บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 21-2-2022
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T / 21 กุมภาพันธ์ 2565
INVESTMENT STRATEGY
ย่อสร้างฐาน :
รัสเซีย-ยูเครน ยังไม่ชัดเจน
วันนี้คาด SET ย่อสร้างฐาน ในกรอบแนวรับ 1,700 จุด และแนวต้าน 1,720 จุด เน้นหุ้นแนวโน้มกำไรเด่น โดย ATO Picks แนะนำ “CPALL, ASK”
CPALL
ได้ผลบวกชัดเจนจากการเปิดเมืองเนื่องจากเป็นผู้นำตลาดทั้งธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าส่ง และร้านค้าปลีก SSSG ร้านเซเว่นฯ ฟื้นตัว รวมทั้งได้อานิสงส์จากเงินเฟ้อ ส่วนกำไรสุทธิ 4Q64 คาดที่ระดับ 9,062 ล้านบาท เติบโตสูงจากการบันทึกกำไรพิเศษจากการแลกหุ้น และกำไรหลักฟื้นดี
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 68 บาท
ASK
รายงานกำไร 4Q64 ที่ 344 ล้านบาท (+56%YoY, +9%QoQ) ดีกว่าคาด 4% และทำ New High แรงหนุนจากยอดสินเชื่อขยายเด่น และรายได้ประกันเติบโตดี ท่ามกลางการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดี ผสาน NIM ปรับตัวขึ้น 20 bps QoQ สู่ 5.81% และ NPL ratio ลดลง 8bps QoQ สู่ 2.71%
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 55 บาท
INVESTMENT THEME
สถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนยังไม่ชัดเจน : สถานการณ์ความวุ่นวานระหว่างรัสเซีย และยูเครนยังไม่ชัดเจนนัก โดยสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาหน่วยข่าวกรองของหลายประเด็นยังให้น้ำหนักว่ารัสเซียยังพยายามที่ระดมกำลังทหารมากยิ่งขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่ความรุนแรงในช่วงถัดไปได้ ดังนั้นความไม่แน่นอนนี้คาดยังเป็นแรงกดดันต่อตลาดสินทรัพย์เสี่ยงระยะสั้น ในขณะที่แรงซื้อยังคงไหลเข้าไปหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัยมากกว่า เช่น ทองคำ (ทะลุ 1900 USD/Oz) และพันธบัตร (10Yrs US Yield ลดลง 3 วันติดต่อกัน) โดยรวมคาดจะเข้ามากดดันตลาดหุ้นเอเชียรวมถึงไทยในเช้าวันนี้
วันนี้จับตา 4Q64 GDP ไทย : วันนี้ติดตามการรายงานตัวเลข GDP ไทย ประจำไตรมาส 4Q64 โดยตลาดคาดขยายตัว +0.8%YoY จาก 3Q64 ที่ -0.3%YoY โดยภาพเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวหลังกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆกลับมาดำเนินการอีกครั้งในช่วง 4Q64 หนุนภาคการบริโภค การลงทุนมากยิ่งขึ้น ผสานกับฟันเฟืองที่เศรษฐกิจในส่วนที่ดีอยู่แล้ว เช่น ภาคส่งออก ยังถือเป็นแรงขับเคลื่อนที่ดี ส่วนประเด็นอื่นๆในสัปดาห์นี้ที่ควรจับตา เช่น ยอดส่งออกไทย เดือนมกราคม ที่จะรายงานวันที่ 23 ก.พ. คาดยังขยายตัวสูงราว 18%YoY และ สุดสัปดาห์จับตาตัวเลข PCE ของสหรัฐฯ ที่จะเป็นข้อมูลสำคัญต่อการตัดสินใจดำเนินนโยบายทางการเงินของ FED
MARKET SUMMARY
วันศุกร์ที่ผ่านมา SET ผันผวน ตามความไม่แน่นอนของสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน โดย SET ปิดที่ 1,713.20 (+1.62 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 9.5 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 1 แสนล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 1,777 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 1,282 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Futureที่ 436 สัญญา)
EYES ON
21 ก.พ. GDP 4Q21 ของไทย, PMI ภาคการผลิตและบริการของยูโรโซน
22 ก.พ. PMI ภาคการผลิตและบริการของ US, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค US
23 ก.พ. ตัวเลขส่งออกไทย, ดัชนี CPI ของยูโรโซน
24 ก.พ. ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ US, GDP 4Q21 ของ US, ยอดขายบ้านใหม่ US
Major Cineplex Group (MAJOR)
กลับสู่เส้นทางการฟื้นตัว
BUY
Share Price THB 20.80
12 m Price Target THB 25.50 (+23%)
Previous Price Target THB 28.00
ประเด็นการลงทุน
แม้เราปรับลดประมาณการสะท้อนถึงการที่ไม่ได้รับรู้กำไรจาก SF อีกต่อไป แต่คาดว่า MAJOR จะมีกำไรฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญในปีนี้หลังจากได้รับผลกระทบจากล็อกดาวน์มา 2 ปี โดยคาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นชัดเจนจากทั้งความต้องการดูหนังฟื้นตัว และการมีหนังเข้าฉายเป็นจำนวนมาก บริษัทยังมีการลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายลงตั้งแต่ช่วงล็อกดาวน์ อีกทั้งจะมีการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตต่อไป เราคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย (DCF) 25.50 บาท จากเดิมที 28 บาท
4Q64 ฟื้นตัวเป็นกำไรดีกว่าคาด
MAJOR พลิกมามีกำไร 100 ล้านบาท ซึ่งดีกว่าที่เราคาด เนื่องจากควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดี รายได้จากการขายตั๋วหนังฟื้นตัวอย่างมีนัยยะ QoQ จากการเปิดเมือง และเติบโต 36% YoY จากหนังทำรายได้ดี เช่น Spider-Man : No Way Home และหนังไทยเรื่อง 4 Kings รายได้จากการขายอาหารและเครื่องดื่มฟื้นตัวดีเช่นกัน แต่รายได้โฆษณาและค่าเช่ายังชะลอตัว ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลดลงมาก เนื่องจากไม่ได้รับรู้กำไรจาก SF เนื่องจากขายหุ้น SF ทั้งหมดเมื่อปลายเดือน ส.ค. MAJOR จะจ่ายเงินปันผล 0.60 บาทหุ้น (XD 21 เม.ย.) คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 3%
รายได้จากการขายตั๋วหนังเพิ่มขึ้นชัดเจนในปีนี้
รายได้ช่วงเดือน ม.ค. ถึงปัจจุบัน ชะลอตัวเนื่องจากหนังที่เข้าฉายส่วนใหญ่เป็นหนังเก่า แต่ในเดือน มี.ค. จะมีหนังใหม่เข้าฉายมากขึ้น เช่น The Batman เราคาดว่าผลประกอบการ 1Q65 ชะลอตัวลงก่อนที่จะเร่งตัวดีขึ้นตั้งแต่ 2Q65 เป็นต้นไป จากการที่มีหนังฮอลลีวูดฟอร์มใหญ่ทยอยเข้าฉายหลายเรื่อง เช่น Jurassic World, Doctor Strange in the Multiverse of Madness, The Batman, Morbius, Top Gun 2, Black Panther, Thor และ Avatar 2 และหนังไทย เช่น บุพเพสันนิวาส 2 รวมทั้งหนังไทย 45-50 เรื่อง ค่าตั๋วหนังเฉลี่ย (ATP) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการปรับเพิ่มค่าตั๋วหนังฟอร์มใหญ่ ในด้านต้นทุนและค่าใช้จ่ายยังคงมีการควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หลายแหล่งรายได้ช่วยผลักดันการเติบโต
ยอดขายป๊อบคอร์นคาดว่าจะเติบโตได้ดีจากการมีหนังเข้าฉายมากขึ้น รวมทั้งขายแบบ Delivery และจะมีการขายทาง Modern trade รวมทั้งในเซเว่นฯ ตั้งแต่ 2Q65 ขณะที่บริษัทย่อยเน้นการผลิตหนังร่วมกับพาร์ทเนอร์ โดยปีนี้จะผลิตหนัง 25-30 เรื่อง และมีการผลิตให้กับ Netflix 4-5 เรื่อง (ปีที่แล้ว 2 เรื่อง) ช่วยเพิ่มรายได้ และอาจจะทำให้ MPIC ฟื้นตัวจากขาดทุนมาเป็นกำไรได้ MAJOR คาดว่าจะประกาศการลงทุนในกิจการใหม่ภายใน 1H65 ซึ่งเราคาดว่ายังเกี่ยวกับธุรกิจหนังและสนับสนุนการเติบโตต่อเนื่อง
ความเสี่ยง: โควิดระบาดรอบใหม่ หนังทำรายได้ต่ำกว่าคาด
Suttatip Peerasub
(66) 2658 6300 ext 1430
TMT Steel (TMT)
กำไร4Q64ลดลงใกล้คาด ปันผล2H64ดี
HOLD
Share Price THB 10.40
12 m Price Target THB 11.00 (+6%)
Previous Price Target THB 11.00
ผลประกอบการ 4Q64
TMT ประกาศผลประกอบการ 4Q64 มีกำไรที่ชะลอตัวลงแรง เหลือ 161 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อน -53%QoQ และ ปีก่อน -7%YoY ใกล้กับที่เราคาดหมายไว้จะมีกำไร 158 ล้านบาท กำไรที่ทรุดลงเนื่องจากต้นทุน HRC ที่สูงขึ้น ในขณะที่ราคาขายเข้าสู่แนวโน้มขาลงในเดือน พ.ย. – ธ.ค. ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับลดลงเหลือ 6.4% จาก 10.7% ในไตรมาสก่อน และ 9.8% ในปีก่อน ภาวะโดยรวมยังซบเซาทำให้ปริมาณขายชะลอตัวลงต่อ 166,700 ตัน (-1%QoQ, -9%YoY) รวมเป็นมูลค่ายอดขายเท่ากับ 5,593 ล้านบาท (-1%QoQ, +50%YoY) แต่รวมปี 2564 มีกำไรที่เด่นและทำสถิติสูงสุดใหม่เท่ากับ 1,530 ล้านบาท โต 184% แรงหนุนจากราคาเหล็กครึ่งปีแรกที่ขึ้นแรง
แนวโน้มผลประกอบการ
ปี 2565 ผู้บริหารตั้งเป้าหมายปริมาณขายเหล็กจะเติบโต 12% สู่ระดับ 800,000 ตัน แรงหนุนจาก TMT มีจุดเด่น มีสินค้าครบ ขายสินค้าบวกด้วย Solution และ บริการ ขยายกำลังการผลิตไปเหล็กปลายน้ำมากขึ้น เช่นเหล็กชนิดเรียบพิเศษ ในขณะที่คู่แข่งมีความไม่พร้อม ประเมินอัตรากำไรขั้นต้นประมาณ 8-9% ลดลงจากปี 2564 เท่ากับ 12.6% เราคาดยอดขาย 23,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% ในขณะที่กำไรจะลดลง 45% เหลือ 835 ล้านบาท ภายใต้สมมติฐานราคาเหล็กค่อนข้างทรงตัว
คำแนะนำการลงทุน
TMT เป็นหุ้นเหล็กที่ปันผลเด่น ได้จ่ายปันผลครึ่งปีหลังอีก 0.70บาท จากครึ่งปีแรก 0.6 0บาท รวมปันผลกำไรปี 2564 เท่ากับ 1.30บาท คิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทน 12.7% เราประเมินราคาเป้าหมายปี 2565 บนฐานค่าเฉลี่ย 10 ปี Forward P/E + 1SD เท่ากับ 11 เท่า ได้เท่ากับ 11 บาท เราคงแนะนำ ถือ รับปันผล
ความเสี่ยง
ราคาเหล็กผันผวน / อุตสาหกรรมเหล็กล้นตลาด / สัดส่วนหนี้ต่อทุนที่สูง
Surachai Pramualcharoenkit
(66) 2658 6300 ext 1470
Siam City Cement (SCCC)
ปี2565จะโตเล็กน้อย ท่ามกลางไม่แน่นอน
BUY
Share Price THB 173.00
12 m Price Target THB 200.00 (+16%)
Previous Price Target THB 200.00
ประเด็นการลงทุน
ปี 2565 ผู้บริหารตั้งเป้าหมายความต้องการปูนซีเมนต์จะเติบโตเล็กน้อย 1% ท่ามกลางหลายปัจจัยไม่แน่นอน โดยประเด็นราคาถ่านหินปรับขึ้นแรง ทาง SCCC ได้พยายามผลักดันราคาเพิ่มขึ้น พร้อมกับการเพิ่มประสิทธิภาพลดต้นทุน เราคาดผลประกอบการปี 2565 จะเติบโต แม้ไม่เด่น SCCC มีฐานะการเงินแข็งแกร่งหนี้สุทธิต่อทุนต่ำ มีกระแสเงินสด EBITDA สูง 8.3 พันล้านบาท ราคาซื้อขาย P/E ต่ำ 12.4 เท่า EV/EBITDA 8.6 เท่า P/BV 1.3 เท่า และ อัตราเงินปันผลตอบแทน 5.6% เราประเมินราคาเป้าหมายบนฐานค่าเฉลี่ย 10 ปี Forward P/E – 0.5SD = 15x ได้เท่ากับ 200 บาท เราคงแนะนำ ซื้อ
ตั้งเป้าตลาดปูนซีเมนต์จะโตเล็กน้อย 1% ท่ามกลางความไม่แน่นอน
จากการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวันศุกร์ (18 ก.พ.) ผู้บริหารมีมุมมองแนวโน้มความต้องการปูนซีเมนต์ในปีนี้ด้านบวกแบบระมัดระวัง คาดความต้องการปูนซีเมนต์จะเติบโตเล็กน้อย 1% จากมีหลายปัจจัยความไม่แน่นอน รวมถึงการแข่งขันในตลาด ซึ่งไตรมาส 1Q65 จะยังมี Momentum ด้านบวกต่อจากไตรมาสสี่ที่จะโตมากกว่า 1% ปีนี้ตั้งงบลงทุนประมาณ 2 พันล้านบาท โดยประมาณ 1.2 พันล้านบาท เป็นงบสำหรับการซ่อมบำรุง นอกจากนี้ประเทศศรีลังกา ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 40% จะขยายกำลังการผลิตโรงบดปูนซีเมนต์เพิ่มอีก 1 ล้านตัน ใช้เงินลงทุนประมาณ 56-57 ล้านเหรียญเสร็จประมาณปลายปี 2567 และ มีโครงการลดการใช้ Clinker ในการผลิตปูนซีเมนต์ในไทยและเวียดนาม
บริหารจัดการต้นทุน และ ขึ้นราคาขาย จะช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้น
ด้านราคาขายทาง SCCC จะพยายามปรับขึ้นราคาขายตามต้นทุนวัตถุดิบคือ ถ่านหินที่ปรับขึ้นแรง แต่จากการแข่งขันสูง ตั้งเป้าจะเพิ่มขึ้นได้ประมาณ 60% ของต้นทุนที่ปรับขึ้น ที่เหลือจะเพิ่มประสิทธิภาพลดต้นทุน และ ใช้เชื้อเพลิงทดแทน ปีนี้ตั้งเป้าจะใช้เชื้อเพลิงทดแทนสัดส่วนเพิ่มเป็น 14-15% จากปีก่อน 11% ด้านต้นทุนถ่านหินซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตปูนซีเมนต์ ปัจจุบันได้ล็อกปริมาณถ่านหินประมาณ 50% ที่จะใช้ในปีนี้ และ ล็อกราคาประมาณ 30-40% ประมาณการของเราคาดอัตรากำไรขั้นต้นที่ 31.6% ซึ่งต่ำกว่าไตรมาส 4Q64 ที่ทำได้ 32.5% แต่ดีกว่าเฉลี่ยปีก่อน 30.6%
คงประมาณการ คาดผลประกอบการจะเติบโต แม้ว่าไม่สูง
เราคงประมาณการปี 2565 คาดยอดขาย 43,692 ล้านบาท เติบโต 4.8% โดยเป็นผลของปริมาณที่เพิ่มขึ้น 1%-2% และ ผลราคาขายที่ปรับขึ้นมาประมาณ 200 บาท/ตัน ในไตรมาสสี่ที่ผ่านมา และ คาดจะมีกำไรปกติ 4,159 ล้านบาท เติบโต 9.9% ส่วนกำไรสุทธิจะลดลงเล็กน้อย 2% จากปีก่อนมีรายการพิเศษทางภาษี 645 ล้านบาท
Surachai Pramualcharoenkit
(66) 2658 6300 ext 1470
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ