- Details
- Category: วิเคราะห์-เศรษฐกิจ
- Published: Wednesday, 28 May 2014 12:55
- Hits: 4298
ผบ.ทอ. คาด จ่ายเงินจำนำข้าว ช่วยดันจีดีพีปีนี้โตเพิ่ม 0.2% หรือไม่ต่ำกว่า 2.2% ยันงบฯปี 58 ทัน ต.ค.
ผบ.ทอ. มั่นใจหลังจ่ายเงินจำนำข้าวชาวนา หนุนจีดีพีปีนี้โต 2.2% พร้อมเดินหน้าผลักดันงบประมาณปี 58 ใช้ทัน 1 ต.ค.นี้ เน้นโครงสร้างพื้นฐาน หวังประชาชนมีความเป็นอยู่ดีขึ้น ขณะเดียวกันต้องรักษาวินัยการคลังควบคู่กัน เตรียมหารือคลัง รัฐวิสาหกิจ อีกรอบ 31 พ.ค. นี้ ก่อนเสนอโรดแมพเศรษฐกิจสัปดาห์หน้า ด้าน สศค. คาดจีดีพีปีนี้อาจโตได้ 3% หลังเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนปี57
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ในฐานะรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับทีมผู้บริหารกระทรวงการคลังและธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ 8 แห่ง ว่า หลังจากที่ได้จ่ายเงินจำนำข้าวให้ชาวนาจะช่วยผลักดันเศรษฐกิจไทยปีนี้เติบโตเพิ่มอีก 0.2% จากที่คาดการณ์ไว้ พร้อมยืนยันว่าจะสามารถจัดทำงบประมาณปี 58 ได้ทันใช้ในภายในวันที่ 1 ต.ค. 57 นี้
"การช่วยเหลือชาวนาในโครงการรับจำนำข้าวปี 56/57 ที่ค้างจ่ายให้ชาวนาอีกกว่า 92,000 ล้านบาท คาดว่าจะจ่ายเงินทั้งหมดได้ภายใน 1 เดือนนั้น จะทำให้ชาวนามีรายได้เพิ่มมากขึ้น และผลักดันให้จีดีพีปีนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก 0.2% หรือทำให้จีดีพีปีนี้ขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 2.2% แต่ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพัฒนาการผลิตและลดต้นทุนการปลูกข้าว เพื่อช่วยให้ชาวนามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น" ผบ.ทอ. กล่าว
สำหรับ การจัดทำงบประมาณปี 58 (ต.ค.57-ก.ย.58) นั้น พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า ทางสำนักงบประมาณได้มีปฏิทินการดำเนินงานที่ค่อนข้างสมบูรณ์แล้ว แต่จะมีการปรับให้สอดคล้องกับเหตุการณ์ โดยหลักการแล้วงบประมาณปี 58 จะพยายามไม่ให้มีผลผูกพันในระยะยาว ซึ่งจะเน้นในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานเพื่อให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ขณะเดียวกันจะรักษาวินัยการเงินการคลังเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นต่อสถาบันการเงินต่างๆ และจะพยายามเสนอต่อผู้ที่รับผิดชอบดูแลเรื่องงบประมาณให้แล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย.นี้ เพื่อที่จะสามารถใช้งบประมาณ 58 ได้ทันในเดือนต.ค.57
ทั้งนี้ คสช.จะหารือกับกระทรวงการคลัง รวมทั้งหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในวันที่ 31 พ.ค.อีกครั้ง ซึ่งคาดว่าน่าจะเห็นความชัดเจนของโรดแมพเศรษฐกิจได้ในสัปดาห์หน้า
ส่วนการบริหารจัดการน้ำ หลังจาก พ.ร.ก.การบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทถูกระงับไปนั้นจะมีการพิจารณาเป็นรายโครงการ โดยจะพิจารณาโครงการที่มีความจำเป็นขึ้นมาดำเนินการก่อน ซึ่ง คสช.จะให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน อาทิ ภัยพิบัติ และ อุทกภัยในช่วงฤดูฝนปีนี้ด้วย
ด้านนายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) กล่าวว่า จีดีพีปีนี้คาดว่าน่าจะเติบโตได้ราว 3% จากเดิมที่คาดว่าจะโตต่ำกว่า 2% โดยจีดีพีที่จะเติบโตขึ้นกว่าเดิมที่คาดนี้มาจากการเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนในปี 57 โดยเฉพาะในโครงการที่มีมูลค่าการลงทุนเกินกว่า 1 พันล้านบาท คิดเป็นวงเงินรวม 7 พันกว่าล้านบาท ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้า คสช.ได้ให้นโยบายไว้ว่าถ้าโครงการใดที่เป็นประโยชน์กับประเทศ ก็ให้สามารถอนุมัติดำเนินการได้ทันที จึงทำให้มั่นใจว่าภายในปีงบประมาณ 57 นี้จะสามารถเบิกจ่ายงบลงทุนได้เกินกว่าเป้า
ส่วนโรดแมพซึ่งที่ประชุมวันนี้เตรียมจะเสนอหัวหน้าคสช.นั้น จะยึดหลักแนวทางการค้าเสรี โดยใช้กลไกตลาดเป็นหลัก การขจัดปัญหาอุปสรรคด้านการค้าการลงทุน เปิดเสรีในการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศ รวมถึงจะมีมาตรการส่งเสริมให้คนไทยไปลงทุนในต่างประเทศ และแก้ไขใบอนุญาตประกอบกิจการ รง. 4 และการเตรียมความพร้อมประเทศไทยที่จะเข้าสู่ AEC ในปี 58 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
"สำหรับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง วงเงิน 2 ล้านล้านบาท จะดึงโครงการลงทุนในส่วนนี้เข้ามาไว้ในงบประมาณปี 58 เช่น โครงการรถไฟรางคู่, โครงการรถไฟฟ้ากรุงเทพฯ-ปริมณฑล ซึ่งอาจจะมีผลต่อการจัดทำงบประมาณขาดดุลในปี 58 บ้าง โดยเห็นว่าหากมีการขาดดุลงบประมาณก็จำเป็นต้องดำเนินการ แต่เชื่อว่าจะไม่เป็นภาระการคลัง เนื่องจากใน 2 โครงการนี้เม็ดเงินลงทุนไม่สูงมากนัก" นายสมชัย กล่าว
ทั้งนี้ ในวันที่ 29 พ.ค.นี้ สำนักงบประมาณเตรียมจะเสนอปฏิทินงบประมาณปี 58 โดย 4 หน่วยงานหลัก ได้แก่ กระทรวงการคลัง, สำนักงบประมาณ, ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) จะมาหารือกันถึงกรอบงบประมาณรายรับ รายจ่ายที่เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม โรดแมพเศรษฐกิจที่จะเสนอนี้จะต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ ของ คสช.ทั้ง 4 ด้าน คือ การแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน การปฏิรูปเศรษฐกิจพื้นฐาน การปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคม และการสร้างความปรองดองของคนในชาติ
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย