ปฏิรูปศาลพ้นการเมือง

วันที่ 06 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 00:01 น. ข่าวสดออนไลน์


ปฏิรูปศาลพ้นการเมือง คอลัมน์ ใบตองแห้ง
        โล่งอก ไปที อัยการสูงสุดยังไม่ชี้คดียิ่งลักษณ์ทุจริตจำนำข้าว เปล่า ไม่ได้โล่งอกแทนยิ่งลักษณ์ โล่งอกแทนศาลกับ คสช.ต่างหาก ถามว่า คสช.เกี่ยวไร ที่จริงไม่ควรเกี่ยวเพราะอัยการมีอำนาจวินิจฉัยโดยอิสระ แต่บังเอิญ คสช.เข้ามาใช้รัฏฐาธิปัตย์ย้ายท่านอรรถพล ใหญ่สว่าง แล้วตั้งท่านตระกูล วินิจนัยภาค ชาวบ้านจึงอาจมองการวินิจฉัยของท่านไม่แยกภาคจาก คสช.

        นี่ยังรอ ป.ป.ช.ยื่น สนช.ถอดถอนอีกกระทอก สนช.มาจากทหารเกินครึ่ง คะแนนถอดถอนต้องถึง 3 ใน 5 นึกภาพดูว่าถ้าถอดถอนยิ่งลักษณ์ ผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยจะคิดยังไง ไหนว่า "ไม่มุ่งกำจัดฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด" แต่ถ้ามติ สนช.ทหารพรึ่บ ไม่ถอดถอนล่ะ นกหวีดก็คงเป่าปี๊ดๆ แมลงสาบโผล่จากท่อยั้วเยี้ย ออกหน้าไหนก็กลายเป็น "เผือกเผา"

        พูดอย่างนี้จะปกป้อง "อีปู" ไม่ต้องรับผิดตลอดชาติหรือเปล่า เปล่าเลยครับ พูดอีกล้านครั้งก็ยืนยันว่านโยบายจำนำข้าวเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ ทั้งคิดผิด บริหารไม่มีประสิทธิภาพ เปิดช่องให้ทุจริตรั่วไหล แต่นั่นคือความผิดทางนโยบายที่ไม่สามารถพิพากษาทางอาญา เป็นความรับผิดทางการเมือง ซึ่งถ้าถามว่าถอดถอนได้ไหม ถอดถอนได้แต่ต้องใช้สภาที่มาจากเลือกตั้ง

เพราะความรับผิดทางการ เมืองไม่สามารถตัดสินด้วยตัวบทกฎหมาย การถอดถอนในสภาไม่ใช่การตัดสินทางกฎหมาย แต่เป็นมาตรการทางการเมืองที่ใช้'ความเห็น'ของผู้มาจากเลือกตั้งด้วยกัน ลงมติว่าไม่ควรดำรงตำแหน่งต่อไป ผู้ยกมือไม่จำเป็นต้องบริสุทธิ์เที่ยงธรรม อาจชอบไม่ชอบกันเรื่องอื่นก็ได้ แต่มีความชอบธรรมในฐานะผู้แทนประชาชน

       นี่เป็นหลักสากล เพียงมีบางอย่างล้นเกิน คือตัดสิทธิ 5 ปี ซึ่งเป็นการเอาบทลงโทษที่ควรจะผ่านกระบวนการยุติธรรม มาพ่วงกับมาตรการการเมืองเฉยเลย

      ก็เหมือน กกต.แจกใบแดงผู้สมัคร ที่จริงรัฐธรรมนูญ 2540 ให้มีอำนาจแค่สั่งเลือกตั้งใหม่ เป็นมาตรการมุ่งให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรม แต่ กกต.ขยายอำนาจตั้งตนเป็นเทวดา ชี้ตัว "ผู้ต้องสงสัย" เพียง 3 ใน 5 เชื่อว่าทุจริตก็แจกใบแดงตัดสิทธิ 1 ปี ต่อมาขยายเป็น 5 ปี ต่อมาประหารชีวิตเจ็ดชั่วโคตร ตายทั้งพรรคถ้าเป็นกรรมการบริหารพรรค ทั้งที่เป็นแค่ "ผู้ต้องสงสัย" ยังไม่ผ่านศาลตัดสินว่าทุจริตต้องติดคุก วันนี้ยิ่งไปกันใหญ่จะให้ตัดสิทธิตลอดชีวิต

      สังคมไทยไม่ใช่แค่คลั่ง ยาแรงแต่ยังจ่ายยาผิด เอาความผิดอาญา ความผิดที่ต้องว่าตามกระบวนการยุติธรรม มาปนกับมาตรการทางการเมือง จนเลื่อนเปื้อนเลอะเทอะ สั่นสะเทือนสถาบันตุลาการ ผู้พิพากษากระโดดออกมาเป็นองค์กรอิสระ ใช้อำนาจแบบศาล แต่ไม่ได้ใช้กระบวนการของศาล

      ทำไมสังคมเชื่อมั่นศาล ก็เพราะกระบวนการที่ต้องพิสูจน์พยานหลักฐาน โจทก์จำเลยหักล้าง แล้วศาลวินิจฉัยตามหลักกฎหมาย โดยผู้พิพากษาทุกศาลต้องเขียน'หตุผล'ประกอบคำตัดสิน (ยกเว้นศาลรัฐธรรมนูญตัดสินก่อนเขียนทีหลัง) สังคมไม่ได้เชื่อศาลเพราะผู้พิพากษาเป็นคนดีกว่ามนุษย์ทั่วไป เราเชื่อด้วยหลักฐาน CSI เชื่อด้วยเหตุผลทางกฎหมาย ดังนั้นในเรื่องใดที่เป็น 'ความเห็น'ช่นคุณเห็นด้วยกับ TDRI หรือไม่ ผู้พิพากษาก็เสมอภาค มี 1 สิทธิ 1 เสียงเหมือนคนทั่วไป ท่านไม่สามารถตัดสินได้ ตัดสินไปสังคมก็ไม่ยอมรับ

      ผู้พิพากษา กระโดดออกมาเป็น กกต.เป็น ป.ป.ช.ใช้อำนาจแจกใบแดง ใช้อำนาจชี้ผิดวินัยข้าราชการ โดยไต่สวนเองตัดสินเองไม่ได้ใช้กระบวนการของศาล เพียงอาศัยศรัทธาที่สังคม มีต่อผู้พิพากษา เชื่อคนดีจากการสรรหาของตุลาการ ท้ายที่สุดก็วนกลับไปกระทบความเชื่อมั่น โดยยังไม่พูดถึงบางคดีที่ใช้ "สุคติ" เบี่ยงเบนหลักกฎหมาย โดยหวังว่าใช้อำนาจจัดการ "คนชั่ว" แล้วการเมืองจะดีขึ้น ที่ไหนได้ยิ่งลุกลามบานปลาย

      การเมืองเป็น เรื่องของความนิยม ความผิดทางนโยบายย่อมทำให้เสื่อม เหมือนจำนำข้าวทำลายเครดิต 'ประชานิยม'ไทยรักไทยแทบล่มสลาย แต่การเปลี่ยนความนิยมต้องใช้เวลา

      กฎหมายตัดสินการเมืองไม่ได้ กฎหมายตัดสินความถูกผิดทุกอย่างในโลกนี้ไม่ได้ กฎหมายตัดสินความเชื่อ ความงาม ความรัก ความชอบไม่ชอบ ความเหมาะสมไม่เหมาะสม ฯลฯ ไม่ได้ กฎหมายศักดิ์สิทธิ์เพราะใช้อย่างเคร่งครัด ใช้อย่างจำกัด ใช้แล้วมีข้อพิสูจน์ชัดเจน เรื่องอื่นๆ ต้องปล่อยให้สังคมตัดสิน

        ความ ผิดพลาด 8 ปีของ 'ตุลาการภิวัตน์'ดูเหมือนยอมรับอยู่เป็นนัย เพราะรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 กันสถาบันตุลาการออกไปไม่ให้มีบทบาท ไม่มีส่วนร่วมกับรัฐบาล สนช. สปช. มีเพียงศาลจังหวัดมาร่วมสรรหา ทิศทางหลักน่าจะตระหนักแล้ว เหลือเพียงร่างรัฐธรรมนูญใหม่ว่า จะเอาศาลมาเป็นหลักในการสรรหาวุฒิสภาและองค์กรอิสระอีกไหม

       อย่า ดึงตุลาการมาเลย อย่าใช้ตุลาการตัดสินการเมืองอีก อย่าให้องค์กรอิสระใช้อำนาจแทนศาล ไม่งั้นก็ 'ปิดปรับปรุง'ความยุติธรรมเสียยังดีกว่า