- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 19 January 2021 17:21
- Hits: 6186
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 19-1-2021
19 มกราคม 2564 / กลยุทธ์การลงทุนรายวัน
SET
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์
1,510.13 -9.00
สรุปมูลค่าการซื้อขาย 18 ม.ค. 64
นักลงทุน สุทธิ
สถาบัน -2,823.19
บัญชี บล. -542.06
ต่างชาติ 134.57
ในประเทศ 3,499.82
MARKET SUMMARY
วานนี้ SET ย่อตัว จากความกังวลต่อความเสี่ยงของการขยายตัวทางเศรษฐกิจของโลกในระยะสั้น โดย SET ปิดที่ 1,510.13 (-9.00 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 7.4 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 1.01 แสนล้านบาท) โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 135 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 2,823 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Futures ที่ 6,177 สัญญา)
STOCK PICKS & TRADING IDEA
COM7 (ราคาเป้าหมาย 45.5 บาท) คาดแนวโน้มกำไร 4Q63 จะเดินหน้าทำจุดสูงสุดใหม่ แรงหนุนจากยอดขายที่เร่งตัวขึ้น ทั้งรุ่นมือถือที่ออกใหม่ รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมจากภาครัฐฯ (ช๊อปดีมีคืน) เป็นปัจจัยหนุน ส่วนภาพปีหน้าคาดจะเติบโตต่อเนื่องอีก 24% เพิ่มความน่าสนใจในการลงทุน
INVESTMENT THEME
จับตามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของไทย : วานนี้จีนรายงาน GDP ประจำไตรมาส 4Q63 ที่ระดับ +6.5%YoY สูงกว่าที่ตลาดคาดที่ +6.2%YoY ส่งผลให้ GDP จีนปี 2563 ขยายตัว 2.3%YoY โดยเราคาดปี 2564 จีนจะขยายตัวได้โดดเด่นกว่า 8.2% ต่อปี ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกระยะกลางต่อประเทศคู่ค้าเช่น ไทย แต่อย่างไรก็ดีในระยะสั้นภาพรวมเศรษฐกิจไทยอาจเผชิญกับการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในระลอกที่สอง แต่จะกดดันไม่มากเนื่องภาครัฐฯยังคงพยายามออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นเข้ามาช่วยเหลือ โดยวันนี้แนะติดตามการเสนอนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. เช่น โครงการเราชนะ, คนละครึ่ง, เราเที่ยวด้วยกัน, การลดค่าครองชีพ ไฟฟ้า&ประปา เป็นต้น ส่วนสำหรับสหรัฐฯแนะจับตามาตรการของไบเดนเพิ่มเติมหลังจากออกรายละเอียดวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ 1.9 ล้านล้านเหรียญในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยท่าทีล่าสุดไบเดนอาจมีการยกเลิกใบอนุญาตโครงการท่อส่งน้ำมัน Keystone XL มูลค่า 9 พันล้านดอลลาร์ ในวันแรกที่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งโครงการนี้ได้ริเริ่มโดยทรัมป์ บ่งชี้ถึงความขัดแย้งทางการเมืองและการให้น้ำหนักต่อนโยบาย Green Energy เป็นอย่างมาก
Investment Strategy : วันนี้คาด SET ฟื้นตัว แนวรับ 1,500 จุด และแนวต้าน 1,530 จุด เน้นหุ้นที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว โดย ATO Picks วันนี้แนะนำ “COM7, CPF, BGRIM”
Siam City Cement (SCCC)
กำไร 4Q63 จะลดลงไม่มาก คาดปันผล 7 บ.
BUY
Share Price THB 146.00
12m Price Target THB 180.00 (+23%)
Previous Price Target THB 180.00
Results Preview
ประเด็นการลงทุน
กำไร 4Q63 จะลดลงไม่มากคาดกำไรปกติ 802 ล้านบาท (-13%QoQ, -2%YoY) รวมปี 2563 กำไรจะเติบโตได้ดี 9% แม้เผชิญปัจจัยลบการแพร่ระบาดของ Covid-19 คาดจะกลับมาปันผลในงบปีเท่ากับ 7 บาท หลังครึ่งปีแรกงดจ่ายปันผล ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายบน Valuation ที่น่าสนใจคือ P/E 12.5 เท่า, EV/EBITDA 8.0 เท่า, P/BV 1.3 เท่า และ อัตราเงินปันผลตอบแทน 4.8%-5.6% เราคงแนะนำ ซื้อลงทุน ประเมินราคาเป้าหมายปี 2564 เท่ากับ 180 บาท บนฐาน Average P/E - 0.5SD = 15.7x
คาดกำไร 4Q63 จะลดลงไม่มาก
ยอดขาย 4Q63 คาดจะลดลงเหลือเท่ากับ 10,275 ล้านบาท (-1%QoQ, -13%YoY) จากภาวะซบเซาของอุตสาหกรรมปูนซิเมนต์ทั้งในและต่างประเทศ ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นคาดจะอยู่ในเกณฑ์ดี 32.5% ดีขึ้นจากปีก่อน 31.6% จากการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน ในขณะที่อ่อนตัวลงจากไตรมาสก่อนเล็กน้อย 32.8% ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารคาดลดลงจากปีก่อนเหลือ 2,077 ล้านบาท (+1%QoQ, -16%YoY) จากการควบคุมค่าใช้จ่าย รวมแล้วคาดกำไรปกติจะอยู่ในเกณฑ์ดี และ ลดลงไม่มาก 802 ล้านบาท (-13%QoQ, -2%YoY) โดยไตรมาส 4Q63 คาดจะตั้งสำรองด้อยค่าสินทรัพย์ไม่มาก เมื่อเทียบกับไตรมาสสี่ในอดีต รวมแล้วคาดจะมีกำไรสุทธิเท่ากับ 700 ล้านบาท (-22%QoQ, +46%YoY)
รวมปี 2563 คาดกำไรจะเติบโตได้ดี ปี 2564 ประมาณการมีอัพไซด์
ยอดขายผลิตภัณฑ์ซีเมนต์ของ SCCC ในไทย เวียดนาม ศรีลังกา และ บังคลาเทศ รวมในปี 2563 ซึ่งคาดจะปรับลดลง 12% เหลือ 41,836 ล้านบาท แต่จากการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และ ลดต้นทุน รวมถึงมีการตั้งสำรองด้อยค่าที่น้อยลง คาดกำไรปี 2563 จะเติบโตได้ดี 9% สู่ระดับ 3,448 ล้านบาท แม้ว่าจะเผชิญสถานการณ์ที่ยากลำบากจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 แนวโน้มปี 2564 ประมาณการของเราค่อนข้างอนุรักษ์นิยม ประเมินยอดขาย และ กำไรจะเติบโตเพียงเล็กน้อย 1% ในขณะที่สถานการณ์คาดจะดีขึ้น โดยเฉพาะในเวียดนามจะมีการลงทุนโครสร้างพื้นฐานมากขึ้น ศรีลังกากลับมาเติบโตได้ดีหลังเลือกตั้ง ทำให้ประมาณการของเรามีอัพไซด์
คาดจะกลับมาปันผลในงบปี 7 บาท
ปกติ SCCC จะจ่ายปันผลปีละสองครั้ง แต่ผลประกอบการงวดครึ่งแรกปี 2563 ทาง SCCC ได้งดจ่ายปันผล เพื่อเก็บเงินสดไว้ใช้จ่ายยามฉุกเฉินเนื่องจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 ภายใต้นโยบายปันผลมากกว่า60%ของกำไร และสถานการณ์ไมได้เลวร้าย เราประเมินจะจ่ายเงินปันผลในงบปี 7 บาท คิดเป็นเงินปันผลตอบแทน 4.8%
ความเสี่ยง : ต้นทุนพลังงาน / ธุรกิจปูนซีเมนต์ Over Supply / ความต้องการต่ำ / การแพร่ระบาดของ Covid-19 กระทบภาพรวม
Surachai Pramualcharoenkit
(66) 2658 6300 ext 1470
TISCO Financial Group (TISCO TB)
หุ้นเด่นในกลุ่ม recovery play
BUY
Share Price THB 91.75
12m Price Target THB 110.00 (+20%)
Previous Price Target THB 100.00
แนวโน้มกำไรเติบโต ซื้อ ปรับเพิ่ม TP เป็น 110 บาท
เรามั่นใจในคุณภาพสินทรัพย์ของ TISCO (NPL coverage ที่ 210%) และระดับเงินกองทุนที่แข็งแกร่งที่ 22% ซึ่งช่วยจำกัดดาวน์ไซด์เรื่องเงินปันผลและกำไรได้ คงคำแนะนำ ซื้อ และเพิ่ม TP เป็น 110 บาท (P / BV ปี 64 ที่ 2.1 เท่า, ROE 17.7%) จาก 100 บาทหลังจากปรับ EPS ปี 64-65 ขึ้น 5% เพื่อสะท้อน NIM ที่สูงขึ้นและการตั้งสำรองที่ลดลง ความเสี่ยงที่สำคัญคือต้นทุนสินเชื่อที่สูงเกินคาดและการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมที่อ่อนแอกว่าคาด
กำไร 4Q63 ตามคาด PPoP และคุณภาพสินทรัพย์สูงกว่าคาด
TISCO รายงานกำไรสุทธิ 1.6 พันล้านบาทสำหรับไตรมาส 4Q63 ลดลง 12% YoY (ทรงตัว QoQ) กำไรทั้งปี 63 ลดลง 17% YoY เป็น 6 พันล้านบาท (EPS = 7.57 บาท) PPoP เติบโต 8% YoY และสูงกว่าคาดการณ์ของเรา 6% จาก NIM และ non-NII ที่สูงขึ้น สินเชื่อลดลง 7.4% YoY (ทรงตัว QoQ) ขณะที่ NIM เพิ่มขึ้น 4 bp QoQ เป็น 4.78% ใน 4Q63 โดยที่ Non-NII ลดลง 13% YoY จากค่าธรรมเนียมการประกันที่ลดลง แต่เพิ่มขึ้น 16% QoQ หนุนโดยค่าธรรมเนียมจากตลาดทุน Opex ลดลง 10% YoY เนื่องจากการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ NPL ลดลง 5% QoQ นำโดยสินเชื่อเช่าซื้อ HP อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพลดลงเหลือ 2.50% จาก 2.63% ใน 3Q63 ในขณะที่ NPL Coverage เพิ่มขึ้นเป็น 210% จาก 196% ใน 3Q63 TISCO ตั้งสำรอง 803 ล้านบาท (สำรองปกติ 203 ล้านบาท) ใน 4Q63
คาดสินเชื่อโตคงที่ NIM ขยายตัวดีและต้นทุนสินเชื่อลดลงในปี 64
CFO ระบุคุณภาพสินทรัพย์ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่ธนาคารได้ตั้งสำรองเพิ่มเติม 600 ล้านบาทเพื่อสะท้อนผลกระทบจากการระบาดของโควิด -19 ระลอกสองในไตรมาส 4Q63 ในแง่บวก ลูกค้าส่วนใหญ่สามารถกลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติ และมีเพียง 2% ของเงินกู้ทั้งหมดที่ขอต่ออายุโครงการบรรเทาหนี้ ณ ไตรมาส 4Q63 (เทียบกับ 20% ของสินเชื่อรวม ณ ไตรมาส 3Q63) ผู้บริหารตั้งเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อคงที่และต้นทุนสินเชื่อลดลง 100-120bp (ค่าตัดจำหน่ายสำรองสุทธิส่วนเกิน) ในปีนี้จาก 142bp ในปีที่แล้ว NIM จะยังคงอยู่ในระดับสูงเนื่องจากต้นทุนของกองทุนจะลดลงอีกในปี 2564
กำไรจะดีขึ้น พร้อมจ่ายเงินปันผลดี
เราปรับเพิ่มคาดการณ์ EPS ปี 64-65 ขึ้น 5% เพื่อสะท้อนถึง NIM ที่สูงขึ้นและการตั้งสำรองที่ลดลง (รายละเอียดในหน้า 5) เราคาดว่าผลประกอบการจะเติบโต 9-11% ในปี 64-65 พร้อมคาดอัตราการจ่ายเงินปันผล 4.50 บาท/หุ้น หรือ 60% สำหรับปี 2563 ซึ่งสูงกว่า 50% ของเงินปันผลที่ ธปท. กำหนดเนื่องจากบริษัทย่อยสามารถจ่ายเงินปันผลได้ถึง 100% ของกำไร เราคาดการณ์เงินปันผลต่อหุ้นที่ 7.00-7.50 บาทในสองปีข้างหน้า ซึ่งหมายถึงอัตราเงินปันผลตอบแทน 7.6-8.2% เนื่องจากผู้บริหารมีแผนจะจ่ายเงินปันผลให้มากที่สุดเพื่อลดเงินทุนส่วนเกินและเพิ่ม ROE
Jesada Techahusdin, CFA
(66) 2658 6300 ext 1395
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web