มาตรการสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลฯ: เจนวายระบุไม่ได้รับผลกระทบ
- Details
- Category: ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
- Published: Tuesday, 08 May 2018 10:05
- Hits: 1440
มาตรการสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลฯ: เจนวายระบุไม่ได้รับผลกระทบ
ธปท.ประกาศเกณฑ์ใหม่เพิ่มความเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล โดยเปลี่ยนวงเงินสินเชื่อบัตรเครดิต จากเดิมไม่เกิน 5 เท่าของรายได้ต่อเดือน เป็นลักษณะขั้นบันไดตั้งแต่ 1.5-5 เท่าของรายได้ต่อสถาบันการเงิน นอกจากนี้ ยังมีการปรับลดเพดานอัตราดอกเบี้ยสำหรับสินเชื่อบัตรเครดิตลงมาที่ 18% ต่อปี จากเดิมที่ 20% ต่อปี ขณะที่ ในส่วนของสินเชื่อส่วนบุคคลนั้น มีการเพิ่มข้อกำหนดแก่กลุ่มลูกค้ารายได้ไม่เกิน 30,000 บาท ที่จะได้รับวงเงินสินเชื่อบุคคลจากผู้ประกอบการไม่เกิน 3 ราย หรือคิดเป็นเพดานวงเงินจากผู้ประกอบการทุกรายรวมกันไม่เกิน 4.5 เท่า
สำหรับผลกระทบในระยะสั้นนั้น การปรับอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตลง 2% อาจส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยของผู้ประกอบการทั้งธนาคารพาณิชย์และนอนแบงก์ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ลดลงประมาณ 750-900 ล้านบาท ซึ่งสำหรับเฉพาะส่วนของธนาคารพาณิชย์ จะคิดเป็นประมาณ 0.3% ของรายได้ดอกเบี้ยรวม ขณะที่ผลกระทบในทางปฏิบัติอื่นๆ นั้น คาดว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่น่าจะสามารถบริหารจัดการได้ เนื่องจากเกณฑ์จะบังคับใช้เฉพาะกับลูกค้าใหม่เท่า และให้ระยะเวลาในการปรับตัว อีกทั้งในปัจจุบัน ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ก็มีการอนุมัติเพดานสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลในกรอบที่ไม่หนีไปจากเกณฑ์ใหม่ของ ธปท. อยู่แล้ว
ดังนั้น แม้ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จะยังคงมุมมองต่อแนวโน้มสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลสำหรับทั้งปี 2560 ที่ระมัดระวัง แต่ก็สะท้อนภาพนโยบายเครดิตที่รัดกุมจากฝั่งผู้ประกอบการและการใช้จ่ายที่ระมัดระวังมากขึ้นของผู้บริโภค มากกว่าที่จะเป็นผลจากมาตรการในครั้งนี้ โดยยังมองประมาณการอัตราการเติบโตของสินเชื่อส่วนบุคคลของระบบ (ธนาคารพาณิชย์และนอนแบงก์) ไว้ที่ 4.0% (กรอบ 3.0-5.0%) ซึ่งใกล้เคียงกับอัตราการขยายตัวของปี 2559 ที่ 4.6% ขณะที่ ให้ประมาณการการขยายตัวของสินเชื่อบัตรเครดิตของระบบไว้ที่ 6.0% (กรอบ 5.0-7.0%) เทียบกับตัวเลขทบทวนใหม่ของปี 2559 ที่ 8.0%
สำหรับผลกระทบในระยะสั้นนั้น การปรับอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตลง 2% อาจส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยของผู้ประกอบการทั้งธนาคารพาณิชย์และนอนแบงก์ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ลดลงประมาณ 750-900 ล้านบาท ซึ่งสำหรับเฉพาะส่วนของธนาคารพาณิชย์ จะคิดเป็นประมาณ 0.3% ของรายได้ดอกเบี้ยรวม ขณะที่ผลกระทบในทางปฏิบัติอื่นๆ นั้น คาดว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่น่าจะสามารถบริหารจัดการได้ เนื่องจากเกณฑ์จะบังคับใช้เฉพาะกับลูกค้าใหม่เท่า และให้ระยะเวลาในการปรับตัว อีกทั้งในปัจจุบัน ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ก็มีการอนุมัติเพดานสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลในกรอบที่ไม่หนีไปจากเกณฑ์ใหม่ของ ธปท. อยู่แล้ว
ดังนั้น แม้ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จะยังคงมุมมองต่อแนวโน้มสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลสำหรับทั้งปี 2560 ที่ระมัดระวัง แต่ก็สะท้อนภาพนโยบายเครดิตที่รัดกุมจากฝั่งผู้ประกอบการและการใช้จ่ายที่ระมัดระวังมากขึ้นของผู้บริโภค มากกว่าที่จะเป็นผลจากมาตรการในครั้งนี้ โดยยังมองประมาณการอัตราการเติบโตของสินเชื่อส่วนบุคคลของระบบ (ธนาคารพาณิชย์และนอนแบงก์) ไว้ที่ 4.0% (กรอบ 3.0-5.0%) ซึ่งใกล้เคียงกับอัตราการขยายตัวของปี 2559 ที่ 4.6% ขณะที่ ให้ประมาณการการขยายตัวของสินเชื่อบัตรเครดิตของระบบไว้ที่ 6.0% (กรอบ 5.0-7.0%) เทียบกับตัวเลขทบทวนใหม่ของปี 2559 ที่ 8.0%