บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 17-2-2022
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T / 17 กุมภาพันธ์ 2565
INVESTMENT STRATEGY
แกว่งขึ้น :
เกาะติดตัวเลขเศรษฐกิจ
วันนี้คาด SET แกว่งขึ้น ในกรอบแนวรับ 1,685 จุด และแนวต้าน 1,710 จุด เน้นสะสมหุ้นที่คาดแนวโน้มกำไรขยายตัวดี โดย ATO Picks แนะนำ “MINT, THANI”
MINT
คาดแนวโน้มกำไร 4Q64 จะเติบโตได้ทั้ง QoQ และ YoY จากการกลับมาเปิดเมือง และการเข้าสู่ช่วง High Season โดยคาด MINT จะมีอัตราการเข้าพักที่แข็งแกร่งที่สุด แรงหนุนหลักจากโรงแรมในยุโรปและมัลดีฟส์ที่ดี ผสานนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ เป็นแรงเสริมในช่วงถัดไป
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 37 บาท
THANI
รายงานกำไร 4Q64 ที่ 454 ล้านบาท ดีกว่าตลาดคาด 28% แต่สอดคล้องกับมุมมองของเราที่เชื่อว่าผลการดำเนินงานผ่านพ้นจุดต่ำสุดใน 3Q64 แล้ว โดยได้แรงหนุนหลักจากยอดสินเชื่อที่เติบโตดีจากตลาดรถบรรทุก ผสานการตั้งสำรองที่น้อยกว่าคาด รวมถึงรายได้ประกันที่เติบโตได้ดี
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 5.0 บาท
INVESTMENT THEME
รายงานการประชุม FED หนุนตลาดฟื้น : การเปิดเผยรายงานการประชุม FED ครั้งล่าสุด พบว่าคณะกรรมการ FED ส่วนใหญ่เห็นควรที่จะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นในเร็วๆนี้ แต่การปรับขึ้นแต่ละครั้งจะขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจในการประชุมแต่ละครั้ง ซึ่งสะท้อนมุมมองที่อาจจะไม่ได้แข็งกร้าวเหมือนมุมมองส่วนตัวของนายเจมส์ บูลลาร์ด หนุนตลาดคลายกังวลสั้น และแนะติดตามตัวเลขเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด
สัญญาณเศรษฐกิจสหรัฐฯยังร้อนแรง : การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ยังสะท้อนภาพเศรษฐกิจที่ร้อนแรง นำโดย ดัชนีผู้ผลิต (PPI) เดือน ม.ค. ขยายตัว +9.7%YoY สูงกว่าคาดที่ +9.1%YoY, ยอดค้าปลีกเดือน ม.ค. +3.8%MoM สูงกว่าคาดที่ +2%MoM รวมถึงผลผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือน ม.ค. +1.4%MoM ดีกว่าคาดที่ 0.5%MoM
รัสเซีย-ยูเครน ยังไม่แน่นอน น้ำมันยังผันผวน : ยังคงต้องติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับยูเครน ซึ่งทางด้านรัสเซียได้มีรายงานการถอนกำลังบางส่วนที่ประจำการบริเวณแนวพรมแดนรัสเซีย-ยูเครน แต่ทางด้าน NATO และสหรัฐฯ เผยยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนของการลดกำลังทหาร จึงยังทำให้ราคาน้ำมันดิบโลกยังคงแกว่งตัวผันผวน
MARKET SUMMARY
วานนี้ SET ฟื้นตัว รับแรงหนุนจากมาตรการรัฐฯ และการคลายกังวลรัสเซีย-ยูเครน โดย SET ปิดที่ 1,701.45 (+16.76 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 9.1 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 8.6 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทย 2,896 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 3,874 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Futureที่ 6,244 สัญญา)
EYES ON
17 ก.พ. ตัวเลขการสร้างบ้าน US, ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ US
18 ก.พ. ยอดขายบ้านมือสอง US, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ยูโรโซน
Muangthai Capital PCL (MTC TB)
เพิ่มต้นทุนระยะสั้น เพื่อโตแกร่งระยะยาว
BUY
Share Price THB 54.50
12 m Price Target THB 63.00 (+16%)
Previous Price Target THB 65.00
ยอมเพิ่มต้นทุนระยะสั้น เพื่อประโยชน์ระยะยาว
เราคาดว่า MTC จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2565 แต่จะมาพร้อมกับค่าใช้จ่ายดำเนินงาน (Opex) ที่สูง NIM และรายรับค่าธรรมเนียมที่อ่อนแอ ซึ่งการที่จะมียอดสินเชื่อโตแกร่ง MTC จำเป็นต้อง (1) เรียกเก็บอัตราดอกเบี้ยต่ำสุด (2) จ่ายค่าธรรมเนียมอัตราพิเศษเพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่ และ (3) ไม่มีการบังคับขายประกัน (ซึ่ง MTC เชื่อว่าลูกค้ามาเพื่อกู้เงิน ไม่ใช่มาซื้อประกัน) เราลดคาดการณ์กำไรปี 65-66 ลงเพื่อสะท้อนต้นทุนเครดิตที่สูงขึ้นและ non-nii ที่ลดลง แนะนำ ซื้อ และลด TP เหลือ 63 บาท (4.5x P/BV ปี 65 ที่ 4.5 เท่า P/E 22 เท่า และ ROE ระยะยาว 22.2%)
ตั้งเป้าสินเชื่อโตแกร่ง แต่ OPEX และต้นทุนสินเชื่อสูง
CEO ย้ำว่าการขยายฐานลูกค้าและเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยบริษัทตั้งเป้าสินเชื่อปีนี้เติบโต 25-30% อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ (CIR) 48-50% และต้นทุนสินเชื่อ 120-140bps นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าอัตราผลตอบแทนเงินกู้และรายได้ค่าธรรมเนียมได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้วในไตรมาส 4/64 เราคาดการณ์การเติบโตของสินเชื่อที่ 22% และ CIR ที่ 48.5% เนื่องจากคาดว่า MTC จะเพิ่มสาขาใหม่ 700 สาขาในปี 2565 เราเชื่อว่า MTC จะยอมลดกำไรในระยะสั้นลง (จาก NIM ที่อ่อนแอและ opex ที่สูง) เพื่อให้ได้ฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น
Opex และต้นทุนสินเชื่อสูงขึ้นกระทบกำไรไตรมาส 4/64
กำไรสุทธิไตรมาส 4/64 อยู่ที่ 1.1 พันล้านบาท ลดลง 17% YoY และ 8% QoQ เนื่องจากรายรับค่าธรรมเนียมที่อ่อนแอ opex และต้นทุนสินเชื่อที่สูง ขณะที่ Non-NII ลดลง 25% YoY และ 19% QoQ เนื่องจากผลกระทบทั้งไตรมาสต่อค่าธรรมเนียมการจัดเก็บหนี้ที่ลดลง NIM ลดลง 20bp QoQ มาอยู่ที่ 15.8% จากผลตอบแทนเงินกู้ที่ลดลง opex เพิ่มขึ้น 26% YoY จากค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับแรงจูงใจในการทวงหนี้และขยายสาขา ต้นทุนต่อรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 55.3% ในไตรมาส 4/64 จาก 46.8% ในไตรมาส 4/63 อัตราส่วน NPL เพิ่มขึ้น 22bps QoQ เป็น 1.41% ในขณะที่ต้นทุนสินเชื่อเพิ่มขึ้นเป็น 121bps ในไตรมาส 4/64 จาก 119bp ในไตรมาส 3/64 ในแง่บวก สินเชื่อเพิ่มขึ้น 8% QoQ และ 29% YoY เป็น 9.06 หมื่นล้านบาท
ลดคาดการณ์กำไรปี 65-66 ลง 1-3% จากต้นทุนเครดิตที่เพิ่มขึ้นและการหดตัวของรายได้ค่าธรรมเนียม
แม้ว่าเราจะเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของสินเชื่อในปี 65-66 เป็น 18-22% จาก 16-18% แต่เราได้ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิลง 1-3% เนื่องจากต้นทุนสินเชื่อที่สูงขึ้นและ non-nii ที่ลดลง เราคาดต้นทุนสินเชื่อเพิ่มเป็น 1.2-1.3% จาก 0.9% ในปี 65-66 เนื่องจาก MTC จะเติบโตในกลุ่มที่มีความเสี่ยงมากขึ้น เช่น สินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ (ผลตอบแทนเงินกู้ 22-24%) และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน (17-18%) นอกจากนี้เรายังคาดว่า non-nii จะลดลง 24% YoY เนื่องจากผลกระทบทั้งปีของค่าธรรมเนียมการจัดเก็บหนี้ที่ลดลง
Jesada Techahusdin, CFA
(66) 2658 6300 ext 1395
Precious Shipping (PSL)
วงจรขาขึ้นปีนี้ กำลังจะเริ่มแล้ว
BUY
Share Price THB 17.10
12 m Price Target THB 20.50 (+20%)
Previous Price Target THB 18.60
ประเด็นการลงทุน
เรามีมุมมองบวกต่อการประชุมนักวิเคราะห์ (อังคาร 14) และผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งกว่าคาด 19.4% ในปี 2564 ซึ่งผลักดันมาจากการจัดการภายในที่ดี ทำให้จึงได้รับประโยชน์เต็มที่จากค่าระวางเรือเทกองเชิงบวกในปีก่อน และเราคาดว่าค่าระวางเรือเทกองมีแนวโน้มจะยังสูงต่อเนื่องในปีนี้จากภาวะอุปสงค์ขยายตัวมากกว่าอุปทาน เราปรับประมาณการกำไรปี 65-66 ขึ้น 40-45% ประปรับปรุงราคาเหมาะสมขึ้น 10% เป็น 20.50 บาท/ หุ้น อิง P/BV เฉลี่ยกลุ่มที่ 1.8x ตามเดิม
สถานการณ์รอบด้านปี 2565 ยังเป็นคุณกับบริษัท
ดังนี้ (1) อุปสงค์ความต้องการสินค้าแห้งเทกองยังแข็งแกร่ง แม้ว่า IMF จะปรับลดการเติบโตของ GDP โลกลง แต่ก็ยังขยายตัว +4.4% YoY ขณะที่รัฐบาลจีนยังคงกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง เช่น การลด RRR, การลดดอกเบี้ย และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานรถไฟความเร็วสูง 5 หมื่น กม.ภายใน 5 ปี เป็นต้น (2) ปัจจุบันมีเรือสั่งต่อใหม่เพียง 6.88% ของกองเรือโลก ต่ำสุดในรอบ 20 ปี ขณะที่มีเรือกว่า 7.26% ที่มีอายุมากกว่า 20 ปี และแรงกดดันจากระเบียบ จัดการน้ำถ่วงเรือ, IMO2020, EEXI และ CII ทำให้อาจเห็นการทำลายทิ้ง (scraping) พุ่งขึ้นได้ (3) เรือกลุ่ม Handysize ได้ประโยชน์ทางอ้อมจากปัญหาของเรือ Container จากการสลับมาใช้ทดแทน ส่วนเรือ Supramax ก็มีความเสถียรของค่าระวางมากกว่าเรือขนาดใหญ่จากความหลากหลายของสินค้าที่ขนส่งได้ และการเข้าเทียบท่าที่สะดวกกว่า โดย Clarksons คาดว่าความต้องการในแง่ตันไมล์จะเพิ่ม 2.2% แต่อุปทานจะขยายตัวสุทธิเพียง 2.0% ดังนั้นเราคาดว่าค่าระวางเรือเฉลี่ยจะยืนในระดับสูง และเพิ่มขึ้นจากปี 2564 ได้ต่อ
ไตรมาส 4 ที่ยอดเยี่ยมเกินคาด
PSL รายงานกำไรสุทธิ 4Q64 ที่ 1,773 ลบ. +18.1% QoQ และเพิ่ม 64 เท่าตัวจากปีก่อน ส่งผลให้กำไรงวดปีทำได้ที่ 4,475 ลบ. สูงกว่าคาดของเรา 19.4% สาเหตุหลักมาจากค่าระวางเรือใน 4Q64 ที่น่าพอใจเหนือความคาดหมายที่ 26,429 เหรียญ/ ลำ/ วัน +6.9% QoQ ซึ่งสวนทางกับ BDI index ที่อ่อนตัวลง -7.4% QoQ ซึ่งเมื่อผนวกกับต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงต่อเนื่องอีก 34 ลบ. จาก 3Q64 ซึ่งทำให้กำไรอออกมาน่าพอใจมาก และจาก outlook ที่แข็งแกร่งข้างต้น เราปรับประมาณการกำไรปี 2565-66 ขึ้น 40-45% ตามลำดับ หลักๆมาจากฐานค่าระวางที่คาดจะยืนได้สูงกว่าสมมติฐานก่อนหน้า 15.5% (ดูรูป 2)
ความเสี่ยง
เรือชญานี นารี และลูกเรืออีก 10 ราย ยังคงถูกควบคุมตัวที่ประเทศไนจีเรีย จากข้อหาเกี่ยวข้องกับการขนส่งยาเสพติด ปัจจุบัน PSL อยู่ระหว่างดำเนินการทางกฎหมายเพื่อช่วยเหลือลูกเรือ และยื่นคำร้องนำเรือกลับออกมาให้บริการ เราตั้งสมมติฐาน PSL อาจสูญเสียวันเดินเรือลำนี้ไป 180 วัน หรือคิดเป็น 1.3% ของประมาณการวันเดินเรือรวม 13,140 วัน
Jaroonpan Wattanawong
(66) 2658 6300 ext 1404
Dynasty Ceramic (DCC)
กำไร4Q64ฟื้นตัวดีขึ้นเท่าคาด 2565จะโต
BUY
Share Price THB 2.96
12 m Price Target THB 3.50 (+18%)
Previous Price Target THB 3.50
ผลประกอบการ 4Q64
DCC ประกาศผลประกอบการ 4Q64 มีกำไรที่ฟื้นตัวดีขึ้น 388 ล้านบาท (+6%QoQ, +7%YoY) เท่ากับที่เราคาดหมายไว้ ผลประกอบการได้แรงหนุนจากการคลายล็อกดาวน์ เริ่มเปิดประเทศ ความต้องการกระเบื้องปูพื้นรวมที่อั้นมาช่วง Covid-19 ระบาด การบูรณะซ่อมแซมหลังน้ำท่วมในหลายพื้นที่ และ ปรับเพิ่มราคาเพื่อสะท้อนต้นทุนที่สูงขึ้น ทำให้ยอดขายเติบโต 1,969 ล้านบาท (+7%QoQ, +4%YoY) อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในเกณฑ์ดี 43.0% เทียบกับ 44.2% ในไตรมาสก่อน และ 41.8% ในปีก่อน จากการปรับราคาขึ้น ประมาณ 1.5% รองรับต้นทุนก๊าซที่ปรับขึ้น รวมปี 2564 ยอดขาย 8,396 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 1.2% แต่กำไรทำสถิติสูงสุดใหม่ 1,700 ล้านบาท เติบโต 7% แรงหนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น 43.3% จาก 41.5% เนื่องจากมีการปรับราคาขายขึ้นเฉลี่ย 5% รวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพ
แนวโน้มผลประกอบการ
แนวโน้มปี 2556 คาดจะเติบโต แรงหนุนจากในต้นปี 2565 ได้ออกผลิตภัณฑ์พรีเมี่ยมใหม่ กระเบื้องพอร์ซเลน ขนาด 60x60 เป็นผู้ผลิตรายแรกของไทย เพื่อทดแทนตลาดนำเข้า หลังปี 2564 ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ กระเบื้องปูพื้นขนาด 60x120ซม. 80x80ซม. และ 40x80ซม. นอกจากนี้ ในช่วงต้นปีได้ปรับราคาสินค้ากลุ่มพรีเมี่ยมขึ้นอีก 4% หลังปีก่อนได้ปรับราคาขายเฉลี่ยขึ้น 5% ปี 2565 ตั้งงบลงทุนประมาณ 400 ล้านบาท คือ 1) สร้าง+ปรับปรุงสาขา 300 ล้านบาท และ 2) โรงงาน 100 ล้านบาท โดยการปรับปรุงสาขาจะขยายโชว์รูม และ จะมีการเปิดร้านกาแฟ เพื่อเป็นจุดแวะพัก มีร้านวัสดุก่อสร้างครบวงจร เพื่อดึงคนเข้าตลาดนัดกระเบื้องมากขึ้น โดยปัจจุบันมี 204 สาขา เราคาดยอดขายจะเติบโตได้ 3.8% สู่ระดับ 8,719 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการของผู้บริหารที่คาดจะเติบโต 5%-10% และ คาดกำไร 1,777 ล้านบาท เติบโต 5%
คำแนะนำการลงทุน
DCC มีฐานะการเงินแข็งแกร่งสัดส่วนหนี้ต่อทุนต่ำเพียง 0.20 เท่า ได้ประกาศจ่ายเงินปันผลประจำไตรมาส 4Q64 เท่ากับ 0.045 บาท รวมจ่ายปันผลกำไรปี 2564 เท่ากับ 0.185 บาทต่อหุ้น มีเงินปันผลตอบแทน 6.3% คงแนะนำ ซื้อลงทุน ประเมินราคาเป้าหมาย 3.50 บาท บนฐานค่าเฉลี่ย 10 ปีของ Dividend Yield – 1SD = 5%
ความเสี่ยง
Covid-19 กระทบภาพรวม / เศรษฐกิจในต่างจังหวัด / ต้นทุนพลังงานและค่าขนส่ง
Surachai Pramualcharoenkit
(66) 2658 6300 ext 1470
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ