WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ร่างพระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และการสมัครเข้าเป็นภาคีความตกลงกรุงเฮกว่าด้วยการจดทะเบียนการออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมระหว่างประเทศ ภายใต้กรรมสารเจนีวา ค.ศ. 1999

GOV 27

ร่างพระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่ ..) .. .... และการสมัครเข้าเป็นภาคีความตกลงกรุงเฮกว่าด้วยการจดทะเบียนการออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมระหว่างประเทศ ภายใต้กรรมสารเจนีวา .. 1999

        คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ อนุมัติ และรับทราบ ดังนี้

        1. เห็นชอบการเข้าเป็นภาคีความตกลงกรุงเฮกว่าด้วยการจดทะเบียนการออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมระหว่างประเทศ (Hague Agreement Concerning the International Registration of Industrial Designs) ภายใต้กรรมสารเจนีวา .. 1999 และให้ส่งความตกลงดังกล่าวให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา 178 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ

        2. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่ ..) .. .... ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และกระทรวงสาธารณสุขไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป

        3. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ

        4. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ และสำนักงาน ... ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป

        5. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำและดำเนินการยื่นภาคยานุวัติสารต่อผู้อำนวยการใหญ่ ขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลกเมื่อสภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบความตกลงฯ และร่างพระราชบัญญัติฯ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ มีผลใช้บังคับทางกฎหมายแล้ว

 

EXIM One 720x90 C J

 

        สาระสำคัญของเรื่อง 

        1. ความตกลงกรุงเฮกฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับระบบการจดทะเบียนการออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมระหว่างประเทศ ซึ่งจะเป็นการอำนวยความสะดวกให้ผู้ขอจดทะเบียนให้สามารถขอรับความคุ้มครองสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ โดยสามารถยื่นคำขอจดทะเบียนเพียงครั้งเดียวเพื่อขอรับความคุ้มครองในประเทศต่างๆ ที่เป็นภาคีได้ โดยมีเนื้อหาประกอบด้วย บททั่วไป ภาค 1 คำขอระหว่างประเทศและการจดทะเบียนระหว่างประเทศ ภาค 2 บทบัญญัติฝ่ายบริหาร ภาค 3 การพิจารณาปรับปรุงและการแก้ไข และภาค 4 บทบัญญัติสุดท้าย รวมทั้งหมด 34 ข้อ สรุปได้ดังนี้

             1.1 กำหนดการบังคับใช้มาตรการคุ้มครองอื่นใดตามกฎหมายของภาคีร่วมสัญญา และอนุสัญญาระหว่างประเทศ ต้องไม่มีผลกระทบต่อคำขอที่มีความคุ้มครองเหนือกว่าตามกฎหมายของภาคีร่วมสัญญา (ความตกลงฯ จะไม่ไปตัดความคุ้มครองตามกฎหมายภายในประเทศ/สนธิสัญญาระหว่างลิขสิทธิ์ หรือความตกลง TRIPS ของ WTO เช่น หากกฎหมายภายในประเทศ หรือความตกลงระหว่างประเทศใดที่มีความคุ้มครองที่ดีกว่า ก็ให้สามารถเลือกบังคับใช้อันนั้น)

             1.2 กำหนดสิทธิและขอบเขตการยื่นคำขอระหว่างประเทศ โดยกำหนดให้ผู้มีสิทธิยื่นคำขอระหว่างประเทศต้องเป็นบุคคลที่มีสัญชาติของรัฐที่เป็นรัฐภาคีร่วมสัญญาหรือเป็นสมาชิกขององค์การระหว่างรัฐที่เป็นภาคีร่วมสัญญา หรือมีภูมิลำเนา ถิ่นที่อยู่ หรืออยู่ในระหว่างการประกอบอุตสาหกรรมหรือพาณิชกรรมอย่างแท้จริงในอาณาเขตของภาคีร่วมสัญญา

              ทั้งนี้ ความตกลงฯ จะเริ่มมีผลบังคับใช้ 3 เดือนหลังจากการให้สัตยาบัน หรือการภาคยานุวัติต่อผู้อำนวยการใหญ่องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก 

        2. ร่างพระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่ ..) .. .... เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติสิทธิบัตร .. 2522 ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกระบวนการขั้นตอนการตรวจสอบคำขอรับสิทธิบัตรการประดิษฐ์ การจดทะเบียนสิทธิบัตร และระบบการขอรับความคุ้มครองสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ ให้มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล ได้แก่ 1) ความตกลงกรุงเฮกฯ 2) ความตกลงว่าด้วยสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวกับการค้า (TRIPS) 3) อนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ และ 4) พิธีสารนาโงยาว่าด้วยการเข้าถึงทรัพยากรพันธุกรรมและการแบ่งปันผลประโยชน์ที่ได้จากการใช้ทรัพยากรพันธุกรรม โดยการนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้สำหรับการยื่นคำขอแก้ไขปรับปรุงบทบัญญัติเรื่องการบังคับใช้สิทธิตามสิทธิบัตร (Compulsory Licensing) ให้มีความครบถ้วนตามความตกลงว่าด้วยสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวกับการค้า และกำหนดให้ในคำขอรับสิทธิบัตรการประดิษฐ์และอนุสิทธิบัตร ผู้ขอต้องระบุแหล่งที่มา และยื่นเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการขออนุญาตก่อนการเข้าถึงและข้อตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ขยายอายุการให้ความคุ้มครองการออกแบบผลิตภัณฑ์ ขยายขอบเขตการขอรับสิทธิบัตรไปยังการออกแบบผลิตภัณฑ์บางส่วน รวมทั้งปรับปรุงแก้ไขบัญชีอัตราค่าธรรมเนียมท้ายพระราชบัญญัติให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น รายละเอียดดังนี้

 

วิริยะ 720x100

 

              ร่างพระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่ ..) .. .... เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติสิทธิบัตร .. 2522 โดยเพิ่มบทบัญญัติเพื่อรองรับการเข้าเป็นภาคีความตกลงกรุงเฮกฯ และเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลตามความตกลง TRIPS อนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ และพิธีสารนาโงยา และปรับปรุงขั้นตอนการตรวจสอบคำขอรับสิทธิบัตรการประดิษฐ์ สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ และอนุสิทธิบัตรปรับปรุงการคุ้มครองสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้มีความทันสมัย สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้

 

การรองรับการเข้าเป็นภาคีความตกลงกรุงเฮกฯ และเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลตามความตกลง TRIPS

อนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ และพิธีสารนาโงยา

ประเด็นที่แก้ไข

 

สาระสำคัญ/เหตุผล

1. ความตกลงกรุงเฮกฯ เช่น

     1.1 เพิ่มเติมหมวด 3/1 การจดทะเบียนการออกแบบผลิตภัณฑ์ระหว่างประเทศภายใต้ความตกลงฯ 

(เดิม ไม่ได้กำหนด)

 

 

- เพิ่มนิยาม คำว่าความตกลงกรุงเฮก” “คำขอจดทะเบียนระหว่างประเทศ” “การจดทะเบียนระหว่างประเทศ” “ทะเบียนระหว่างประเทศ” “ผู้ขอจดทะเบียนและสำนักระหว่างประเทศ” 

- กำหนดวิธีการยื่นคำขอจดทะเบียนระหว่างประเทศได้ 2 ทาง คือ (1) Direct filing : ยื่นโดยตรงไปยังสำนักระหว่างประเทศ (2) Indirect filing : ยื่นผ่านกรมทรัพย์สินทางปัญญา

- กำหนดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิยื่นคำขอจดทะเบียนระหว่างประเทศผ่านกรมทรัพย์สินทางปัญญา เช่น ต้องมีสัญชาติไทย หรือเป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทย มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย

     1.2 ขยายอายุการให้ความคุ้มครองการออกแบบผลิตภัณฑ์ 

(เดิม ระยะเวลาคุ้มครองการออกแบบผลิตภัณฑ์มีอายุการคุ้มครอง 10 ปี)

  - ขยายระยะเวลาคุ้มครองการออกแบบผลิตภัณฑ์ เป็น 15 ปี โดยกำหนดให้มีระยะเวลาเริ่มต้น 5 ปี และสามารถต่ออายุได้อีก 2 ครั้ง ครั้งละ 5 ปี เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและแนวโน้มของการค้าการลงทุนที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงเพื่อรองรับการเข้าเป็นภาคีความตกลงกรุงเฮกฯ ภายใต้กรรมสารเจนีวาฯ

2. ความตกลงว่าด้วยสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวกับการค้า : TRIPS 

     2.1 การบังคับใช้สิทธิโดยรัฐ (เพิ่มเติมบทบัญญัติเรื่องการใช้สิทธิตามสิทธิบัตรเพื่อส่งออกเภสัชภัณฑ์ตามมาตรา 31 bis ของ TRIPS Agreement) 

(เดิม ไม่ได้กำหนด)

 

 

- กรณีหากเกิดความขาดแคลนเภสัชภัณฑ์ในประเทศพัฒนาน้อยที่สุด หรือประเทศสมาชิกองค์การการค้าโลกมีศักยภาพในการผลิตเภสัชภัณฑ์ไม่เพียงพอ และประเทศนั้นได้แจ้งความต้องการที่จะนำเข้าเภสัชภัณฑ์ต่อองค์การการค้าโลกแล้วกระทรวงอาจใช้สิทธิตามสิทธิบัตรอย่างใดอย่างหนึ่งที่มีผู้ทรงสิทธิบัตรอยู่แล้ว เพื่อผลิตและส่งออกเภสัชภัณฑ์ไปยังประเทศดังกล่าวได้ โดยดำเนินการเองหรือให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน รวมทั้งวางกรอบการกำหนดค่าตอบแทน เงื่อนไข และข้อจำกัดสิทธิของกระทรวงเพื่อให้สอดคล้องกับความตกลง TRIPS Art 31 bis 

     2.2 เพิ่มเติมสิ่งที่ขอรับสิทธิบัตรไม่ได้

(เดิมกำหนดไว้ดังนี้ (1) จุลชีพและส่วนประกอบส่วนใดส่วนหนึ่งของจุลชีพที่มีอยู่ตามธรรมชาติ สัตว์ พืชหรือสารสกัดจากสัตว์หรือพืช (2) กฎเกณฑ์และทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ (3) ระบบข้อมูลสำหรับการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ (4) วิธีการวินิจฉัย บำบัด หรือรักษาโรคมนุษย์ หรือสัตว์ (5) การประดิษฐ์ที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดี อนามัยหรือสวัสดิภาพของประชาชน)

 

- เพิ่มเติมให้ศัลยกรรมเพื่อการรักษาโรคมนุษย์หรือสัตว์

เป็นสิ่งที่ไม่สามารถขอรับสิทธิบัตรได้ เพื่อให้ถ้อยคำครบถ้วนตาม TRIPS Art.27 ข้อ 3 (a) ซึ่งมีคำว่า “surgical methods”

- เพิ่มเติมให้การประดิษฐ์ที่แสวงหาประโยชน์เชิงพาณิชย์ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดี สุขภาพ อนามัย สวัสดิภาพของประชาชน หรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมอย่างร้ายแรง เป็นสิ่งที่ไม่สามารถขอรับสิทธิบัตรได้

3. อนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพและพิธีสารนาโงยาว่าด้วยการเข้าถึงทรัพยากรพันธุกรรมและการแบ่งปันผลประโยชน์ที่ได้จากการใช้ทรัพยากรพันธุกรรมอย่างยุติธรรมและเท่าเทียม (Nagoya Protocal) 

     เพิ่มเติมบทบัญญัติเพื่อรองรับการใช้ทรัพยากรพันธุกรรม หรือภูมิปัญญาท้องถิ่น 

(เดิม ไม่ได้กำหนด)

 

- กำหนดให้ผู้ขอรับสิทธิบัตรระบุแหล่งที่มา และยื่นเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการขออนุญาตก่อนการเข้าใช้ และข้อตกลงแบ่งปันผลประโยชน์มาพร้อมคำขอด้วย เพื่อรองรับหลักการเปิดเผยแหล่งที่มาของทรัพยากรพันธุกรรม (Genetic Resources: GRs) และภูมิปัญญาท้องถิ่น (Traditional Knowledge: TK) ในคำขอรับสิทธิบัตรการประดิษฐ์และอนุสิทธิบัตร

4. ปรับปรุงบทนิยาม คำว่าแบบผลิตภัณฑ์และเพิ่มนิยามคำว่าแบบผลิตภัณฑ์หลัก

 

- “แบบผลิตภัณฑ์หมายความว่า รูปร่างของผลิตภัณฑ์ รูปทรง หรือองค์ประกอบของลวดลายหรือสี ของผลิตภัณฑ์หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ ที่ปรากฏแก่สายตาและอันมีลักษณะพิเศษสำหรับผลิตภัณฑ์ซึ่งสามารถใช้เป็นแบบสำหรับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรวมทั้งหัตถกรรมได้เพื่อให้มีความชัดเจน และเพื่อรองรับการขอรับความคุ้มครองการออกแบบผลิตภัณฑ์บางส่วน (Partial designs)

เพิ่มเติมนิยามคำว่าแบบผลิตภัณฑ์หลักหมายความว่า แบบผลิตภัณฑ์ที่ได้ขอรับสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ไว้ในราชอาณาจักรแล้ว และผู้ขอรับสิทธิบัตรเลือกใช้เป็นฐานในการยื่นขอรับสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อรองรับการขอรับความคุ้มครองการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่อง

5. ปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์การพิจารณางานที่ปรากฏอยู่แล้ว จากเดิมที่ให้เริ่มต้นอายุคุ้มครองสิทธิบัตรให้นับแต่วันยื่นคำขอภายในประเทศ

 

- เพิ่มเติมกรณีที่มีการยื่นคำขอรับสิทธิบัตรครั้งแรก ไม่ว่าจะในหรือนอกราชอาณาจักร ให้ถือว่าวันยื่นคำขอครั้งแรกนั้นเป็นวันยื่นคำขอรับสิทธิบัตร ซึ่งสอดคล้องกับหลักการ Priority Claim ซึ่งเป็นหลักการสากล

6. ปรับปรุงขั้นตอนการตรวจสอบคำขอรับสิทธิบัตรการประดิษฐ์ให้มีความชัดเจนและรวดเร็ว

 

- กำหนดระยะเวลาในการดำเนินการขอรับการจดสิทธิบัตรใหม่ให้รวดเร็วยิ่งขึ้น และสอดคล้องกับหลักสากล เช่น ลดระยะเวลาแยกคำขอรับสิทธิบัตร กรณีคำขอรับสิทธิบัตรมีการประดิษฐ์หลายอย่าง จากเดิม “120 วันเป็น “90 วันลดระยะเวลาการขอให้ตรวจสอบสิ่งประดิษฐ์จากเดิม “5 ปีนับแต่วันประกาศโฆษณา เป็นภายใน 3 ปีนับแต่วันยื่นคำขอรับสิทธิบัตรในราชอาณาจักร เป็นต้น ปรับปรุงกระบวนการคัดค้านการขอรับสิทธิบัตรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยย้ายการคัดค้านก่อนการตรวจสอบการประดิษฐ์มาไว้ภายหลังจากตรวจสอบการประดิษฐ์ แต่ก่อนการรับจดทะเบียน

7. แก้ไขขั้นตอนการจดทะเบียนสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ (ผู้ทรงสิทธิบัตรอนุญาตให้บุคคลอื่นใช้สิทธิบัตรแทนตน

(เดิม การอนุญาตให้ใช้สิทธิตามสิทธิบัตรและการโอนสิทธิบัตร ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่)

 

- ยกเลิกหลักเกณฑ์การจดทะเบียนสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิโดยเปลี่ยนไปใช้ระบบการจดแจ้งการอนุญาตให้ใช้สิทธิตามสิทธิบัตร

8. ปรับปรุงอำนาจหน้าที่อธิบดีกรณีผู้ทรงสิทธิบัตรไม่ชำระค่าธรรมเนียมรายปี

(เดิม เมื่อผู้ทรงสิทธิบัตรไม่ชำระค่าธรรมเนียมรายปี ให้อธิบดีทำรายงานเสนอให้คณะกรรมการสิทธิบัตรสั่งเพิกถอนสิทธิบัตร)

 

- กำหนดให้อธิบดีสั่งเพิกถอนสิทธิบัตรที่ไม่ชำระค่าธรรมเนียมรายปีแทนคณะกรรมการสิทธิบัตรเพื่อลดขั้นตอนการดำเนินงาน

9. เพิ่มเติมหมวด 2/1 การยื่นคำขอระหว่างประเทศภายใต้สนธิสัญญาความร่วมมือด้านสิทธิบัตร (Patent Cooperation Treaty : PCT)

(เดิม ไม่ได้กำหนด)

 

- เพิ่มบทนิยาม เช่น คำว่าสนธิสัญญา” “คำขอระหว่างประเทศ” “ผู้ขอและสำนักระหว่างประเทศ

- กำหนดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิยื่นคำขอระหว่างประเทศผ่านกรมทรัพย์สินทางปัญญา โดยต้อง (1) มีสัญชาติไทย หรือเป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทย (2) มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย หรือ (3) มีสถานประกอบอุตสาหกรรมหรือพาณิชยกรรมและยังคงประกอบการอย่างแท้จริงและจริงจังในประเทศไทย

เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้มีสิทธิยื่นคำขอสิทธิบัตรสัญชาติไทยหรือมีภูมิลำเนาในไทย สามารถยื่นขอจดสิทธิบัตรระหว่างประเทศต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ ซึ่งเป็นหลักการตามสนธิสัญญาความร่วมมือด้านสิทธิบัตร ซึ่งเดิมกำหนดไว้ในกฎกระทรวงว่าด้วยการขอรับความคุ้มครองการประดิษฐ์ตามสนธิสัญญาความร่วมมือด้านสิทธิบัตร .. 2522

10. ค่าธรรมเนียม

 

- เก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมและยกเลิกค่าธรรมเนียมบางรายการเพื่อให้สอดคล้องกับร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ ได้แก่

     ค่าธรรมเนียมที่ถูกยกเลิก เช่น ค่าธรรมเนียมคำขอจดทะเบียนสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิตามสิทธิบัตรหรืออนุสิทธิบัตร (เนื่องจากเปลี่ยนมาใช้ระบบจดแจ้งแทน)

     ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มเติม เช่น 1) คำขอถือสิทธิให้ถือวันยื่นคำขอครั้งแรกนอกราชอาณาจักร 2) คำขอแยกการประดิษฐ์ 3) คำขอขยายระยะเวลาแก้ไขเพิ่มเติมคำขอรับสิทธิบัตรหรืออนุสิทธิบัตร และ 4) คำร้องขอให้ทบทวนผลการพิจารณาคำขอระหว่างประเทศ

11. ปรับปรุงบัญชีอัตราค่าธรรมเนียมให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน และแยกบัญชีอัตราค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ออกไปเป็นอีกบัญชีหนึ่งต่างหาก

(เดิม อัตราเดิมใช้บังคับมา 17 ปีแล้ว และไม่ได้แยกบัญชีอัตราค่าธรรมเนียมสิทธิบัตร)

 

- ปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมคำขอต่างๆ เช่น

     - คำขอรับสิทธิบัตรการประดิษฐ์ เดิมฉบับละ 1,000 บาท เป็น 3,500 บาท

     - คำขอรับสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์เดิมฉบับละ 1,000 บาท เป็น 3,000 บาท

- เพิ่มเติมอัตราค่าธรรมเนียมคำขอต่างๆ ซึ่งเดิมไม่มี เช่น

     - คำขอแยกการประดิษฐ์ ฉบับละ 1,000 บาท

     - คำขอแยกการออกแบบผลิตภัณฑ์ ฉบับละ 1,000 บาท

 

(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ (รองนายกรัฐมนตรี) 27 กันยายน 2565

สำนักโฆษก   สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396

 

A91052

Click Donate Support Web  

AXA 720 x100

aia 720 x100

PTG 720x100TU720x100sme 720x100

BANPU 720x100QIC 720x100

ธกส 720x100

ใจฟู720x100px

ais 720x100

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!