- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Wednesday, 11 June 2014 22:01
- Hits: 3479
แฉผู้นำเข้าเหล็กเลี่ยงภาษีพันล้านสำแดงเท็จหลบอากร 40%ทางการเต้นตั้งทีมไล่เช็คบิล
แนวหน้า : แหล่งข่าวจากวงการค้าเหล็กโดยผู้นำเข้ารายหนึ่งร้องเรียนว่า ตามที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศใช้มาตรการปกป้องการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น (หรือเซฟการ์ด) กับเหล็กแผ่นรีดร้อนเจืออื่นๆ (หรืออัลลอยด์) โดยเรียกเก็บอากรปกป้องอัตราร้อยละ 44.20 ในปี 2556 และร้อยละ 43.57 ในปี 2557 ตามลำดับ ทั้งนี้ได้ยกเว้นอากรปกป้องให้กับบริษัทที่นำเข้าเหล็กรีดร้อนเจืออัลลอยด์เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ แต่กลับปรากฎว่ามีบริษัทผู้นำเข้ารายใหญ่ทั้งที่เป็นบริษัทเทรดดิ้งในกลุ่มรถยนต์และผู้ผลิตของไทยฉวยโอกาสเข้าเหล็กโดยอ้างว่านำมาใช้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์เท่านั้น เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียอากรปกป้อง แต่กลับจำหน่ายเหล็กดังกล่าวจำนวนมากไปยังผู้ค้าเหล็กทั่วไปรายอื่นๆ เพื่อนำไปขายต่อให้กับผู้ค้ารายย่อยซึ่งนำไปใช้งานอื่นๆ ไม่ใช่อุตสาหกรรมยานยนต์แต่อย่างใด
โดยในช่วงเดือน มี.ค. 56-เม.ย. 57 ที่ผ่านมาบริษัทผู้นำเข้ารายใหญ่รายหนึ่งได้นำเหล็กแผ่นรีดร้อนเจืออัลลอยด์เข้ามากว่า 2 แสนตัน ซึ่งหากเหล็กดังกล่าวเสียอากรปกป้องตามประกาศของกระทรวงพาณิชย์จะมีมูลค่าอากรมากกว่า 1,700 ล้านบาท ซึ่งพฤติการณ์ในลักษณะนี้เพื่อหลบเลี่ยงทั้งอากรนำเข้า อากรปกป้อง อากรทุ่มตลาด ของผู้นำเข้ารายใหญ่ 2-3 รายทั้งสัญชาติญี่ปุ่นและสัญชาติไทย เป็นที่ทราบและร้องเรียนกันมาสักระยะแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นมาตรการจริงจังใดๆ จากภาครัฐ
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามเรื่องนี้ไปยัง นายณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ในฐานะผู้แทนกระทรวงอุตสาหกรรมในคณะกรรมการพิจารณามาตรการปกป้อง (เซฟการ์ด) ซึ่งได้กำหนดมาตรการปกป้องจากการนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเจืออื่นๆ ที่เพิ่มขึ้น โดยนายณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ กล่าวว่าการเจือธาตุอื่นๆ เช่น โบรอน หรือโครเมี่ยม เพียงปริมาณต่ำมากเข้าไปเป็นส่วนผสมของเหล็กแผ่นรีดร้อน โดยมีวัตถุประสงค์เปลี่ยนพิกัดศุลกากรเพื่อไม่ต้องเสียอากรนำเข้า และอากรทุ่มตลาด มีมาตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2553 โดยเริ่มจากผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนในประเทศจีนก่อนขยายผลไปยังผู้ผลิตในประเทศอื่นๆ
ทั้งนี้ ภาครัฐโดยคณะกรรมการพิจารณามาตรการปกป้อง ก็ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้มาตามลำดับ โดยมีการเรียกเก็บอากรเซฟการ์ดตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2556 แต่ยกเว้นให้เฉพาะบางอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม ในระยะหลังนี้ คณะกรรมการได้รับรายงานว่ามีผู้นำเข้ารายใหญ่บางรายใช้ช่องทางดังกล่าวหลีกเลี่ยงอากร โดยนำเข้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเจืออัลลอยด์จากประเทศต่างๆ ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน อินเดีย เป็นต้น โดยไม่ชำระอากรนำเข้าร้อยละ 5 และอากรทุ่มตลาดกว่าร้อยละ 30 หรืออากรปกป้องกว่าร้อยละ 40 แล้วแต่กรณี โดยการสำแดงว่าเหล็กดังกล่าวนำมาใช้เฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ตามเงื่อนไขที่ได้รับยกเว้น แต่กลับไปจำหน่ายต่อสำหรับอุตสาหกรรมอื่นๆ ซึ่งไม่อยู่ในเงื่อนไขได้รับยกเว้นอากรแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการพิจารณามาตรการปกป้องไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะการหลีกเลี่ยงอากรดังกล่าวนอกจากจะทำให้ประเทศชาติสูญเสียรายได้จากอากรที่ควรเรียกเก็บได้นับพันล้านบาทแล้ว ยังก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมกับผู้นำเข้าและผู้ประกอบการที่ดำเนินการโดยถูกต้องชอบธรรม คณะกรรมการฯจึงได้มีมติให้ตั้งคณะทำงานขึ้นประกอบด้วยหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นต้น เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว รวมทั้งการพิจารณาทบทวนรายชื่อบริษัทผู้นำเข้าที่ได้รับการยกเว้นเฉพาะบางวัตถุประสงค์ ซึ่งน่าจะมีความคืบหน้าโดยเร็ว โดยยึดหลักความถูกต้องและผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ