- Details
- Category: แรงงาน
- Published: Sunday, 13 November 2022 15:40
- Hits: 1331
รมว.สุชาติ ร่วมคณะ นายกฯ ลงบึงกาฬ วางศิลาฤกษ์สะพานมิตรภาพแห่งที่ 5
รมว.สุชาติ ร่วมคณะ นายกฯ ลงบึงกาฬ วางศิลาฤกษ์สะพานมิตรภาพแห่งที่ 5 หวังสร้างงาน หนุนท่องเที่ยว เศรษฐกิจไทย – สปป.ลาว
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ร่วมคณะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่จังหวัดบึงกาฬเพื่อประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์โครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ – บอลิคำไซ) ณ บริเวณพื้นที่ก่อสร้างโครงการฯ บ้านดอนยม หมู่ที่ 2 ต.ไคสี อ.เมือง จ.บึงกาฬ
โดยนายกรัฐมนตรีและคณะ ได้พบปะกับอาสาสมัครแรงงาน ประชาชน และหัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่มาร่วมต้อนรับ จากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะ ได้ข้ามฝั่งไปยังพื้นที่วางศิลาฤกษ์โครงการฯ แขวงบอลิคำไซ สปป.ลาว โดยมี ดร.คำพัน วิพาวัน นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ให้การต้อนรับ
นายสุชาติ กล่าวว่า ท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการท่องเที่ยว การคมนาคม เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม สำหรับโครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 5 บึงกาฬ บอลิคำไซ พร้อมโครงข่าย เป็นยุทธศาสตร์การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในกลุ่มอนุภูมิภาคตอนบน และยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดบึงกาฬและจังหวัดใกล้เคียงที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนระหว่างประเทศ
การเชื่อมโยงเส้นทางการคมนาคมและขนส่งระหว่างประเทศ การเชื่อมโยงเส้นทางการคมนาคมและขนส่งระหว่างประเทศไทย กับ สปป. ลาว สำหรับรองรับปริมาณการเดินทาง และการขนส่งสินค้าที่เพิ่มมากขึ้น โครงการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ต่อประชาชนและทั้งสองประเทศ เนื่องจากแขวงบอลิคำไซ ของ สปป.ลาว จะกลายเป็นศูนย์กลางทางการค้าระดับภูมิภาค และเป็นเส้นทางขนส่งแห่งใหม่สำหรับไทย ลาว และเวียดนามด้วย
โดยจะเป็นเส้นทางสั้นที่สุดที่เชื่อมระหว่างทั้ง 3 ประเทศ ที่สำคัญจะทำให้เกิดประโยชน์ในด้านต่างๆ ได้แก่ ด้านเศรษฐกิจ มีการลงทุนเพิ่มขึ้น การค้าไทย – ลาวสะดวกขึ้น ต้นทุนการผลิตและการขนส่งหรือถ่ายเทสินค้าลดลง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ด้านสังคม ประชาชนสองฝั่งมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน สะดวกในการเดินทางเชื่อมโยงและทำกิจกรรมร่วมกัน ด้านท่องเที่ยว ทำให้เกิดการท่องเที่ยวของสองประเทศเข้มข้นคึกคักมากขึ้น และด้านแรงงาน เกิดการจ้างงานเพิ่มมากขึ้น ทั้งในภาคบริการและการผลิตจากการลงทุนการคมนาคมและเศรษฐกิจที่ดีขึ้นอีกด้วย
นายสุชาติ กล่าวต่อ สำหรับสถานการณ์ด้านแรงงาน ปัจจุบันมีแรงงานต่างด้าวสัญชาติลาวที่ได้รับอนุญาตทำงานในประเทศไทย จำนวน 239,632 คน เป็นแรงงานประเภททั่วไป 239,172 คน แรงงานฝีมือและอื่น ๆ 451 คน ในส่วนของจังหวัดบึงกาฬ
ปัจจุบันมีกำลังแรงงาน 192,198 คน มีสถานประกอบการในระบบประกันสังคม 713 แห่ง ผู้ประกันตน 38,944 คน แรงงานต่างด้าว 1,627 คน เป็นสัญชาติลาว 1,222 คน ส่วนใหญ่อยู่ในประเภทกิจการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม รองลงมาเป็นกิจการเกษตรและปศุสัตว์ งานบ้านและครัวเรือน ที่เหลือเป็นสัญชาติเมียนมา 296 คน กัมพูชา 81 คน และสัญชาติอื่น ๆ 66 คน มีอาสาสมัครแรงงาน 53 คน
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานยังได้มีความร่วมมือกับ สปป.ลาวในหลาย ๆ ด้าน อาทิ บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน (MOU) ข้อตกลงด้านการจ้างแรงงาน ความร่วมมือด้านการพัฒนาฝีมือแรงงานไทย – สปป.ลาว และความร่วมมือด้านการประกันสังคม เป็นต้น