บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 28-1-2022
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T / 28 มกราคม 2565
INVESTMENT STRATEGY
ฟื้นตัว : จับตาเงินเฟ้อสหรัฐฯคืนนี้
วันนี้คาด SET ฟื้นตัว ในกรอบแนวรับ 1,630 จุด และแนวต้าน 1,650 จุด เน้นหุ้นกำไรขยายตัวเด่น โดย ATO Picks แนะนำ “LH, SCGP”
LH
คาดกำไร 4Q64 ที่ 1.9 พันล้านบาท (+46% QoQ) เป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปีที่แล้ว ส่วนในปี 65 คาดกำไรจะเติบโต 23.5% YoY จากการฟื้นตัวทุกธุรกิจ ผสาน Upsideจากการขายสินทรัพย์ใน US ราว 1 พันล้านบาท คาดกลางปี 65 และยังคาดจ่ายปันผลสูงราว 6.7% ต่อปี
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 10.6 บาท
SCGP
แนวโน้มต้นทุนเศษกระดาษจะเริ่มลดลงจากภาวะอุปทานที่สูงขึ้น หนุนให้อัตราการทำกำไรช่วง 1Q65 จะเพิ่มขึ้น เป็นบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการปี 65 โดยเราคาดกำไรหลักปี 65 จะเติบโตเด่น +32%YoY จากทั้งการขยายกำลังผลิตและ M&P ปีที่แล้ว และปีนี้ยังมีแนวโน้ม M&P เพิ่มเติม
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 75 บาท
INVESTMENT THEME
US GDP ดีกว่าคาด : สหรัฐฯรายงานตัวเลข GDP ในช่วง 4Q64 ขยายตัว +6.9%QoQ สูงกว่าที่ตลาดคาดที่ +5.5%QoQ ส่งผลให้ทั้งตัวเลข GDP สหรัฐฯปี 2564 ขยายตัว +5.7%YoY (ภาคการบริโภค +7.9%YoY, การลงทุนภาคเอกชน +9.5%YoY) ฟื้นจากปี 2563 ที่ -3.4% ที่โดนผลกระทบหนักจาก โดยตลาดคาดปีนี้จะฟื้นต่อเนื่อง +3.8%YoY จากตัวเลขดังกล่าวหนุนให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้ปรับตัวขึ้นเด่นในช่วงแรก แต่ก็ยังมีแรงขายกดดันจากความกังวลของการดำเนินนโยบายที่จะเข้มงวดมากขึ้นในช่วงถัดไปของ FED
ภาคแรงงาน US ยังดูดี ขณะที่คืนนี้จับตาเงินเฟ้อ : สัญญาณการฟื้นตัวของภาคแรงงานสหรัฐฯยังคงสอดคล้องกับถ้อยแถลงของประธาน FED โดยวานนี้ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก อยู่ที่ 2.6 แสนตำแหน่ง ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.9 แสนตำแหน่ง ส่วนในคืนนี้ แนะติดตามตัวเลขสำคัญที่บ่งชี้สถานการณ์เงินเฟ้อ คือ ตัวเลข US PCE เดือนธันวาคม โดยตลาดคาด +5.8% ยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้าที่ +5.7%
กลับมาติดตามผลประกอบการ : ความกังวลเรื่องการดำเนินนโยบายของ FED ที่จะเข้มงวดมากขึ้น กดดันตลาดปรับฐานในช่วงก่อนหน้าไปมากแล้ว โดยคาดตลาดจะกลับมาให้ความสำคัญกับการรายงานผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนมากขึ้น ซึ่งคาดกำไรมีแนวโน้มฟื้นตัว เพิ่มโอกาสต่อการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยเช่นกัน
MARKET SUMMARY
วานนี้ SET ย่อก่อนฟื้นตัว โดยตลาดผิดหวังต่อผลการประชุม FED โดย SET ปิดที่ 1,634.17 (-9.27 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 9.4 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 8.5 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 763 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 2,078 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Future ที่ 38,983 สัญญา)
EYES ON
28 ม.ค. US Core PCE, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ยูโรโซน
CK Power (CKP)
4Q64 จะชะลอตัว แต่ปี 2564-65 จะเด่น
BUY
Share Price THB 4.98
12 m Price Target THB 6.50 (+31%)
Previous Price Target THB 6.50
ประเด็นการลงทุน
คาดกำไร 4Q64 จะชะลอตัวลดลงตามฤดูกาลเหลือ 300 ล้านบาท เทียบกับกำไร 2Q64 และ 3Q64 ที่มีกำไรสูงถึง 707 ล้านบาท และ 1,235 ล้านบาท ตามลำดับ แต่จะดีกว่าปีก่อนที่มีกำไรเพียง 8 ล้านบาท รวมปี 2564 กำไรจะทำสถิติ 2,356 ล้านบาท โต 482% เขื่อนสำคัญในจีนเก็บน้ำไว้ระดับสูง จะหนุนกำไรปี 2565 ยังเด่นเท่ากับ 2,300 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 2% โรงไฟฟ้าหลวงพระบาง 1,410MW กำลังอยู่ในขั้นตอนเจรจาซึ่งมีความคืบหน้าเป็นลำดับ เราประเมินราคาเป้าหมายด้วยวิธี Sum of the Part ส่วนลดกระแสเงินสดของโครงการต่างๆ ได้เท่ากับ 6.5 บาท คงแนะนำ TRADING BUY
คาดกำไร4Q64จะชะลอตัวตามฤดูกาล แต่รวมปี2564จะทำสถิติ
ปริมาณฝนที่ตกเหนือเขื่อนในเดือน ต.ค. – ธ.ค. 2564 ไม่มากนัก ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย และ ปีก่อน ไตรมาส 4Q64 โรงไฟฟ้าน้ำงึม2 ขายไฟลดลงจากไตรมาสก่อน 364GWh (-35%QoQ, +243%YoY) เช่นเดียวกับโรงไฟฟ้าไซยะบุรีมีปริมาณขายไฟลดลงจากไตรมาสก่อนเหลือ 1,643Gwh (-33%QoQ, 0%YoY) โรงไฟฟ้า BIC มีปริมาณขายไฟ 387GWh (-4%QoQ, +3%YoY) ดังนั้น รวมแล้ว เราคาด CKP จะมีกำไร 4Q64 เท่ากับ 300 ล้านบาท เทียบกับไตรมาส 2Q64 และ 3Q64 ที่มีกำไรสูงถึง 707 ล้านบาท และ 1,235 ล้านบาท ตามลำดับ แต่จะดีขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรเพียง 8 ล้านบาท รวมปี 2564 เราคาดกำไรจะทำสถิติสูงสุดใหม่ 2,356 ล้านบาท โต 482%
คาดกำไรปี 2565 จะยังเด่น จากเขื่อนจีนเก็บน้ำระดับสูง
เขื่อนบนแม่น้ำโขงที่สำคัญในจีน ในเดือน ม.ค. คือ Xiaowan มีปริมาณจัดเก็บน้ำใช้การได้ 10.75 พันล้านลบม. คิดเป็น 96% ของความจุ และ Nuozhadu มีปริมาณจัดเก็บน้ำใช้การได้ 8.83 พันล้านลบม. คิดเป็น 78% ของความจุ รวมเขื่อนตอนเหนือทั้งหมด 21.32 พันล้านลบม. คิดเป็น 85% ของความจุ ใกล้เคียงต้นปีก่อน ถ้าปริมาณฝนเท่าปีก่อน คาดจะช่วยหนุนยอดขายไฟฟ้าของไซยะบุรีปีนี้จะสูงใกล้ปีก่อน 7,304GWh และ มีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในไซยุบรีสูงถึง 1,748 ล้านบาท ส่วนเขื่อนน้ำงึม 2 มีปริมาณจัดเก็บน้ำใช้การได้ไม่สูงนัก 1.92 พันล้านลบม. คืดเป็น 64% ของความจุน้ำใช้การ เมื่อรวมโรงไฟฟ้า BIC และ BKC เราคาดกำไรปี 2565 จะยังเด่น 2,300 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนเล็กน้อย 2% หลักๆมาจากส่วนแบ่งกำไรไซยะบุรี 1,845 ล้านบาท
ตั้งเป้า ปี2567 กำลังการผลิตโรงไฟฟ้าเพิ่มเป็น4,800MW
แผนลงทุนในระยะ 3 ปีข้างหน้า (2565-2567) CKP มุ่งเน้น ขยายกำลังการผลิตไฟฟ้า เพิ่มอีก 2,800 MW รวมเป็น 4,800 MW ภายในปี 2567 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการที่ทั่วโลกมีทิศทางหันไปผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น โดย CKP มีเป้า พลังงานแสงอาทิตย์ 330MW พลังงานลม 700MW และ ส่วนใหญ่จะเป็นพลังงานน้ำ
Surachai Pramualcharoenkit
(66) 2658 6300 ext 1470
VGI Global Media (VGI)
ไดลูชั่นจะทำให้ราคาหุ้นฟื้นช้ากว่ากลุ่ม
HOLD
Share Price THB 5.55
12 m Price Target THB 5.92 (+7%)
Previous Price Target THB 7.40
ประเด็นการลงทุน
เราปรับปรุงราคาเหมาะสม Roll-over ไปปี 2022/23 ลง 20% เป็น 5.92 บาท/ หุ้น เพื่อสะท้อนผลกระทบ dilution effect 23% ของการปรับโครงสร้างเงินทุนให้พร้อมรองรับเศรษฐกิจที่บริษัทมองว่ามีความเสี่ยงที่จะฟื้นตัวล่าช้ากว่าคาด โดยผลของ COVID-19 ทำให้เราปรับประมาณการกำไรปกติปี 2021/22 ลง 80% ส่วนปี 2022/23 ลงเล็กน้อย 3% ทั้งหมดเหล่านี้ทำให้ upside เหลือเพียง 6% เราจึงลดน้ำหนักลงจาก ซื้อ เป็น “ถือ” เราคาดว่าผลกำไรจะเริ่มฟื้นใน 1Q22/23 (เม.ย.-มิ.ย.) เป็นต้นไป
เพิ่มทุน 1.2 หมื่น ลบ. แบบ RO ราคาต่ำ เสริมความมั่นคงทางการเงิน
VGI ประกาศเพิ่มทุน RO แบบเหนือความคาดหมาย จากความกังวลการฟื้นตัวเศรษฐกิจที่อาจยาวนานกว่าคาด ทำให้ภาระดอกเบี้ยจ่ายจะกดดันฐานะทางการเงินของบริษัทได้ บริษัทจึงมีมติเพิ่มทุนแบบ Right offering ให้ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตรา 10 หุ้นเดิม : 3 หุ้นใหม่ ราคาเสนอขาย 5.00 บาท (ต่ำกว่าราคาปิด ณ 25 ม.ค. ที่ 18%) โดยผู้ใช้สิทธิจะได้รับจัดสรรฟรี VGI-W3 อายุ 5 ปี ราคาแปลงสภาพ 11.50 บาท อัตราส่วนจัดสรร 1 หุ้นเพิ่มทุน : 1 W โดยเงินที่ได้ จะนำไปชำระหนี้ Bridging loan จากการซื้อหุ้น PP ใน JMART ราว 6.3 พัน ลบ. และหนี้สถาบันการเงินที่เหลือเกือบ 2 พัน ลบ. ส่วนเหลืออีก 4 พัน ลบ.จะเตรียมไว้ลงทุนธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่โฆษณา เราประเมินว่าหลังไม่มีหนี้สินการเงิน ภาระดอกเบี้ยจ่ายจะหายไป 170-200 ลบ.
แนวโน้มไตรมาส 3 (ต.ค.-ธ.ค. 64) ยังไม่สดใส
เราคาด VGI จะขาดทุนจากการดำเนินงานปกติ 48 ลบ. ลดลงจากไตรมาสก่อนที่ขาดทุน 101 ลบ. และ ปีก่อนที่มีกำไรปกติ 200 ลบ. แม้ว่าธุรกิจสื่อนอกบ้าน (รถไฟฟ้า ออฟฟิส) จะคุ้มทุนด้วยอัตราใช้ป้าย 40-45% แต่ทว่าบริษัทร่วมส่วนใหญ่แสดงผลขาดทุน ยกเว้น JMART ที่เริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรมาเล็กน้อยราว 38 ลบ. จากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรราวครึ่งเดือน ธ.ค.
ปรับปรุงราคาเหมาะสมลง 20% จาก Dilution effect
ผลกระทบจาก COVID-19 ที่ยาวนานกว่าคาด และกระทบไปทุกหน่วยธุรกิจ ทำให้เราต้องปรับประมาณการกำไรปกติปี 2021/22 ลง 80% เป็น 83 ลบ. และปี 2022/23 ปรับลงเล็กน้อย 3% จากสมมติฐานว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ เม.ย. เป็นต้นไป อย่างไรก็ดี dilution จากหุ้นเพิ่มทุน 23% ทำให้มูลค่าเหมาะสมที่ Roll-over ไปปี 2022/23 ถูกทอนลง 20% เป็น 5.92 บาท/ หุ้น อิง SOTP ประกอบด้วย ธุรกิจสื่อ 3.11, Fanslink 0.05, KEX 0.80, MACO 0.16, JMART 1.15 และ PLANB 0.66 บาท/ หุ้น
Jaroonpan Wattanawong
(66) 2658 6300 ext 1404
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ