การสนับสนุนกำลังพลกองทัพไทย เพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ในกองกำลังชั่วคราวรักษาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติสำหรับเอบิเย
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Tuesday, 11 October 2022 21:51
- Hits: 1172
การสนับสนุนกำลังพลกองทัพไทย เพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ในกองกำลังชั่วคราวรักษาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติสำหรับเอบิเย
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงกลาโหม (กห) เสนอ ดังนี้
1. การสนับสนุนกำลังพลกองทัพไทย ประเภทบุคคล เพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ในกองกำลังชั่วคราวรักษาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติสำหรับเอบิเย (United Nations Interim Security Force for Abyei : UNISFA) จำนวน 2 นาย และสนับสนุนกำลังพลเพิ่มเติมเมื่อมีคำขอของสหประชาชาติ (United Nations : UN) ในภารกิจเดียวกัน
2. กำลังพลที่ไปปฏิบัติหน้าที่ได้รับสิทธิเกี่ยวกับการนับเวลาราชการเป็นทวีคูณตามมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 และการพิจารณาบำเหน็จพิเศษในเวลาเหตุฉุกเฉิน ตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการพิจารณาบำเหน็จพิเศษในเวลาเหตุฉุกเฉิน พ.ศ. 2529 ตลอดช่วงเวลาปฏิบัติภารกิจดังกล่าวโดยถือเป็นการปฏิบัติราชการพิเศษตามที่ กห. กำหนด
สาระสำคัญของเรื่อง
กระทรวงกลาโหม (กห.) นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบการสนับสนุนกำลังพลกองทัพไทย ประเภทบุคคล เพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ในกองกำลังชั่วคราวรักษาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติสำหรับ เอบิเย (United Nations Interim Security Force for Abyei : UNISFA) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ยังคงมีปัญหาความขัดแย้งระหว่างเผ่า Misseriya และเผ่า Dinka บริเวณชายแดนระหว่างสาธารณรัฐซูดานและสาธารณรัฐเซาห์ซูดาน จำนวน 2 นาย (ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งผู้สังเกตการณ์ทางทหารในภารกิจ UNISFA) และสนับสนุนกำลังพลเพิ่มเติมเมื่อมีคำขอของสหประชาชาติ (United Nations : UN) ในภารกิจเดียวกัน โดยให้กำลังพลที่ไปปฏิบัติหน้าที่ได้รับสิทธิเกี่ยวกับการนับเวลาราชการเป็นทวีคูณตามมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 และการพิจารณาบำเหน็จพิเศษในเวลาเหตุฉุกเฉิน ตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการพิจารณาบำเหน็จพิเศษในเวลาเหตุฉุกเฉิน พ.ศ. 2529 ตลอดช่วงเวลาปฏิบัติภารกิจดังกล่าวโดยถือเป็นการปฏิบัติราชการพิเศษตามที่ กห. กำหนด ซึ่งภารกิจดังกล่าวเป็นภารกิจสังเกตการณ์ตามข้อตกลงหยุดยิงและใช้กำลังเมื่อจำเป็น เพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงหยุดยิงและอำนวยความสะดวกในการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ประชาชนและผู้พลัดถิ่นในพื้นที่เอบิเย โดยมีระยะเวลาในการปฏิบัติหน้าที่ 12เดือน โดย UN จะสนับสนุนงบประมาณในการปฏิบัติการทั้งหมด ยกเว้นบำเหน็จพิเศษในเวลาเหตุฉุกเฉินที่จะต้องใช้เงินงบประมาณจาก กห. เมื่อกำลังพลดังกล่าวได้กลับมาจากการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งการส่งกำลังพลในครั้งนี้เป็นการแสดงถึงการยอมรับในขีดความสามารถกำลังรักษาสันติภาพของกองทัพไทยและเป็นโอกาสอันดีในการเพิ่มบทบาทด้านการรักษาสันติภาพของประเทศไทยในเวทีสากลตามนโยบายของรัฐบาล รวมทั้งเป็นการรักษาบทบาทของประเทศไทยบนเวทีประชาคมโลกในฐานะประเทศสมาชิก UN และรักษาระดับการมีส่วนร่วมในภารกิจรักษาสันติภาพของ UN ทั้งนี้ สภากลาโหมในคราวประชุมครั้งที่ 8/2565 เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2565 ได้มีมติเห็นชอบด้วยแล้ว
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 11 ตุลาคม 2565
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
A10425