- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 17 March 2021 23:31
- Hits: 16088
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 17-3-2021
INVESTMENT STRATEGY
Sideways :
จับตาการประชุม FED
วันนี้คาด SET แกว่ง Sideways ประเมินแนวรับ 1,555 จุด และแนวต้าน 1,580 จุด เน้นหุ้นกำไรเติบโตเด่น โดย ATO Picks วันนี้แนะนำ “ICHI, NRF”
ICHI
ธุรกิจหลักคาดโตระดับ 30% ในปีนี้ จาก (1)การรับรู้รายได้น้ำวิตามินเต็มปี (2)การออกสินค้าใหม่และขยายช่องทางขายไปยัง Traditional Tradeหนุนรายได้ (3)รับ OEM กับลูกค้าใหม่อย่างน้อย 2-4 เจ้า และ (4) CLMV ฟื้นตัว ผสาน Upside Risk เพิ่มเติมจากธุรกิจกัญชง
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 14.8 บาท
NRF
คาดแนวโน้มผลประกอบการของ NRF จะเติบโตแข็งแกร่งในช่วง 64-66 (คาดกำไรเฉลี่ย 3 ปีข้างหน้าสูงถึง 44% CAGR) จากธุรกิจ Ethnic food ผสาน Megatrend อย่าง Plant-based และ E-commerce เกิดไวกว่าคาด และมี Upside risk จากธุรกิจกัญชงกับ Partner ที่มีศักยภาพ
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 11.0 บาท
INVESTMENT THEME
จับตาการประชุม FED
-คาด FED ปรับอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ US ขึ้น : คืนนี้ติดตามการประชุม FOMC Meeting โดยจากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ฟื้นตัวขึ้นเรื่อยๆ จากทั้งการกระจายวัคซีนที่เร่งมากขึ้น ภาคผลิตและภาคบริการที่ขยายตัวดี รวมถึงมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก้อนใหม่วงเงินสูงถึง 1.9 ล้านล้านเหรียญ ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนต่อภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯเดินหน้ากลับเข้าสู่ภาวะปกติในช่วงถัดไป ดังนั้นคาด FED มีโอกาสจะปรับคาดอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเงินเฟ้อปีนี้เพิ่มมากขึ้น
-คาดคงอัตราดอกเบี้ยและนโยบายผ่อนคลายตามเดิม : แม้ว่าเศรษฐกิจ US จะฟื้นตัวขึ้นเรื่อยๆ แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันอาจจะเร็วเกินไปสำหรับการเปลี่ยนนโยบายต่างๆ ทางการเงิน ดังนั้นการประชุมรอบนี้ เราคาดว่า FED จะยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0-0.25% ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เช่นเดิม รวมถึงจะยังคงดำเนินนโยบายผ่อนคลายผ่านการเข้าซื้อสินทรัพย์วงเงิน 1.2 แสนล้านเหรียญต่อไปจนกว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะเข้าสู่ภาวะการฟื้นตัวอย่างเต็มที่ ซึ่งสะท้อนจากการจ้างงานที่เพิ่มสูงขึ้น และอัตราเงินเฟ้อเข้าสู่เป้าหมายที่ 2% นอกจากนี้ยังแนะจับตามุมมองคณะกรรมการ FED ต่อแนวโน้มดอกเบี้ยสหรัฐฯในช่วงถัดไปผ่านการรายงาน Dots Plot (สะท้อนดอกเบี้ยมีโอกาสขึ้นเร็วเพียงใด) และติดตามว่า FED จะมีมาตรการเพิ่มเติมเข้ามาควบคุมความผันผวนของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมาหรือไม่ ซึ่งหากมีจะถือเป็น Positive Surprise
SET
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์
1,564.03 -1.70
สรุปมูลค่าการซื้อขาย 16 มี.ค. 64
นักลงทุน สุทธิ
สถาบัน 52.78
บัญชี บล. -337.72
ต่างชาติ -5,273.02
ในประเทศ 5,557.97
MARKET SUMMARY
วานนี้ SET แกว่งตัวออกข้าง ซึ่งตลาดยังคงจับตาการประชุม FOMC 16-17 มีนาคม นี้ โดย SET ปิดที่ 1,564.03 (-1.70 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 8.8 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 7.3 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 5,273 ลบ. (นักลงทุนสถาบันซื้อ 53 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Futures ที่ 2,613 สัญญา)
EYES ON
17 มี.ค. การประชุม FOMC, ยอดการสร้างบ้านใหม่ US (ก.พ.), ดัชนี CPI ยูโรโซน (ก.พ.)
18 มี.ค. ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ US, ดุลการค้า ยูโรโซน (ม.ค.)
19 มี.ค. FTSE Rebalancing , ประชุม ศบค.ชุดใหญ่
Hana Microelectronics (HANA)
แรงดีไม่ตก
BUY
Share Price THB 56.50
12m Price Target THB 68.00 (+23%)
Previous Price Target THB 55.00
ประเด็นการลงทุน
HANA จะยังรักษาโมเมนตัมการเติบโตไว้ได้ตลอดปีนี้ ซึ่งเป็นวัฏจักรขาขึ้นที่ยาวนานกว่าคาดไปอีกอย่างน้อย 6 เดือนจนถึงช่วงสิ้นปี อุปสงค์ที่แข็งแรงในธุรกิจปลายน้ำทั้ง IT-สื่อสาร-ยานยนต์ที่เติบโตระดับสองหลัก แรงหนุนจากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวและสินค้าคงคลังที่อยู่ในระดับต่ำ เช่นเดียวกันบริษัทได้ขยายกำลังผลิตในปีนี้ และธุรกิจใหม่ที่หนุนกำไรปีนี้ +16%YoY เราคงคำแนะนำ ซื้อ ปรับราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 68 บาท อิง P/E 25X เท่าหุ้นในภูมิภาค ASEAN
สภาพแวดล้อมยังเกื้อหนุนขาขึ้นของธุรกิจ
ผู้บริหารให้มุมมองปี 2564 ที่เป็นบวกมากกว่าเราคาดเดิมที่จะเผชิญฐานสูง มาจาก i) ตลาด PC-Notebook จะเติบโต +10-15%YoY อุปสงค์ยังคงค้างและรอทยอยส่งมอบ ii) Mobile ที่ Gartner ประเมินตลาดกลับมา +11%YoY ธีม 5G Rollout ที่กลับมาดำเนินต่อ และการเปิดตัว Entry-level ทำให้ยอดขายทั่วโลกสูงขึ้น iii) ยานยนต์ +9%YoY ตามอุปสงค์ทั่วโลกและเทรนด์ EV ปัจจุบันบริษัทยังไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหา Chip ขาดแคลน สอดคล้องกับอีกสัญญาณที่เราเชื่อว่าคำสั่งซื้อลูกค้ากำลังทยอยเข้ามาในช่วงที่เหลือของปี บริษัทได้ตั้งงบลงทุนในปีนี้ 2.2 พันลบ. โตเท่าตัวเทียบกับ 2 ปีที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มกำลังผลิตใน AYT และ JX รองรับธุรกิจ IC
ปรับประมาณการกำไรขึ้น 10% จากยอดขายธุรกิจเดิมและใหม่
เราปรับเป้ากำไรปี 64-65 ขึ้นเฉลี่ย 10% เป็น 2,214/2,413 ลบ. +16/+9%YoY จาก i) เราปรับสมมติฐานยอดขาย(USD) จากเดิม +10%YoY เป็น +15%YoY ตามปัจจัยข้างต้นและลูกค้าใหม่ที่ทยอยเข้าใน 2Q-4Q64 ii) ธุรกิจใหม่ โรงงานใน US(Ohio) เข้าสู่ธุรกิจ “Inlay” (RFID tag ติดสินค้า) ที่เป็นสินค้าราคาแพงและเติบโตสูงในธุรกิจ Retail ตั้งเป้ายอดขายโตทุกไตรมาส แตะ 25 ล้านเหรียญฯในปี 2566 เรามองเปนบวกทั้งในด้านยอดขายและมาริ์จิ้นที่สูงกว่าสินค้าเดิม คิดเป็นส่วนเพิ่มต่อกำไรราว 5% และ iii) สมมติฐาน USD/THB จาก 30.5 เป็น 30.8 บ./เหรียญ ตามเงินบาทที่อ่อนค่า +2%QTD ทำให้ GPM เพิ่มเป็น 14% +80bps ประเมินกำไรจะเติบโตแบบไตรมาส-ไตรมาสต่อจากแนวโน้มใน 1Q64 ที่คาดเติบโตได้ทั้งเทียบ QoQ,YoY
คงคำแนะนำ ซื้อ ปรับราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 68 บาท
สอดคล้องกับประมาณการกำไรที่ปรับขึ้นและเติบโตถึง +16%YoY สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต เราจึงปรับราคาเหมาะสมปี 2564 ขึ้น 24% เป็น 68.00 บ./หุ้น โดยอิง P/E 25X Re-rate ขึ้นไปเท่ากับค่าเฉลี่ยผู้ผลิตที่คล้ายคลึงกันในภูมิภาค ASEAN ราคาปัจจุบันคิดเป็น P/E 22X ยังถูกกว่าKCE-DELTA ที่สูงกว่า 30X มีความเสี่ยงคือ ผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน (ทุก 1 บาทที่แข็งค่าจะกระทบกำไร/ราคาเป้าหมาย -12%) , อุปสงค์ที่ชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ
Thanatphat Suksrichavalit
(66) 2658 5000 ext 1401
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web