พิชัย ถกกรรมาธิการยุโรปด้านการค้าฯ เห็นพ้องเร่งเจรจา FTA ไทย-EU ให้จบปีนี้
- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Sunday, 08 June 2025 18:10
- Written by: admin
- Hits: 36
พิชัย ถกกรรมาธิการยุโรปด้านการค้าฯ เห็นพ้องเร่งเจรจา FTA ไทย-EU ให้จบปีนี้
พิชัย ถก ‘มารอส เซฟโควิช’ กรรมาธิการยุโรปด้านการค้าฯ ติดตามความคืบหน้าการเจรจา FTA ไทย-EU เห็นพ้องกันต้องสรุปผลการเจรจาให้ได้ภายในปีนี้ เพื่อสร้างโอกาสทางการค้า การลงทุน และลดผลกระทบจากความท้าทายทางการค้าในปัจจุบัน เตรียมนัดถกรอบที่ 6 วันที่ 23-27 มิ.ย.นี้ ที่กรุงเทพฯ
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.2568 ที่ผ่านมา ในช่วงการประชุมรัฐมนตรีประเทศสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ตนได้พบหารือกับนายมารอส เซฟโควิช กรรมาธิการยุโรปด้านการค้าและความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรและความโปร่งใส เพื่อติดตามความคืบหน้าการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-สหภาพยุโรป (EU) และเดินไปสู่เป้าหมายการสรุปผลให้ได้ภายในปีนี้
“ผมและนายมารอสเห็นร่วมกันว่าการเจรจา FTA ไทย-EU มีความคืบหน้าที่ดี สามารถสรุปการเจรจาไปได้แล้ว 4 บท ได้แก่ ความโปร่งใส แนวปฏิบัติที่ดีด้านกฎระเบียบ พิธีการศุลกากรและการอำนวยความสะดวกทางการค้า และระบบอาหารที่ยั่งยืน โดยไทยพร้อมทำงานร่วมกับ EU อย่างใกล้ชิดเพื่อผลักดันให้บทที่เหลือได้ข้อสรุปที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่ายโดยเร็ว”
ทั้งนี้ ตนได้ย้ำกับฝ่าย EU ว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการเจรจากับ EU เนื่องจาก EU เป็นพันธมิตรและคู่ค้าที่สำคัญของไทย และมั่นใจว่า FTA ฉบับนี้ จะช่วยสร้างโอกาสทางการค้าและการลงทุนระหว่างกัน และลดผลกระทบจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์โลกในปัจจุบัน
นายพิชัยกล่าวว่า ขณะนี้เป็นช่วงสำคัญของการเจรจา เพราะเริ่มเข้าสู่การหารือเปิดตลาดแล้ว และจะมีการประชุมรอบที่ 6 ระหว่างวันที่ 23-27 มิ.ย.2568 ที่กรุงเทพฯ หวังว่าจะมีความคืบหน้าเป็นที่น่าพอใจ โดยตนได้กำชับกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเร่งการเจรจาให้สามารถสรุปผลภายในปีนี้ เพื่อขยายโอกาสและสร้างแต้มต่อทางการค้า ผลักดันการส่งออก ดึงดูดการลงทุนเข้าประเทศ และเสริมสร้างความสามารถทางการแข่งขันของไทยให้ทัดเทียมกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะในช่วงที่ประเทศต่าง ๆ กำลังเผชิญกับความท้าทายในประเด็นใหม่ ๆ ทางการค้า
นอกจากนี้ ได้สั่งการให้ความสำคัญกับการสร้างความรู้และส่งเสริมการใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA กับภาคเอกชนและผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SME) เพื่อเพิ่มศักยภาพให้ผู้ประกอบการในการทำการค้าระหว่างประเทศ
สำหรับ EU เป็นคู่ค้าลำดับที่ 4 ของไทย รองจากจีน สหรัฐฯ และญี่ปุ่น ในปี 2567 มีมูลค่าการค้าประมาณ 43,533 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 7.17% ของการค้าไทยในตลาดโลก โดยไทยส่งออกไป EU ประมาณ 24,205 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนำเข้าจาก EU ประมาณ 19,328 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และในช่วง 4 เดือน ปี 2568 (ม.ค.-เม.ย.) มีมูลค่าการค้า 14,341.92 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออก 8,431.12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และไทยนำเข้า 5,910.80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญของไทย เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และสินค้านำเข้าสำคัญจาก EU เช่น เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม เครื่องบิน เครื่องร่อน อุปกรณ์การบินและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ