“ห้องของฉันไม่มีเสียง” เซียร์กล่าวถึงการปรับปรุงระบบเสียงในห้องนั่งเล่นของเขา 'ดังนั้นฉันจึงไม่ได้ยินเครื่องจักรเมื่อฉันปิดประตู แต่พวกมันจะดังแน่นอนถ้าฉันเปิดประตู'

       เครื่องจักรสร้างเสียงรบกวนได้ประมาณ 80 เดซิเบลต่อเครื่อง แต่เซียร์กล่าวว่าเขาชอบที่จะอยู่ใกล้กับการกระทำมากที่สุด นอกจากนี้ยังสามารถเดินทางครึ่งชั่วโมงจากบ้านพ่อแม่ของเขาในไวท์แซลมอน 

      เด็กอายุ 19 ปีใช้เวลาเกือบทุกวันในช่วงสองปีที่ผ่านมาเพื่อสอนตัวเองถึงความแตกต่างของการทำงานของเครื่องขุด และที่สำคัญคือต้องแก้ไขอย่างไร เขาเชื่อว่าการศึกษาด้านบัดกรีและอิเล็กทรอนิกส์ของเขามีค่าสำหรับเขามากกว่าการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย 

       “ฉันไม่ได้คิดเกี่ยวกับการไปวิทยาลัยเลย แค่แสวงหาความรู้เพิ่มเติมในการซ่อมแซมคนงานเหมือง” เซียร์กล่าวต่อ

      CNBC ได้พูดคุยกับคนงานเหมืองหลายคนในเรื่องนี้ หลายคนอธิบายว่าเสน่ห์ของการขุดมาจากความสามารถในการจับพลังของ bitcoin อย่างเป็นรูปธรรม 

      “หากคุณเคยไปที่ศูนย์ข้อมูลเหล่านี้ สิ่งแรกที่คุณจะสังเกตได้ก็คือความใหญ่โตและน่าประทับใจเพียงใด พวกมันใหญ่มาก” โธมัส เฮลเลอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจของ Compass Mining ซึ่งทำงานร่วมกับนายจ้างของเซียร์ SCATE Ventures กล่าว 

การขุด bitcoin ไม่ใช่งานที่น่าดึงดูด

“เมื่อเรามาถึงที่นี่ครั้งแรก เรากำลังตั้งค่าแร็ค สร้างโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายสำหรับอินเทอร์เน็ต และโดยพื้นฐานแล้วเราต้องวางสายทุกอย่าง” เขากล่าว 

เมื่อโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพเริ่มทำงานแล้ว Sears ก็เข้าจังหวะมากขึ้น ตอนนี้เขาตื่นตอน 7 โมงเช้าทุกวันและทำงานตั้งแต่แปดโมงเช้าถึงสี่โมงเย็น เขายังคงอยู่ที่ไซต์งานหลังจากนั้น ในกรณีฉุกเฉิน และมีช่างเทคนิคที่ทำงานกะกลางคืนเพื่อให้เซียร์ได้นอนหลับบ้าง

แต่นอกเหนือจากเวลาทำการ ไม่มีวันทำงานปกติสำหรับเซียร์ 

“นั่นเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับงานนี้ – ฉันไม่มีกิจวัตรประจำวันที่ฉันทำทุกวัน” เขากล่าว “ทุกเช้า ฉันพบสิ่งที่ต้องแก้ไข” 

บางวัน นั่นหมายถึงเซียร์ซ่อมแซมกำแพงและโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพอื่นๆ “ถ้าเราต้องซ่อมกล้อง บางทีผมอาจจะกำลังซ่อมสายเคเบิลอยู่”

แต่ส่วนที่ใหญ่ที่สุดของงานคือการตรวจสอบและจัดการ ASIC ทั้งหมด 4,500 Bitmain และ Whatsminer เพื่อให้แน่ใจว่าทำงานตลอด 24 ชั่วโมงเจ็ดวันต่อสัปดาห์ หากเครื่องใดเครื่องหนึ่งออฟไลน์หรือทำงานเพียงบางส่วนเท่านั้น เหมือง SCATE Ventures จะเสียเงิน

นั่นเป็นเพราะว่าเมื่อมีคนกำลังขุดหา bitcoin สิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่คือการให้พลังประมวลผลแก่เครือข่าย bitcoin ยิ่งคุณมีเครื่องออนไลน์มากเท่าไหร่ โอกาสของคุณในการชนะ bitcoin ก็ยิ่งดีขึ้นเท่านั้น

      ทุกๆ สิบนาทีจะมีการสร้าง 6.25 bitcoins เพื่อที่จะสร้างโทเค็นใหม่เหล่านี้ กลุ่มผู้ทำเหมืองทั่วโลกล้วนมีส่วนสนับสนุนพลังในการคำนวณเพื่อรันอัลกอริธึมการแฮช แต่คนงานเหมืองเหล่านี้ไม่ทำงานในสุญญากาศ พวกเขากำลังแข่งขันกันเองเพื่อดูว่าใครสามารถปลดล็อก bitcoin ใหม่แต่ละชุดก่อนได้ 

ดังนั้นการเดิมพันจึงสูงสำหรับเซียร์ ความขยันหมั่นเพียรและรู้วิธีแยกแยะปัญหาทั่วทั้งโรงงานมีความสำคัญต่อความสำเร็จ

       ไซต์การขุดบางแห่งใช้ซอฟต์แวร์ที่ซับซ้อนมากขึ้นเพื่อตรวจสอบเครื่องจักร ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบอุณหภูมิของแฮชบอร์ดแต่ละอันภายในตัวขุดแต่ละอัน 

        แต่ที่สำคัญที่สุดสำหรับเซียร์ก็คือการหาว่าเครื่องไหนของเขาทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ 

“ทุกวัน คุณพบเครื่องจักรที่หยุดการแฮช จากนั้นคุณนำออกจากแร็ค และคุณแก้ปัญหาได้” เขาอธิบาย “คุณต้องพบปัญหาเกี่ยวกับเครื่องจักร คุณต้องค้นหาว่าทำไมมันถึงออฟไลน์”

อาจเป็นไฟฟ้าดับ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อทุกเครื่อง หรืออาจเป็นการขัดข้องของเครือข่ายซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเครื่องทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน 

″บางครั้งพวกเขาต้องการวงจรพลังงานหรือการรีบูต” เขากล่าว

แต่การแก้ไขฮาร์ดแวร์ไม่ได้ง่ายอย่างนั้นเสมอไป 

“อาจเป็นได้ว่าพัดลมในเครื่องแต่ละเครื่องที่ใช้สำหรับระบายความร้อนเสีย หรืออาจเป็นเพราะแหล่งจ่ายไฟจำเป็นต้องได้รับการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่” เฮลเลอร์อธิบาย

“มันอาจเป็นแฮชบอร์ดเอง” เฮลเลอร์กล่าวต่อ “แฮชบอร์ดแต่ละอันมีชิปจำนวนมาก และชิปเหล่านั้นทำหน้าที่คำนวณ ฉันคิดว่าสำหรับเครื่อง Bitmain ถ้ามีมากกว่าสี่ชิปบนแฮชบอร์ดเดียวเสีย แฮชบอร์ดทั้งหมดจะปิด ดังนั้นแทนที่จะแฮชประมาณ 100% คุณกำลังแฮชเพียงสองในสามหรือหนึ่งในสามเท่านั้น” 

การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศตามฤดูกาลเพิ่มความซับซ้อนอีกชั้นหนึ่ง 

พายุอาจทำให้ไฟฟ้าดับหรือขัดข้องอื่นๆ เฮลเลอร์กล่าวว่าในฤดูร้อน เครื่องจักรยังสามารถทำให้ร้อนมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฟาร์มที่ได้อัปเกรดไปใช้หน่วยที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในช่วงสองปีที่ผ่านมา 

เหมืองของ SCATE ในวอชิงตัน ดูเหมือนจะพบวิธีแก้ปัญหานี้แล้วโดยใช้เทคโนโลยีการทำความเย็นแบบจุ่มซึ่งเกี่ยวข้องกับการขุด bitcoin ที่จมอยู่ใต้น้ำในของเหลวที่ไม่นำไฟฟ้าเพื่อกระจายความร้อนแทนที่จะอาศัยพัดลม 

เซียร์อาจไม่จำเป็นต้องมีประกาศนียบัตรในการทำเหมือง แต่การเรียนหลักสูตรฝึกอบรมออนไลน์ที่ดำเนินการโดยวิศวกรชาวจีนที่ทำงานให้กับ Bitmain ได้ช่วยเขาซ่อมแซมอุปกรณ์ขุดเฉพาะทาง

เมื่อเดือนที่แล้ว Sears และพนักงานอีกคนได้เสร็จสิ้นชั้นเรียนเสมือนจริงผ่าน Bitmain เพื่อเรียนรู้วิธีทำงานกับชิป ASIC บนแฮชบอร์ด รวมถึงพาวเวอร์ซัพพลายของ S17s ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในขณะนี้ซึ่งใช้สร้าง Bitcoin 

“ฉันมีใบรับรองการซ่อมแซมการซ่อมบำรุง ดังนั้นเมื่อเร็วๆ นี้ ฉันเพิ่งพัฒนาทักษะของฉันในหมวดหมู่นั้นให้สมบูรณ์แบบ” เซียร์อธิบาย “มันรับรองความรู้ของฉันและทำให้ฉันสามารถเข้าถึงการซื้อวัสดุและวัสดุได้โดยตรงผ่าน Bitmain”

ต่อไป เขาหวังว่าจะเข้าร่วมชั้นเรียนแบบตัวต่อตัวในเมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการบัดกรี ″ส่วนที่ยากคือการเรียนรู้วิธีการบัดกรีและถอดแผงวงจร” เซียร์กล่าว

สกอตต์ เบนเน็ตต์ หัวหน้าของเซียร์ ให้ความสำคัญกับการให้ทีมเข้าถึงทรัพยากรที่พวกเขาต้องการเพื่อให้งานของพวกเขาดีขึ้น 

Bennett ซีอีโอของ SCATE Ventures เป็นนักขุดที่เรียนรู้ด้วยตัวเองซึ่งเริ่มต้นธุรกิจในโรงรถของพ่อแม่ของเขาในปี 2017 ก่อน “ฤดูหนาว” ของ crypto ครั้งสุดท้ายเมื่อราคาของ bitcoin และ cryptocurrencies อื่น ๆ ลดลง เช่นเดียวกับเซียร์ เบ็นเน็ตต์เคยอาศัยอยู่ที่ศูนย์ข้อมูลแห่งหนึ่งของเขา มีเพียงเขาเท่านั้นที่เลือกใช้แคมป์ในสถานที่ แทนที่จะเป็นห้องภายในโรงงานเอง 

ช่วยให้เขามีชีวิตอยู่ภายในไม่กี่นาทีจากพลังที่ถูกที่สุดในโลก 

“สิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดของเราใช้พลังงานน้ำ 100%” เบนเน็ตต์กล่าว 

สถานที่ทำเหมืองที่เซียร์ทำงานอยู่นั้นอยู่ติดกับแม่น้ำโคลัมเบียและอยู่ติดกับเขื่อนดัลส์โดยตรง “เรารักแหล่งพลังนั้น ราคาถูก หมุนเวียนได้ และมีปริมาณมาก” เขากล่าว

สำหรับค่าจ้างพนักงาน เซียร์กล่าวว่าเขาทำเงินได้ 54,000 ดอลลาร์ต่อปี บวกกับประกันสุขภาพเต็มรูปแบบ ซึ่งบริษัทเป็นผู้จ่ายให้ 

เบ็นเน็ตต์ยังใช้เครื่องขุดสำหรับพนักงานของเขาโดยเฉพาะ ซึ่งมีมูลค่าประมาณ .02 BTC ทุกไตรมาส ซึ่งในราคาวันนี้เท่ากับโบนัส $788 ทุก ๆ สามเดือนสำหรับเซียร์ 

“เมื่อนักขุดทั้งหมดในประเทศจีนออฟไลน์ อัตราความยากก็เปลี่ยนไป ดังนั้นรางวัลจึงสูงขึ้น” เซียร์กล่าว “ครั้งสุดท้ายที่เราทำได้มากกว่าครั้งก่อนเล็กน้อย ซึ่งถือว่าเยี่ยมมากสำหรับผม”

นอกจากนี้ยังเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นผู้ขุด crypto โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ขุดเลย

Adam Gitzes ตัดสินใจเมื่อต้นปี 2564 ว่าเขาต้องการขุด Bitcoin จริงๆ หลังจากที่ภรรยาของเขาคัดค้านความคิดที่จะติดตั้งอุปกรณ์ในบ้านของพวกเขา เขาก็เริ่มมองหาทางเลือกอื่น

Gitzes ค้นพบ Compass Mining ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถซื้อเครื่องขุดได้ในราคาระหว่าง $5,800 ถึง $11,700 จากนั้นจึงติดตั้งเครื่องดังกล่าวในศูนย์ข้อมูลของพันธมิตรและดูแลด้านโลจิสติกส์ทางกายภาพ

“ฉันซื้อเครื่องจักรบนเว็บไซต์ Compass จัดการด้านลอจิสติกส์ ส่งมอบเครื่องจักรไปยังศูนย์ข้อมูลที่แตกต่างกันสามแห่งในอเมริกาเหนือ” Gitzes ผู้อธิบายว่าเขาใช้ 1.1 bitcoin – ประมาณ 60,000 ดอลลาร์ ณ เวลาที่ซื้อ – กับพวกเขา

“เข็มทิศยังกำหนดค่าตามที่ฉันขอด้วย”

ดังนั้นวันธรรมดาในชีวิตของนักขุดอย่าง Gitzes คือการตื่นนอนและตรวจสอบออนไลน์เพื่อดูว่าเครื่องของเขาขุด Bitcoin ได้มากเพียงใดในชั่วข้ามคืน และเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีหน่วยใดของเขาหยุดทำงาน

Gitzes เป็นเจ้าของเครื่องจักร 6 เครื่องที่เขากล่าวว่าอยู่ใน ”ระดับที่สูงขึ้น” เมื่อจีนขับไล่คนงานเหมืองทั้งหมด Gitzes กล่าวว่าได้เพิ่มจำนวนเงินที่เครื่องจักรของเขาสร้างขึ้นเป็นสองเท่าทุกวัน 

หลังจากจ่ายค่าธรรมเนียมการขุด 1.25% นักขุดของ Gitzes จะสร้าง Bitcoin ได้ประมาณ .0055 bitcoin ต่อวัน หรือ $216 ในราคาวันนี้ ค่าไฟฟ้ารายวันอยู่ที่ประมาณ 30 ดอลลาร์ ดังนั้นเขาดึงได้ประมาณ 186 ดอลลาร์ต่อวัน หรือเพียงแค่ 5,700 ดอลลาร์ต่อเดือน ในอัตรานั้น เขาจะชดใช้เงินลงทุนของเขาในเวลาประมาณ 11 เดือน โดยไม่มีความผันผวนที่สำคัญในด้านพลังงานหรือราคา bitcoin

Gitzes ประทับใจโมเดลธุรกิจของ Compass มากจนเขาลาออกจากงานที่ Amazon เพื่อเข้าร่วมทีมในเดือนมีนาคม “ภารกิจในการกระจายอำนาจการขุดและทำให้ทุกคนสามารถเข้าร่วมได้เป็นบางสิ่งที่ฉันเห็นว่าสำคัญมาก” Gitzes กล่าว