บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 8-9-2021
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T / 8 กันยายน 2564
INVESTMENT STRATEGY
ย่อตัว :
สัญญาณปรับฐานสั้น
วันนี้คาด SET ย่อตัว ในกรอบแนวรับ 1,625 จุด และแนวต้าน 1,650 จุด เน้นหุ้นที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว โดย ATO Picks แนะนำ “CPNREIT, TEAM”
CPNREIT
คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานจะเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่เดือนกันยายน 64 เป็นต้นไป จากการเปิดห้างสรรพสินค้าอีกครั้ง ซึ่งส่งผลให้จำนวนลูกค้ากลับมามากขึ้น และส่วนลดค่าเช่ามีโอกาสค่อยๆน้อยลง และคาดกำไรในปี 65 จะฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญสู่ระดับ 2.1 พันล้านบาท หรือโตราว +111%YoY
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 24 บาท
TEAM
กำไรสุทธิ 1H64 ทำได้ตามเป้า และคำสั่งซื้อข้างหน้าที่ยังคงแข็งแกร่งหนุนโมเมนตัมการเติบโต คาดกำไรปีนี้ที่ 200 ล้านบาท ทำจุดสูงสุดรอบทศวรรษ และตั้งฐานก่อนขยายตัว +16%CAGR ในสองปีข้างหน้า ขณะที่ Valuation เทรดเพียง PE 15 เท่ายังถูกกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ PE 24 เท่า
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 6.9 บาท
INVESTMENT THEME
สัญญาณปรับฐานสั้น
สัญญาณปรับฐานสั้น : ภาพระยะสั้นตลาดเริ่มขาดปัจจัยใหม่ๆที่จะช่วยหนุนตลาด หลังจากที่ปรับตัวขึ้นค่อนข้างเร็วในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา และเริ่มเห็นสัญญาณขายสุทธิของนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศที่มากขึ้น ดังนั้นจึงอาจเห็นการชะลอตัวระยะสั้นเพื่อสร้างฐาน โดยแนวรับสำคัญของ SET ในรอบนี้คาดจะอยู่บริเวณ 1615 จุด ซึ่งถือเป็นจุดที่น่าทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี ที่เห็นสัญญาณของกำไรมีแนวโน้มที่ขยายตัวขึ้น
ค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่า : ค่าเงินดอลล่าร์เริ่มกลับมาแข็งค่าขึ้น โดยล่าสุด Dollar Index ดีดขึ้นสู่ระดับ 92.5 จุด ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินบาทเริ่มกลับมาอ่อนค่าอีกครั้ง (เช้านี้อ่อนค่าสู่ระดับ 32.68 บาทต่อดอลล่าร์) สอดคล้องกับกระแสเงินทุนระยะสั้นที่เริ่มเห็นแรงขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย ดังนั้นจึงต้องเพิ่มความระวังมากยิ่งขึ้น ส่วนปัจจัยถัดไปที่ต้องติดตาม สำหรับต่างประเทศจับตาการประชุม ECB 9 กันยายนนี้ คาดคงดอกเบี้ยนโยบาย แต่อาจมีการปรับลดวงเงินการกระตุ้นเศรษฐกิจลง หลังเศรษฐกิจยูโรโซนฟื้นตัวขึ้น ส่วนปัจจัยในประเทศ แนะติดตามการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ในวันที่ 10 กันยายน ซึ่งตลาดคาดหากสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศมีแนวโน้มที่ดีเช่นนี้ อาจนำไปสู่การยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ได้เช่นกัน
MARKET SUMMARY
วานนี้ SET ย่อตัว เริ่มมีแรงขายทำกำไรหลังจากที่ตลาดยังคงขาดปัจจัยใหม่ในการขับเคลื่อนตลาด โดย SET ปิดที่ 1,636.45 (-11.92 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 102 แสนล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 78 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 868 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 1,141 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Futures ที่ 8,370
EYES ON
9 ก.ย. การประชุม ECB, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทย, ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ US, สต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของ US
CPN Retail Growth REIT (CPNREIT TB)
เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
BUY
Share Price THB 21.90
12 m Price Target THB 24.00 (+10%)
Previous Price Target THB 24.00
คงแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 24 บาท
ปี 2564 น่าจะเป็นอีกปีที่เหนื่อยสำหรับกองทรัสต์ CPNREIT เนื่องจากการระบาดรุนแรงของโควิด-19 เราคาดว่ากำไรของกองทรัสต์นี้จะลดลงอีก 40% YoY ในปีนี้ โดยจำนวนลูกค้าเข้าห้างและส่วนลดค่าเช่าได้แตะจุดต่ำสุดแล้วใน ก.ค.-ส.ค. ที่ประมาณ 20-30% และ +60% ตามลำดับ ดังนั้น การเปิดห้างสรรพสินค้าอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 64 และการกลับมาของชาวต่างชาติน่าจะภายในสิ้นปี 64 จะทำให้กำไรฟื้นตัว 127% ในปี 65 และเติบโตอีก 15% ในปี 66 เราใช้ DCF (WACC 7.4%, อัตราเติบโต 1.5%) ประเมินราคาเป้าหมาย ซึ่งอยู่ที่ 24 บาท
ครึ่งปีแรก 64 ซบเซา
รายได้ค่าเช่าในครึ่งปีแรก 64 ลดลง 2.6% YoY แต่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจากการซื้อสินทรัพย์ใหม่ 2 รายการเพิ่มขึ้น 25.7% ทำให้รายรับจากการลงทุนสุทธิลดลง 67% YoY เป็น 287 ล้านบาท เมื่อเทียบเป็น Same Store Sales รายได้ค่าเช่า 2Q64 เพิ่มขึ้น 32% YoY แต่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 80% YoY การจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนในช่วงสี่ไตรมาสที่ผ่านมาเป็นผลมาจากการลดทุน เนื่องจากกำไรสะสมยังคงติดลบตั้งแต่ 2Q63 จากผลกระทบรุนแรงจากการระบาดของไวรัสโควิด-19
คาดเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ ก.ย. 64
ในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ จำนวนลูกค้าศูนย์การค้า (Customer traffic)ลดลงเหลือ 57% ในไตรมาส 1/64 และ 45% ในไตรมาส 2/64 จาก 68% ในครึ่งปีหลัง 63 จากการล็อคดาวน์เป็นเวลา 2 เดือนจากการระบาดอย่างรุนแรงของสายพันธุ์เดลต้า จำนวนลูกค้าแนวโน้มลดลงอีก 15-20% MoM ในช่วง ก.ค.-ส.ค. 64 โดย CPN ประมาณการ Customer traffic ที่20-30% ในช่วง ก.ค.-ส.ค. จะเพิ่มขึ้นเป็น 50% ในเดือน ก.ย. และ 70% ในเดือน ต.ค. จากการเปิดห้างสรรพสินค้าอีกครั้ง ในทางกลับกัน ส่วนลดค่าเช่ามีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นแตะจุดสูงสุดที่มากกว่า 60% ในเดือน ก.ค.-ส.ค. ก่อนที่จะลดลงตั้งแต่เดือน ก.ย. เป็นต้นไป (รูปที่ 2)
ประมาณการกำไร
เราปรับลดประมาณการรายได้จากการลงทุนสุทธิในปี 64 ลงจาก 1.8 พันล้านบาทเป็น 915 ล้านบาท เนื่องจากผลการดำเนินงาน 2-3Q64 ได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ มองไปข้างหน้า เราคาดว่ารายได้จะฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญเป็น 2.1 พันล้านบาทในปี 65 และ 2.4 พันล้านบาทในปี 66 จากการเปิดห้างสรรพสินค้าอีกครั้งตั้งแต่ ก.ย. 64 และชาวต่างชาติน่าจะกลับมาภายในสิ้นปี 64 ทั้งนี้ ผลขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่าการลงทุนที่บันทึกไว้ตั้งแต่ 2Q63 จะกลายเป็นกำไรจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งน่าจะผลักดันราคาสินทรัพย์ในอนาคต
Vanida Geisler, CPA
(66) 2658 6300 ext 1394
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ