8 ติดต่อกัน คาดปี65 ยังคงเติบโตได้ต่อเนื่อง สอดคล้องกับภาพการส่งออกของไทยที่เติบโตได้แข็งแกร่ง เส้นทางขนส่งหลักทั้งสหรัฐฯจีน เติบโต ผสานเตรียม spin-off บ.ลูก เข้าตลาดปลดล็อคมูลค่า
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 22.1 บาท
INVESTMENT THEME
สถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน ยังกดดัน: หลังจากที่รัสเซียประกาศรับรองเอกราชให้กับเขตโดเนตสก์และเขตลูฮันสก์ สร้างความไม่พอใจแก่สหรัฐฯและกลุ่มยุโรป ส่งผลให้เหตุการณ์ความวุ่นวายระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งนาไปสู่ที่การคว่าบาตรรัสเซีย (เน้นด้านการเงินเป็นหลัก)ในขณะที่ยูเครนได้ประกาศภาวะฉุกเฉิน ส่วนรัสเซียได้อพยพเจ้าหน้าที่ออกจากสถานฑูตในกรุงเคียฟ ทั้งหมดล้วนสะท้อนความเสี่ยงที่สูงขึ้น (กดดันตลาดหุ้นสหรัฐฯ, ยุโรป รวมถึงเอเชียเช้านี้ย่อตัว) ขณะที่สินทรัพย์ปลอดภัยยังปรับขึ้นเด่น (ราคาทองคา ทะลุ 1910เหรียญต่อดอลล่าร์) ดังนั้นระยะสั้นยังคงแนะติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด โดยประเมินแนวรับระยะสั้นบริเวณ 1680 จุด รอสะสมกลุ่มที่อิงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก
ต่างชาติซื้อต่อเนื่อง ส่วนกองทุนพลิกกลับมาซื้อเล็กน้อย : วานนี้นักลงทุนนักลงทุนสถาบันในประเทศพลิกมาซื้อสุทธิ 145 ล้านบาท ถือเป็นการซื้อสุทธิครั้งแรกในรอบ 13 วันทาการ ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังคงทยอยซื้อสะสมต่อเนื่องอีก 1.57 พันล้านบาท ส่งผลให้ตั้งแต่ต้นปีต่างชาติซื้อสุทธิไปแล้วกว่า 7.3 หมื่นล้านบาท ยังเป็นปัจจัยสาคัญที่ช่วยพยุงตลาดหุ้นไทย สอดคล้องกับภาพเศรษฐกิจในประเทศที่กาลังฟื้นตัว
MARKET SUMMARY
วานนี้SETผันผวนเริ่มมีแรงซื้อกลับหลังตอบรับความกังวลรัสเซีย-ยูเครนไปบางส่วนโดย SET ปิดที่ 1,696.45 (+5.33จุด) มูลค่าการซื้อขาย 8.7หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 9.3หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทย1,571ลบ. (นักลงทุนสถาบันซื้อ 145ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Futureที่ 6,542สัญญา)
EYES ON
24 ก.พ. ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ US, GDP 4Q21 ของ US, ยอดขายบ้านใหม่ US
25 ก.พ.ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน US, ตัวเลข US PCE
TPI Polene (TPIPL)
4Q64กำไรยังเด่น แม้ไม่ทำสถิติตามคาด
BUY
Share Price THB 1.75
12 m Price Target THB 2.50 (+43%)
Previous Price Target THB 2.50
ผลประกอบการ 4Q64
TPIPL ประกาศผลประกอบการ 4Q64 มีกำไรที่ยังเด่น 1,507 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 25%QoQ และดีกว่าปีก่อนที่ขาดทุน 233 ล้านบาท แม้ว่าจะไม่ได้ทำสถิติสูงสุดใหม่ตามที่เราคาดหวังไว้ที่ 1,800 ล้านบาท ผลประกอบการยังได้แรงหนุนสำคัญจาก ผลประกอบการธุรกิจปิโตรเคมีที่โดดเด่นเนื่องจากสเปรด EVA – Ethylene เฉลี่ยทำสถิติ 1,700-1,800 เหรียญ/ตัน เทียบกับไตรมาสก่อน 1,400 เหรียญ/ตัน ทำให้มี EBITDA สูงถึง 1,805 ล้านบาท (+70%QoQ, +100%YoY) ธุรกิจปูนซีเมนต์-วัสดุก่อสร้าง ถูกกระทบจากต้นทุนถ่านหิน ทำให้ EBITDA ทรุดลงเหลือ 261 ล้านบาท (-42%QoQ, -20%YoY) ธุรกิจพลังงาน ถูกกระทบจากต้นทุนถ่านหินแพงทำให้ขายไฟให้ TPIPL เฉพาะช่วง Peak ในขณะที่ขายไฟให้ EGATยังปกติ มี EBITDA1,282 ล้านบาท (+3%QoQ, -13%YoY) รวมแล้วปี 2564 มียอดขาย 38,920 ล้านบาท เติบโต 14% และ มีกำไรทำสถิติสูงสุดใหม่ 5,671 ล้านบาท โต 279%
แนวโน้มผลประกอบการ
แนวโน้มผลประกอบการ 1Q65 คาดกำไรจะยังเด่นในระดับเกิน 1 พันล้านบาท แรงหนุนธุรกิจปิโตรเคมี สเปรด EVA – Ethylene ที่เดือน ม.ค. แม้ว่าจะอ่อนตัวลง แต่ยังอยู่ในระดับสูง 1,600 เหรียญ/ตัน สำหรับแนวโน้มปี 2565 ประมาณการของเราบนสมมติฐานให้สเปรดปิโตรเคมีลดลงจากปี 2564 และ ธุรกิจพลังงาน โรงไฟฟ้าที่ได้ adder 3.50 บาท จะทยอยหมดอายุ คือ TG3 18MW เดือน ม.ค. และ TG5 55MW เดือน ส.ค. แต่ยังขายไฟได้ต่อที่ราคาฐาน จากโรงไฟฟ้าที่ได้ adder ทั้งหมด 163MW คาด EBITDA จะหายไปประมาณ 800-900 ล้านบาท ส่วนธุรกิจวัสดุก่อสร้าง คาดความต้องการจะฟื้นตัว และ ปรับราคาขายปูนซีเมนต์ขึ้น เราคงประเมินกำไรปี 2565 เท่ากับ 3,743 ล้านบาท แม้จะลดลงจากปีก่อน 34% แต่ยังเป็นระดับกำไรที่เด่น
คำแนะนำการลงทุน
ราคาหุ้นมี Valuation ที่ถูก ซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น 2.50 บาท มีค่า P/E ปี 2565 ที่ต่ำ 8.9 เท่า และ มีอัตราเงินปันผลตอบแทนดี 4.5% เราประเมินราคาเป้าหมาย 2.50 บาท บนฐาน ค่าเฉลี่ย 10 ปี Forward P/E ของกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซึ่งเท่ากับ 14 เท่า แล้วหักด้วยคดีฟ้องร้อง คงแนะนำ ซื้อ
ความเสี่ยง
ถูกฟ้องร้องทำเหมืองแร่นอกประทานบัตรเรียกร้องค่าเสียหาย 6 พันล้านบาท (ดูรายละเอียดในหมายเหตุประกอบงบ) / ธุรกิจปูนซีเมนต์มีอุปทานส่วนเกินและแข่งขันสูง / ราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในตลาดโลก / โรงไฟฟ้า adder จะหมดอายุในปี 2565 และ 2568 แต่ยังขายไฟได้ต่อที่ราคาฐาน และ กำลังได้โรงไฟฟ้าใหม่เข้ามาทดแทน
Surachai Pramualcharoenkit
(66) 2658 6300 ext 1470
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ