บล. เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 3-2-2022
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T / 3 กุมภาพันธ์ 2565
INVESTMENT STRATEGY
แกว่งขึ้น :
เกาะติดประชุม ECB, BOE
วันนี้คาด SET แกว่งขึ้น ในกรอบแนวรับ 1,660 จุด และแนวต้าน 1,680 จุด เน้นหุ้นคาดแนวโน้มกำไรฟื้นตัว โดย ATO Picks แนะนำ “HANA, CPALL”
HANA
แนวโน้มกำไร 4Q64 คาดกลับมาขยายตัว จากคำสั่งซื้อที่ยังอยู่ในระดับสูงทั้งกลุ่ม Auto & Mobile และต่อเนื่องไปยัง 1H65 ผสานกับการต่อยอดเข้าไปในระบบจัดการพลังงานของ EV, Cloud, 5G ซึ่งมีโอกาสเติบโตอีกมาก สวนทางกับราคาหุ้นปรับตัวลงมามากในช่วงที่ผ่านมา เป็นโอกาสสะสม
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 102 บาท
CPALL
ได้ผลบวกชัดเจนจากการเปิดเมืองเนื่องจากเป็นผู้นำตลาดทั้งธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าส่ง และร้านค้าปลีก SSSG ร้านเซเว่นฯ ฟื้นตัว รวมทั้งได้อานิสงส์จากเงินเฟ้อ ส่วนกำไรสุทธิ 4Q64 คาดที่ระดับ 9,062 ล้านบาท เติบโตสูงจากการบันทึกกำไรพิเศษจากการแลกหุ้น และกำไรหลักฟื้นดี
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 68 บาท
INVESTMENT THEME
OPEC เพิ่มกำลังผลิตตามคาด : ผลการประชุม OPEC เมื่อคืนที่ผ่านมา มีมติปรับเพิ่มกำลังการผลิตอีก 400,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนมีนาคม เป็นไปตามแผนเดิม และสอดคล้องกับที่เราคาดการณ์ ท่ามกลางแรงกดดันของฝั่งสหรัฐฯที่ต้องการให้กลุ่ม OPEC เร่งกำลังการผลิตขึ้นมากกว่าแผนเดิม ดังนั้นสถานการณ์อุปทานยังอยู่ในภาวะตึงตัว ในขณะที่ด้านอุปสงศ์ยังฟื้นตัวขึ้นตามทิศทางเศรษฐกิจโลกที่ค่อยๆปรับตัวขึ้น สอดคล้องกับการรายงานตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐฯล่าสุดที่ปรับลดลง -1.047 ล้านบาร์เรล สวนกับที่ตลาดประเมินว่าจะขยายตัวขึ้น 2.377 ล้านบาร์เรล โดยสรุปถือเป็นแรงหนุนต่อราคาน้ำมันดิบโลกยังคงแกว่งตัวในระดับสูง
ภาคแรงงาน US ต่ำคาด : การจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐฯ จาก ADP ลดลง 3 แสนตำแหน่ง สวนทางกับที่ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น 1.8 แสนตำแหน่ง สะท้อนความไม่แน่นอนในระยะสั้นของแรงงานสหรัฐฯ ดังนั้นแนะติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์อย่างใกล้ชิด
เกาะติดประชุม ECB, BOE : วันนี้แนะติดตามการประชุมของธนาคารกลางสำคัญ 2 แห่ง ได้แก่ 1) ธนาคารกลางยุโรป (ECB) แนะจับตาถ้อยแถลงของภาพเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และการใช้นโยบายการเงินของยุโรป และ 2) ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) คาดมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ระดับ 0.5% หลังจากปรับเพิ่มรอบก่อน 0.15%
MARKET SUMMARY
วานนี้ SET ปรับตัวขึ้น แรงซื้อมากในกลุ่มไฟแนนซ์ อิเล็กทรอนิกส์ โดย SET ปิดที่ 1,667.75 (+6.00 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 6.1 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 5.9 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 1,194 ลบ. (นักลงทุนสถาบันซื้อ 1,301 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Future ที่ 22,111 สัญญา)
EYES ON
3 ก.พ. การประชุม ECB, การประชุม BOE, ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ US, PMI ภาคบริการของ US & ยูโรโซน, ISM ภาคบริการของ US, ยอดสั่งซื้อภาคโรงงาน US, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน US
4 ก.พ. เงินเฟ้อไทย, การจ้างงานนอกภาคเกษตร US, อัตราการว่างงาน US
CP All (CPALL)
ฟื้นตัวทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจ
BUY
Share Price THB 62.75
12 m Price Target THB 68.00 (+8%)
Previous Price Target THB 68.00
คำชี้แจงที่สำคัญ: บริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) อาจมีธุรกรรมกับ บมจ. ซีพี ออลล์ (CPALL)
ประเด็นการลงทุน
CPALL ได้ผลบวกชัดเจนจากการเปิดเมืองเนื่องจากเป็นผู้นำตลาดทั้งธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าส่ง และร้านค้าปลีก SSSG ร้านเซเว่นฯ ฟื้นตัว รวมทั้งได้อานิสงส์จากเงินเฟ้อ ส่วนแนวโน้มกำไร 4Q64 ค่อนข้างสูงจากการบันทึกกำไรพิเศษจากการแลกหุ้น เราอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการสะท้อนการปรับโครงสร้างการถือหุ้น MAKRO และโลตัส เราคงคำแนะนำ ซื้อ CPALL ราคาเป้าหมาย 68 บาท (DCF, WACC 7.2%, G.4%)
คาดกำไร 4Q64 ฟื้นตัว และมีกำไรพิเศษ
การเปิดเมืองคาดว่าทำให้ SSSG ของร้านเซเว่นฯ ใน 4Q64 พลิกเป็น +1% (จาก -9.2% 3Q64 และ -18% ใน 4Q63) ขณะที่มีการเร่งขยายสาขาเพื่อให้มีสาขาเพิ่มขึ้น 700 สาขาต่อปี โดยเราคาดว่าสาขาเพิ่มขึ้น 250 สาขาใน 4Q64 การแลกหุ้นโลตัสกับแม็คโครเมื่อปลายเดือน ต.ค. ทำให้ CPALL รับรู้รายได้ของโลตัสผ่านทางการรวมงบของแม็คโคร เราจึงคาดว่ายอดขายของ CPALL เพิ่มขึ้น 7% YoY แต่อัตรากำไรขั้นต้นลดลง เนื่องจากอัตรากำไรของ MAKRO และโลตัสต่ำกว่าร้านเซเว่นฯ โดยคาดกำไรปกติ 2,062 ล้านบาท (+40% QoQ, -40% YoY) อย่างไรก็ดี CPALL จะบันทึกกำไรพิเศษจากการแลกหุ้นโลตัสกับแม็คโคร 6 พันล้านบาท และกำไรจากการขายหุ้นบริษัทย่อย All Now 1 พันล้านบาท ดังนั้น เราคาดกำไรสุทธิ 4Q64 เท่ากับ 9,062 ล้านบาท
คาดผลประกอบการของร้านเซเว่นฯ ฟื้นตัวขึ้นชัดเจน
SSSG เดือน ม.ค. ฟื้นตัวเป็นบวกมากขึ้นจากการอุปโภคบริโภคมากขึ้นจากการจัดกิจกรรมต่างๆ ในช่วงเทศกาล อีกทั้งฐานต่ำในปีก่อน (-17.1% ใน 1Q64) เราคาดว่า SSSG ปีนี้จะได้อานิสงส์จากเงินเฟ้อซึ่งทำให้ราคาสินค้าเพิ่มสูงขึน และการท่องเที่ยวกลับมาคึกคักมากขึ้น ส่งผลบวกต่อทั้งมูลค่าใช้จ่ายต่อครั้งและจำนวนลูกค้าเข้าร้าน ขณะที่อัตรากำไรก็จะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามยอดขายที่ฟื้นตัว
แนวโน้มกำไรโลตัสและ MAKRO ดีขึ้นเช่นกัน
การแลกหุ้นโลตัสและการขายหุ้น MAKRO 132 ล้านหุ้น ทำให้ CPALL มีสัดส่วนการถือหุ้น MAKRO ลดลงจาก 93% เป็น 60% โดยสัดส่วนถือหุ้นโลตัสโดยตรงลดลงจาก 40% เป็น 0% ทำให้ CPALL รับรู้ผลประกอบการโลตัสทั้งหมดผ่านทาง MAKRO ซึ่งคาดว่าทั้งโลตัสและ MAKRO จะมียอดขายและรายได้ค่าเช่าฟื้นตัวจากการเปิดเมือง อีกทั้งมี Synergy จากการรวมธุรกิจ เราอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการสะท้อนการปรับโครงสร้างการถือหุ้นดังกล่าวที่ทำให้ CPALL มีทั้งธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ค้าส่ง และค้าปลีกครอบคลุมลูกค้า B2B และ B2C อีกทั้งเป็นผู้นำตลาดที่ชัดเจนในกลุ่มสินค้าอาหาร
ความเสี่ยง: การล็อกดาวน์ ต้นทุนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ ค่าใช้จ่ายการรีแบรนด์โลตัส
Suttatip Peerasub
(66) 2658 6300 ext 1430
Thai Stanley El. (STANLY)
3Q64/65 ฟื้นตัวดีขึ้น แต่ยังลดลง YoY
BUY
Share Price THB 185.00
12 m Price Target THB 212.00 (+15%)
Previous Price Target THB 212.00
ผลประกอบการ 2Q64/65
STANLY ประกาศผลประกอบการงวด 3Q64/65 (ต.ค.-ธ.ค. 2564) มีกำไรที่ฟื้นตัวดีขึ้น 397 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 49% แต่ยังปรับลดลงจากปีก่อน 8% ใกล้เคียงกับที่เราคาดจะมีกำไรเท่ากับ 415 ล้านบาท ได้แรงหนุนจากยอดขายที่ปรับตัวดีขึ้น 3,512 ล้านบาท เติบโตจากไตรมาสก่อน 16%QoQ ตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมรถยนต์ หลังสถานการณ์ Covid-19 ดีขึ้น มีการคลายล็อกดาวน์ การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว แต่ยังปรับตัวลดลงจากปีก่อนเล็กน้อย 4%YoY เนื่องจากยังมีปัญหาไมโครชิปขาดแคลนในรถบางรุ่น การใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นทำให้อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น 19.0% จาก 16.0% ในไตรมาสก่อน และ 17.5% ในปีก่อน ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนฟื้นตัว 74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 81% จากไตรมาสก่อน แต่ยังลดลงจากปีก่อน 12%YoY จากบริษัทลูกในเวียดนามยังไม่ฟื้นกลับมาเต็มที่ รวมผลประกอบการ 9 เดือนแรก ยอดขาย 9,748 ล้านบาท เติบโต 23% และ มีกำไร 1,047 ล้านบาท โต 109%
แนวโน้มผลประกอบการ
แนวโน้มปี 2565 กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประเมินยอดผลิตรถยนต์จะเติบโตต่อ 1.8 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 7% หลังปี 2564 มียอดผลิตรถยนต์ 1.685 ล้านคัน เติบโต 18% โดย STANLY ยังได้รับคำสั่งซื้อใหม่ ไฟหน้า-ท้าย ต่อเนื่อง โดยเฉพาะ Global Model ดังนั้น แนวโน้มผลประกอบการ 4Q64/65 (งวด ม.ค. – มี.ค. 2565) คาดจะฟื้นตัวดีขึ้นต่อ เราคาดยอดขาย STANLY ปี 2564/65 (เม.ย.64 - มี.ค. 2565) จะเท่ากับ 13,700 ล้านบาท โต 18% และ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 1,548 ล้านบาท โต 62% และ ปี 2565/66 (งวด เม.ย.2565 – มี.ค. 2566) คาดยอดขายจะเติบโตต่อ 10% สู่ระดับ 15,070 ล้านบาท และ มีกำไร 1,784 ล้านบาท เติบโต 15%
คำแนะนำการลงทุน
STANLY มีเงินสดในมือ เงินลงทุนระยะสั้น และตราสารทุนสูงถึง 5.6 พันล้านบาท แม้ว่าในรอบสองปีจะใช้เงินลงทุนไปแล้ว 5 พันกว่าล้านบาท รองรับคำสั่งซื้อใหม่ โดยเฉพาะ Global Model ราคาหุ้นซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น 255 บาท ซื้อขาย P/E ปีนี้ต่ำ 9.2 เท่า มีอัตราเงินปันผลตอบแทน 4.3% เราประเมินราคาเป้าหมาย บนฐานค่าเฉลี่ย Forward P/E 10 ปี ประมาณ 10.5 เท่า จะได้เท่ากับ 212 บาท คงแนะนำ ซื้อ
ความเสี่ยง
การแพร่ระบาดของ Covid-19 สายพันธุ์ใหม่ๆทั้งในและต่างประเทศ ปัญหาไมโครชิปที่ขาดแคลน การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศยังอ่อนแอ และ ภาระหนี้ครัวเรือนที่สูง
Surachai Pramualcharoenkit
(66) 2658 6300 ext 1470
WHA Corporation (WHA)
แนวโน้มสดใสในปี 2565
HOLD
Share Price THB 3.42
12 m Price Target THB 3.44 (+1%)
Previous Price Target THB 3.44
ตั้งเป้าโต 1.75 เท่าใน 5 ปี
ซีอีโอเผยแผนธุรกิจปี 65 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 10-15% ในปีนี้และตั้งเป้ารายได้เพิ่มขึ้น 1.7 เท่าในอีกห้าปีข้างหน้าด้วยเงินลงทุน 5 หมื่นล้านบาท แต่เราประเมินรายได้ปี 65 เติบโต 9.8% YoY และขยายตัว 1.4 เท่าในอีก 5 ปี เนื่องจากความไม่แน่นอนสูงมาก เราจึงคงราคาเป้าหมายและคงคำแนะนำ "ถือ" ราคาเป้าหมาย 3.44 บาท, (WACC 6.9%, 3.5% G) หุ้นในกลุ่มนี้ เราชอบ LH TB ที่มีสินทรัพย์หลากหลาย (CP 9.75 บาท ซื้อ ราคาเป้าหมาย 10.6 บาท) เนื่องจากมีเติบโตอย่างแข็งแกร่งและให้ผลตอบแทนสูง
ยอดขายที่ดินล่วงหน้า+46% YoY รายได้สาธารณูปโภค <10%YoY
ยอดขายที่ดินล่วงหน้าในปี 2564 อยู่ที่ 855 ไร่ แบ่งเป็น 41 ไร่ในเวียดนาม 814 ไร่ในไทย เป้าหมายยอดขายที่ดินล่วงหน้าในปี 65 อยู่ที่ 1,250 ไร่ แบ่งเป็น 950 ไร่ในไทยและ 300 ไร่ในเวียดนาม (+46% YoY) เรายังมองว่าดีแม้นักลงทุนชาวจีนยังไม่สามารถเดินทางเนื่องจากนโยบาย Zero Covid-19 และมีความไม่แน่นอนในบรรยากาศการลงทุนทั่วไปของไทย รวมถึงเรื่องอัตราดอกเบี้ยและการเมือง ส่วนเป้าหมายการโอนที่ดินยังไม่มี ดังนั้น สำหรับตอนนี้ เราคงประมาณการไว้ที่ 500 ไร่ ทั้งปี 2564 และ 2565 ยอดโอนที่ดินรวม 9เดือนแรกของปี 64 อยู่ที่ 234 ไร่ คิดเป็น 47% ของเป้าหมายปี 64 แต่ WHA จะทำได้ตามเป้าเนื่องจากการขายที่ดินอื่นๆ ในไตรมาส 4/64 บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ของธุรกิจสาธารณูปโภคมากกว่า 10% ส่วนใหญ่มาจากการขายพลังงานแสงอาทิตย์และน้ำ
แยกขายสินทรัพย์ในปี 65
WHA ลงทุนในดาต้าเซ็นเตอร์ โดยบริษัทได้ขายบริษัทร่วมทุนสองแห่งที่ดำเนินการโดย Genesis Data Center Co Ltd และจะรับรู้กำไร 100 ล้านบาทสำหรับสัดส่วนการถือหุ้น 33.33% ในไตรมาส 1/65 ส่วนการสร้างรายได้อื่น (ปลายปี 2565) ได้แก่ การขายคลังสินค้า/ โรงงานสำเร็จรูป ขนาด 180,000 ตร.ม. ให้กับ WHART และ HREIT มูลค่า 5 พันล้านบาท ยังรอการอนุมัติจากคณะกรรมการ ยังไม่มีรายละเอียด ด้วยอัตราดอกเบี้ยแนวโน้มขาขึ้น WHA อาจต้องเสนอเงื่อนไขที่น่าสนใจเพื่อให้ผู้ถือหุ้นของ WHART และ HREIT อนุมัติ เหตุนี้แนวโน้มกำไรจากการขายสินทรัพย์เข้ากองรีทในปีนี้จะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ และเพราะการขายสินทรัพย์เข้ากองรีทเกิดซ้ำทุกปีดีลลักษณะนี้จึงไม่ใช่ตัวขับเคลื่อนราคาหุ้นที่สำคัญอีกแล้ว
มุ่งเน้นธุรกิจดิจิทัล
WHA นำหน้าคู่แข่งในอุตสาหกรรมหลายรายในการเข้าร่วมกลุ่มธุรกิจดิจิทัล โดย IE ทั้ง 6 แห่งได้เปลี่ยนไปใช้สายไฟเบอร์ออปติกใต้ดิน (Fttx) แล้ว และอีก 4 แห่งมีกำหนดแล้วเสร็จในปี 65 บริษัทเพิ่งขายดาต้าเซนเตอร์ 2 ในทั้งหมด 4 แห่ง ปีนี้จะโฟกัสการรวมเสาโทรคมนาคมไว้ใน IE เพื่อให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือเช่าเป็นการอำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนไปใช้ 5G นอกจากนี้ บริษัทยังได้เข้าถือหุ้น 11.9% ใน GizTix ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านลอจิสติกส์โซลูชันครบวงจรที่มีแผนที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
Maria Lapiz
(66) 2257 0250
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ