WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

รายงานประจำปีกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564

GOV 10

รายงานประจำปีกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ปีงบประมาณ .. 2564

        คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปีกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ปีงบประมาณ .. 2564 ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมเสนอ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป

        สาระสำคัญของรายงานฯ

        รายงานประจำปีกองทุนฯ ประจำปีงบประมาณ .. 2564 มีสาระสำคัญ สรุปได้ดังนี้

        1. ส่วนที่ 1 ข้อมูลทั่วไป

             กองทุนฯ จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติการจัดประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม .. 2562 โดยกำหนดให้ตั้งไว้ที่สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง (สป.กค.) มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้จ่ายในการจัดประชารัฐสวัสดิการที่เป็นการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยหรือเพื่อสนับสนุนโครงการที่ให้บริการทางสังคมที่เป็นการช่วยเหลือประชาชนในภาวะลำบากทุกประเภท โดยมีการบริหารงานผ่านคณะกรรมการซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธานกรรมการ

             โดยในการดำเนินการคณะกรรมการฯ ได้มีคำสั่งคณะกรรมการฯ ที่ 1/2562 ลงวันที่ 21 พฤษภาคม 2562 แต่งตั้งคณะอนุกรรมการขึ้น 3 คณะ ได้แก่ คณะอนุกรรมการนโยบายการจัดประชารัฐสวัสดิการ คณะอนุกรรมการบริหารข้อมูลโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ และคณะอนุกรรมการดำเนินการประชารัฐสวัสดิการ

        2. ส่วนที่ 2 ผลการดำเนินงานของกองทุนฯ

             ผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ประกอบด้วยการจัดสวัสดิการให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2 รูปแบบ ได้แก่ (1) สวัสดิการบรรเทาภาระค่าครองชีพที่ไม่ได้กำหนดระยะเวลาสิ้นสุดตั้งแต่ปี .. 2561 - 2564 ได้แก่ ค่าใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคที่จำเป็น ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และการปรับเพิ่มเบี้ยความพิการ และ (2) สวัสดิการบรรเทาภาระค่าครองชีพที่มีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดตั้งแต่ปี .. 2562 - 2564 ซึ่งเป็นสวัสดิการตามมาตรการต่างๆ โดยในปีงบประมาณ .. 2562 เช่น มาตรการชดเชยเงินให้แก่ผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยใช้ข้อมูลจากจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้มีรายได้น้อยได้ชำระ (มาตรการชดเชยเงิน) และมาตรการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในช่วงปลายปี ปีงบประมาณ .. 2563 เช่น มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา และมาตรการชดเชยเงิน ปีงบประมาณ . 2564 เช่น มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา และการจัดสรรสวัสดิการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 .. 2563 เช่น โครงการช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชยให้แก่ประชาชนซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID – 19 เพื่อช่วยเหลือผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของกระทรวงการคลัง โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และโครงการเราชนะ

 

aia 720 x100

 

        3. ส่วนที่ 3 ผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพการใช้จ่ายของกองทุนฯ

             3.1 ผลต่อประสิทธิภาพในการจัดสรรสวัสดิการ

                    โครงการลงทะเบียน มีเกณฑ์ในการคัดกรองผู้ที่ควรจะได้รับสิทธิจึงทำให้ผู้ที่ผ่านการคัดกรองดังกล่าวเป็นผู้มีรายได้น้อยตัวจริงและสมควรได้รับการช่วยเหลือเป็นพิเศษจากภาครัฐ ซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้น 14.6 ล้านคน (คงเหลือจำนวน 13.5 ล้านคน เดือนตุลาคม 2564) โดยรัฐบาลได้ดำเนินการจัดสรรสวัสดิการผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอย่างรัดกุม โปร่งใส ตรวจสอบได้ เนื่องจากเป็นการเติมวงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะต้องนำไปใช้จ่ายยังร้านที่กำหนด เช่น ร้านธงฟ้าประชารัฐพัฒนา เศรษฐกิจท้องถิ่น (จำนวนประมาณ 122,842 ร้านค้าทั่วประเทศ เดือนกันยายน 2564) ร้านก๊าซหุงต้มที่กระทรวงพลังงานกำหนด บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งทำให้เงินที่ภาครัฐใช้จัดสรรสวัสดิการกว่า 48,216 ล้านบาท ในปีงบประมาณ .. 2564 ไม่รั่วไหล ถึงมือประชาชนอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย และใช้จ่ายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และตรงกลุ่มเป้าหมาย

             3.2 ผลต่อการบรรเทาภาระค่าครองชีพ

                    โดยในปี 2560 รัฐบาลโดยกระทรวงการคลังได้ดำเนินการประชารัฐสวัสดิการลงในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยในระยะแรกของการดำเนินการมีสวัสดิการทั้งสิ้น 5 กลุ่มสวัสดิการ ได้แก่ กลุ่มที่ 1 วงเงินเพื่อซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น กลุ่มที่ 2 วงเงินค่าโดยสารสาธารณะ กลุ่มที่ 3 วงเงินส่วนลดค่าก๊าซหุงต้ม กลุ่มที่ 4 วงเงินค่าสาธารณูปโภคพื้นฐาน กลุ่มที่ 5 เพิ่มเบี้ยดำรงชีพ สำหรับผู้พิการที่มีบัตรจะได้รับการจัดสรรสวัสดิการเบี้ยดำรงชีพเพิ่ม ต่อมามีการเพิ่มสวัสดิการที่กำหนดช่วงเวลาสิ้นสุดเอาไว้ เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจและสังคมในช่วงเวลานั้น กลุ่มที่ 6 สวัสดิการอื่นๆ ที่สิ้นสุดแล้ว แต่ยังมีภาระต้องจ่ายมาจนถึงปัจจุบัน กลุ่มนี้มีหลากหลายรายการที่แม้จะสิ้นสุดมาตรการไปแล้ว แต่ยังมีการจ่ายให้ผู้มีรายได้น้อยที่ตกค้างอยู่จำนวนหนึ่ง เช่น มาตรการชดเชยภาษีมูลค่าเพิ่ม มาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มาตรการพยุงการบริโภค และมาตรการค่าเดินทางไปรับการรักษาพยาบาลของผู้สูงอายุที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กลุ่มนี้มีการใช้จ่ายจากเงิน กองทุนฯ ในปีงบประมาณ .. 2564 ทั้งสิ้น 7.13 ล้านบาท และกลุ่มที่ 7 เพิ่มกำลังซื้อช่วง COVID – 19 สวัสดิการนี้ใช้เงินกู้จากพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม .. 2564 จำนวน 500,000 บาท

             3.3 ผลต่อการพยุงกำลังซื้อและการบริโภคของประเทศ

                    การบริโภคภาคเอกชนเป็นองค์ประกอบสำคัญในผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross Domestic Product : GDP) มีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 55 ของ GDP เมื่อพิจารณาจากจำนวนผู้มีรายได้น้อยเฉพาะที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เดือนตุลาคม 2564 มีจำนวน 135 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 20 ของประชากรทั้งประเทศ และในจำนวนนี้เป็นผู้ที่มีการใช้จ่ายต่ำกว่าเส้นความยากจนถึง 9.9 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 73 ของผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยพบว่าผู้มีรายได้น้อยมักจะมีแนวโน้มของการนำเงินออกมาใช้จ่ายค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับเงินที่ได้มา ขณะเดียวกันการใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ยังเป็นการกระจายรายได้เข้าสู่ชุมชนเศรษฐกิจฐานรากโดยตรงอีกทาง เพราะนอกจากการที่ผู้มีรายได้น้อยจะได้รับประโยชน์โดยตรงจากการถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำเป็นต้องใช้วงเงินเพื่อซื้อสินค้าอุปโภคและก๊าซหุงต้มกับร้านธงฟ้าฯ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ค้ารายย่อยที่มีความเกี่ยวข้องกับชุมชน จึงนับได้ว่าเป็นการกระจายเข้าสู่ร้านค้าชุมชน และเศรษฐกิจฐานรากอย่างแท้จริง ซึ่งทำให้ผลประโยชน์ต่อด้านเศรษฐกิจมหภาคทวีความสำคัญมากยิ่งขึ้น กองทุนฯ จึงมีบทบาทอย่างมากต่อการพยุงกำลังซื้อและการบริโภคของประเทศในยามที่เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจอื่นๆ อ่อนแออันเกิดจากผลกระทบของวิกฤตโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และช่วยให้เศรษฐกิจฐานรากไม่ทรุดลงมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

 

ใจฟู720x100px

 

             3.4 ผลต่อการวางรากฐานในการพัฒนาประเทศ

                    โครงการลงทะเบียนฯ ยังส่งผลประโยชน์ทางอ้อมที่ไม่สามารถประเมินค่าเป็นตัวเงินได้ เช่น การนำเทคโนโลยีด้านดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาองค์กรเพื่อการเติบโตแบบก้าวกระโดด (Exponential Growth) ได้แก่ Big Data เป็นการสร้าง Data Mining ในมิติต่างๆ เช่น อายุ อาชีพ และรายได้ เป็นต้น นำไปสู่การสร้าง Data Visualization ทั้งในด้านจำนวนคน มูลค่าการใช้จ่ายของแต่ละบุคคลในแต่ละสวัสดิการ และการใช้เทคโนโลยี Blockchain ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่สนับสนุนการสร้างโครงข่ายข้อมูลที่อนุญาตให้ใช้ร่วมกันได้ระหว่างหน่วยงานต่างๆ ช่วยให้บูรณาการข้อมูลระหว่างหน่วยงานต่างๆ ทำให้กองทุนฯ สามารถปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบันได้ตลอดเวลา (Real Time) และสามารถเรียกดูข้อมูลได้ตลอดเวลา

        4. ส่วนที่ 4 รายงานของผู้สอบบัญชี และรายงานการเงินของกองทุนฯ ที่ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแล้ว

             งบแสดงฐานะการเงิน วันที่ 30 กันยายน .. 2564 กองทุนฯ มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 36,737,083,197.42 บาท หนี้สินรวมทั้งสิ้น 103,971,559.64 บาท รวมหนี้สินและสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนทุน 36,737,083,197.42 บาท

             งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน สำหรับปี สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564 มีรายได้รวม 77,514,489,600 บาท และมีค่าใช้จ่ายรวม 48,126,430,318.46 บาท รวมรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่ายสุทธิ 29,388,059,281.54 บาท 

             งบแสดงการเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนทุน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564 มียอดคงเหลือ วันที่ 30 กันยายน 2564 จำนวน 36,633,111,637.78 บาท

 

(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ (รองนายกรัฐมนตรี) 27 กันยายน 2565

สำนักโฆษก   สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396

 

A91042

Click Donate Support Web  

EXIM One 720x90 C J

วิริยะ 720x100

AXA 720 x100

PTG 720x100TU720x100sme 720x100

BANPU 720x100QIC 720x100

ธกส 720x100

ais 720x100

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!