บล. เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 24-1-2022
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T / 24 มกราคม 2565
INVESTMENT STRATEGY
แกว่งสร้างฐาน :
ขึ้นดอกเบี้ย US เกิน 4 ครั้ง?
วันนี้คาด SET แกว่งสร้างฐาน ในกรอบแนวรับ 1,635 จุด และแนวต้าน 1,660 จุด เน้นหุ้นแนวโน้มกำไรเด่น โดย ATO Picks แนะนำ “JMART, LH”
JMART
กำไรจากการดำเนินงานงวด 4Q64 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 402 ลบ. +49%QoQ,+48%YoY โดยไม่รวมกำไรพิเศษจากการปรับมูลค่าเงินลงทุน SINGER ที่อาจมีบันทึกราว 1,000 ลบ. และคาดกำไรปี 65,66 เติบโตเด่น +67%,36%YoY จากเติบโต
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 62 บาท
LH
คาดแนวโน้มกำไร 4Q64 จะเติบโต +40%QoQ จากทั้งยอดขายแนวราบที่เติบโต และรายได้ค่าเช่าที่ดีขึ้น และคาดกำไรจะเติบโตโดดเด่นในปี 65 +20%YoY (ไม่รวมกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์) ผสานกับอัตราการจ่ายปันผลที่สูงราว 5-6%ต่อปี เพิ่มความน่าสนใจในการทยอยสะสม
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 10.3 บาท
INVESTMENT THEME
ตลาดเริ่มมองการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯมากกว่า 4 ครั้ง : ตลาดหุ้นสหรัฐฯยังคงปรับฐานต่อเนื่อง โดยตั้งแต่จุดสูงสุดรอบนี้พบว่า
Dow Jones -7.3%, Nasdaq -15% ตอบรับความกังวลจากโอกาสในการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ที่เข้มงวดมากขึ้น เพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง โดยหากพิจารณาจากเครื่องมือ FED Watch ล่าสุดจะพบว่า ตลาดมองโอกาสในการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯปีนี้เพิ่มเป็น 5 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ซึ่งอาจเป็นแรงกดดันต่อการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงในระยะสั้น แต่อย่างไรก็ดีหากกลับมาพิจารณา อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ล่าสุดพบว่าค่อยๆปรับตัวลดลงเป็นวันที่สามติดต่อกันสู่ระดับ 1.76% ซึ่งสะท้อนว่าตลาดรับรู้ปัจจัยเสี่ยงไปค่อนข้างมากแล้ว ดังนั้นการประชุม FED ในสัปดาห์นี้ (25-26 มค.) คงต้องจับตาแนวทางของดอกเบี้ยสหรัฐฯ รวมไปถึงประเด็นการปรับลดงบดุล ซึ่งหากไม่ได้เข้มงวดมากกว่าคาด อาจจะหนุนให้เกิดสัญญาณการซื้อกลับในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงได้
ติดตามการประชุม ครม. วันนี้ :ภาพ SET ระยะสั้นยังอยู่ในช่วงการสร้างฐานก่อนรู้ผลการประชุม FED อีกทั้งยังคงต้องติดตามปัจจัยหนุนในประเทศ เช่น การประชุม ครม. ในวันนี้ (แทนวันอังคารที่ 25 มค. ซึ่งนายกฯติดภารกิจ) ที่มีวาระกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง 2 ฉบับ รวมถึงคาดหวังการนำเสนอโครงการส่งเสริม EV และโครงการคนละครึ่งเฟส 4 เข้าพิจารณา อาจช่วยหนุนโมเมนตัมตลาดดีขึ้น
MARKET SUMMARY
วันศุกร์ที่ผ่านมา SET ย่อตัวเล็กน้อย โดยยังกังวลต่อแนวโน้มดอกเบี้ย US ที่อาจขึ้นเร็ว โดย SET ปิดที่ 1,652.73 (-4.23 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 8.1 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 8.1 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทย 1,081 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 1,095 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Future ที่ 36,457 สัญญา)
EYES ON
24 ม.ค. PMI ภาคการผลิตและบริการ US, ยูโรโซน
25 ม.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค US
26 ม.ค. การประชุม FED, ยอดขายบ้านใหม่ US
27 ม.ค. ผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน US, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน US, 4Q64 US GDP,
28 ม.ค. US Core PCE, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ยูโรโซน
Kasikornbank (KBANK TB)
รับอานิสงส์จากการเปิดเมือง
BUY
Share Price THB 140.00
12 m Price Target THB 180.00 (+29%)
Previous Price Target THB 170.00
แบงก์ใหญ่ที่เราชอบ
เราคาดว่า KBANK จะได้รับอานิสงส์จากอัตราการฉีดวัคซีนที่สูงขึ้นและการท่องเที่ยวภายในประเทศที่ดีขึ้น คงคำแนะนำ ซื้อ โดยราคาเป้าหมายอยู่ที่ 180 บาท อิง P/BV ปี 64 ที่ 0.84 เท่า และ ROE 9.2% เราชอบ KBANK มากกว่า SCB (ถือ, ราคาเป้าหมาย 140 บาท) เนื่องจากมีผลตอบแทนจากการปรับความเสี่ยงที่ดีกว่าในราคาที่ถูกกว่า KBANK ซื้อขายที่ PER ปี 65 ที่ 8.3 เท่า เทียบกับ SCB ที่ PER 11 เท่า ความเสี่ยงที่สำคัญคือคุณภาพสินทรัพย์ที่อ่อนแอกว่าที่คาดไว้ ทั้งนี้ KBANK จะจัดประชุมนักวิเคราะห์กับประธานเจ้าหน้าที่บริหารและเปิดเผยเป้าหมายทางการเงินของปี 65 ในวันที่ 28 ม.ค. นี้
กำไร 4Q64 โต 25% จากต้นทุนเครดิตที่ลดลง
KBANK รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/64 ที่ 9.9 พันล้านบาท -25% YoY (จากต้นทุนเครดิตที่สูงขึ้น) แต่เพิ่มขึ้น 15% QoQ (จากรายได้ non-nii ที่แข็งแกร่งและต้นทุนเครดิตที่ลดลง) รวมกำไรปี 64 เพิ่มขึ้น 29% YoY เป็น 3.81 หมื่นล้านบาท การเติบโตของ NII ที่แข็งแกร่งได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของสินเชื่อที่แข็งแกร่งในไตรมาส 4/64 ลูกหนี้ดอกเบี้ยค้างรับทรงตัว QoQ ในขณะที่ NII แบบเงินสดเพิ่มขึ้น 9% QoQ ในไตรมาส 4/64 รายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิเพิ่มขึ้น 5% YoY นำโดยค่าธรรมเนียมจากกองทุนรวมและนายหน้า เมื่อเปรียบเทียบทั้งปี อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ลดลงเป็น 43.5% ในปี 2564 จาก 45.2% ในปี 2563 PPoP เพิ่มขึ้น 9% YoY ในขณะที่ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดจะเกิดขึ้น (ECL) จะลดลง 7% YoY ในปี 2564
เราคาดว่าต้นทุนสินเชื่อจะลดลงอีกในปี 2565
ในการประชุม CFO ย้ำว่าธนาคารมีเงินสำรองเผื่อหนี้เสียเพียงพอ แม้ว่าจะไม่มีการผ่อนปรนของธนาคารแห่งประเทศไทย เนื่องจากธนาคารได้จัดสรร ECL พิเศษไว้ 20% ของ ECL ทั้งหมด ณ สิ้นปี 2564 อัตราส่วน NPL ลดลง 3bps QoQ เป็น 4.30% ในไตรมาส 4/64 โดย KBANK ตั้งสำรอง 9.6 พันล้านบาทหรือต้นทุนเครดิต 158bp ซึ่งทำให้ต้นทุนเครดิตในปี 64 อยู่ที่ 173bp ในปี 2564 เทียบกับ 205bp ในปี 2563 เราคาดว่าค่าใช้จ่ายด้านเครดิตจะลดลงอีกเป็น 165bp ในปี 2565 เนื่องจากความสามารถในการชำระหนี้ที่เพิ่มขึ้นพร้อมกับการเปิดเศรษฐกิจใหม่ในปีนี้
เงินให้สินเชื่อตามมาตรการบรรเทาหนี้ลดลง QoQ ในไตรมาส 4/64
ผู้บริหารเผยว่าสินเชื่อภายใต้โครงการบรรเทาหนี้ลดลง 10% QoQ เป็น 3.22 แสนล้านบาท หรือ 13% ของสินเชื่อรวมในไตรมาส 4/64 (เทียบกับ 15% ในไตรมาส 3/64) นำโดยสินเชื่อรายย่อย อย่างไรก็ตาม ลูกค้าในโครงการสามารถชำระคืนเงินสดได้น้อยลง ดังนั้นสัดส่วนของลูกค้าที่สามารถชำระคืนได้จึงลดลงเหลือ 94% ในไตรมาส 4/64 จาก 97% ในไตรมาส 3/64 เราคาดว่าลูกค้าในโครงการบรรเทาหนี้ของ KBANK จะค่อยๆ ลดลงตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในปี 2565
Jesada Techahusdin, CFA
(66) 2658 6300 ext 1395
Siam Commercial Bank (SCB TB)
คาดต้นทุนสินเชื่อจะลดลงในปี 2565
HOLD
Share Price THB 123.50
12 m Price Target THB 140.00 (+13%)
Previous Price Target THB 135.00
คงแนะนำ ถือ ชอบ KBANK มากกว่า
เรามีมุมมองบวกต่อแผนการปรับโครงสร้างเพื่อสร้างมูลค่าระยะยาวโดยแยกบริษัทย่อยออกเพื่อเพิ่ม ROE เป็น 15-20% ในระยะเวลา 5 ปี อย่างไรก็ตาม เราเห็นความเสี่ยงจาก upside ที่จำกัดหลังจากราคาหุ้นพุ่งขึ้น 32% และแซงดัชนี SET 21% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา คงคำแนะนำ ถือ โดย TP 140 บาท (P/BV ปี 65 ที่ 1 เท่า ROE 10%) เราแนะนำ KBANK (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 180 บาท) เนื่องจากซื้อขายที่ PER ปี 65 ที่ 8.3 เท่า เทียบกับ SCB ที่ PER 11.0 เท่า ซึ่งถือว่าต่างกันมาก
กำไร 4Q64 ต่ำกว่าคาด จากต้นทุนสินเชื่อที่สูงขึ้น
กำไรสุทธิไตรมาส 4/64 อยู่ที่ 7.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 59% YoY (-11% QoQ) เนื่องจากรายได้ non-nii ที่สูงขึ้นและต้นทุนสินเชื่อที่ลดลง สินเชื่อเติบโต 2% YoY โดยได้แรงหนุนจากสินเชื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อ SME ขณะที่ NIM เพิ่มขึ้น 11bp QoQ เป็น 3.19% จากผลตอบแทนเงินกู้ที่สูงขึ้นและต้นทุนเงินทุนที่ลดลง Non-NII เพิ่มขึ้น 13% YoY เนื่องจากค่าธรรมเนียมจากการบริหารความมั่งคั่งและกำไรจากการลงทุนในตลาด อัตราส่วน NPL เพิ่มขึ้น 4bps QoQ เป็น 4.74% นำโดยสินเชื่อองค์กรและสินเชื่อเช่าซื้อ SCB มีผลขาดทุนด้านสินเชื่อที่คาดว่าจะเกิดขึ้น 1.2 หมื่นล้านบาท (ต้นทุนเครดิต 209bps) ลดลง 16% เมื่อเทียบปีต่อปี NPL coverage ทรงตัว QoQ ที่ 139% ในไตรมาส 4/64
SCB คาดต้นทุนสินเชื่อจะลดลงอย่างมากในปี 2565
เรามีมุมมองที่เป็นกลางต่อเป้าหมายทางการเงินของปี 65 ที่ตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อที่ 3-5%, NIM 2.9-3.0%, การเติบโตของ non-nii 2-3% และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ 40-43% โดยคาดว่า Non-nii จะเติบโตในอัตราที่ชะลอลงเนื่องจากผลกระทบฐานที่สูง (เพิ่มขึ้น 15% YoY ในปี 2564) SCB ตั้งเป้าอัตราส่วน NPL ที่น้อยกว่า 4.0% ในปี 2565 เทียบกับ 3.8% ในปี 2564 ทั้งนี้ CFO มองว่าลูกค้าสามารถชำระหนี้ได้ดีขึ้นหลังกลับมาเปิดเมือง และคาดว่าต้นทุนสินเชื่อจะลดลงเหลือต่ำกว่า 140bps ในปี 2565 จาก 184bps ในปี 2564 เราคาดต้นทุนเครดิต 155bps ในปี 2565 ทั้งนี้ ทุกๆ 5bps ที่เพิ่มขึ้นของต้นทุนเครดิตจะส่งผลกระทบประมาณ 2.4% ต่อกำไรปี 65
NIM ถูกกดดันจากสินเชื่อภายใต้โครงการบรรเทาหนี้
เงินให้สินเชื่อภายใต้โครงการบรรเทาหนี้ลดลงเหลือ 3.97 แสนล้านบาท (17% ของสินเชื่อทั้งหมด) ในไตรมาส 4/64 จาก 4.64 แสนล้านบาท (20%) ในไตรมาส 3/64 นำโดยสินเชื่อที่อยู่อาศัยและรถยนต์ ธนาคารไทยพาณิชย์ระบุว่าประมาณสองในสามอยู่ภายใต้โครงการปรับโครงสร้างหนี้ระยะยาว (LTDR) และร้อยละ 80 ของเงินกู้ใน LTDR ต้องการลดอัตราดอกเบี้ยซึ่งจะส่งผลเสียต่อผลตอบแทนเงินกู้ของธนาคารสูงถึง 10bp ในปี 2565 ส่วนความคืบหน้าการปรับโครงสร้างกลุ่ม CFO คาดจะมีการทำคำเสนอซื้อหุ้น SCB ในไตรมาส 1/65 จากนั้น SCBX จะเข้าจดทะเบียนแทน SCB ในเดือน เม.ย. 65
Jesada Techahusdin, CFA
(66) 2658 6300 ext 1395
TMBThanachart Bank (TTB TB)
ต้นทุนด้านการลงทุนเพิ่มขึ้น
HOLD
Share Price THB 1.39
12 m Price Target THB 1.45 (+4%)
Previous Price Target THB 1.50
ถือ ลด TP เป็น 1.45 บาท ชอบ KBANK และ KKP มากกว่า
เราชอบ TTB ที่เน้นคุณภาพสินเชื่อเพื่อจำกัดความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ อย่างไรก็ตาม ต้นทุนต่อรายได้ลดลงช้ากว่าที่คาดไว้เนื่องจากการเติบโตของรายได้ที่อ่อนแอและ opex ที่เพิ่มขึ้น เราปรับลดคาดการณ์ EPS และ TP ปี 65-66 ลงเป็น 1.45 บาท (P/BV ปี 65 ที่ 0.64 เท่า ROE 8.1%) แม้เราจะคาดว่า TTB จะสร้างการเติบโตของกำไรต่อหุ้นในปี 65 สูงสุดที่ 18% ในบรรดากลุ่มแบงก์ แต่เราเห็นว่ามี upside ที่จำกัดเนื่องจากหุ้นซื้อขายบน PER ปี 65 ที่ 10.9 เท่า เราชอบ KBANK (PER 8.3 เท่า) และ KKP (PER 8.6 เท่า) มากกว่า เนื่องจากมีการประเมินมูลค่าและผลตอบแทนจากการปรับความเสี่ยงที่น่าดึงดูดมากกว่า
กำไร 4Q64 ดีกว่าคาด จากต้นทุนสินเชื่อที่ลดลง
TTB รายงานกำไรสุทธิ 2.8 พันล้านบาทสำหรับไตรมาส 4/64 เพิ่มขึ้น 127% YoY และ 19% QoQ ดีกว่าประมาณการของเรา 16% จากต้นทุนเครดิตที่ลดลง กำไรปี 64 เพิ่มขึ้น 4% YoY เป็น 1.05 หมื่นล้านบาท สินเชื่อลดลง 1.5% YoY นำโดยสินเชื่อธุรกิจ (-5.5% YoY) รายได้ Non-nii เพิ่มขึ้น 41% QoQ เนื่องจาก TTB ได้จัดประเภทค่าธรรมเนียม bancassurance ใหม่เป็นค่าใช้จ่าย HR โดยที่ TTB ตั้งสำรอง 5.0 พันล้านบาท (เทียบกับที่เราคาดการณ์ไว้ที่ 5.4 พันล้านบาท) ลดลง 39% จากปีก่อน หรือต้นทุนเครดิต 147bp ตั้งสำรองปี 64 ลดลง 13% YoY มาอยู่ที่ 2.15 หมื่นล้านบาท อัตราส่วน NPL ลดลง 20bps QoQ เป็น 3.07%
Opex จะลดลงช้ากว่าที่คาดในปี 65
TTB ประกาศเป้าหมายทางการเงินปี 65 เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว โดยรวมแล้ว เรามองมุมลบเล็กน้อยโดยตั้งเป้าต้นทุนต่อรายได้ที่ 45-47% เทียบกับ 47.6% ในปี 2564 (เทียบกับที่เราคาดการณ์ไว้ที่ 46.1%) TTB จะใช้เงินลงทุนดิจิทัลสำหรับแพลตฟอร์มสินเชื่อเช่าซื้อ (HP) เพื่อสร้างระบบนิเวศและจัดตั้งบริษัทในเครือใหม่ เช่น TTB Consumer ซึ่งตั้งเป้าเป็นผู้เล่น 4 อันดับแรกในธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล ธนาคารมีแผนจะจัดตั้งบริษัทใหม่หรือร่วมทุนกับ AMC อื่นๆ เพื่อจัดการหนี้เสียในส่วนธุรกิจค้าปลีก CEO ไม่สนใจในธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเนื่องจากไม่ได้สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ
ลดคาดการณ์กำไรปี 65-66 เนื่องจาก NIM ที่ลดลง
TTB ตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อ 2% นำโดยสินเชื่อรายย่อย ขณะที่สินเชื่อธุรกิจและสินเชื่อ SME ทรงตัว YoY ธนาคารตั้งเป้า NIM ทรงตัว YoY จากสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูงเพื่อชดเชยต้นทุนเงินทุนที่สูงขึ้น อัตราส่วน NPL จะเพิ่มขึ้นเป็น 3.2% ในปี 2565 จาก 2.8% ในปี 2564 จากลูกหนี้ที่ออกจากโครงการบรรเทาหนี้ ต้นทุนเครดิตคาดอยู่ที่ 140-160bps ในปี 2565 (เทียบกับที่เราคาดการณ์ไว้ที่ 150bps) ลดลงจาก 157bps ในปี 2564 เราปรับลดกำไรปี 65-66 ลง 5% เพื่อสะท้อนสมมติฐาน NIM ที่ลดลง และคาดว่ากำไรจะเติบโต 15-18% ในปี 65-66
Jesada Techahusdin, CFA
(66) 2658 6300 ext 1395
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ