- Details
- Category: ปปช.
- Published: Thursday, 31 December 2015 13:06
- Hits: 6783
โวยตีตก 99 ศพ นปช.ฉะปปช. 'วิชา'ชี้แจง-โต้ อุ้มมาร์ค-เทือก
นปช.โวย ป.ป.ช.ตีตกคดีสลายม็อบเสื้อแดง 99 ศพ เมื่อ ปี"53 ไม่เอาผิด "มาร์ค-เทือก" ชี้ขัดแย้งกับคำสั่ง ศอฉ. ให้ใช้อาวุธปืนสงคราม กระสุนจริง กระสุนสไนเปอร์ พลซุ่มยิง มีหลักฐานภาพถ่าย คลิปวิดีโอจำนวนมาก อีกทั้งกรณี 6 ศพวัดปทุมฯ ศาลอาญาก็มีคำสั่งชัดเจน ถูกยิงจากเจ้าหน้าที่บนรางรถไฟฟ้า ไม่มีการต่อสู้จากประชาชนด้านล่าง ไม่มีชายชุดดำ อาวุธในวัดก็ไม่มี ด้าน "วิชา" เจ้าของสำนวน อ้างถ้าวันนี้ถูกต้อง ก็ไม่ต้องกลัวพรุ่งนี้ ขณะที่ "อภิสิทธิ์" ขอบคุณป.ป.ช.
วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9164 ข่าวสดรายวัน
ฮีโร่ - น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ถ่ายรูปคู่กับร.ต.ต.ธีระเดช เล็กภู่ ตร.ฮีโร่เตะระเบิดช่วงม็อบกปปส.ชุมนุมจนบาดเจ็บสาหัส ขณะพาลูกชายพักผ่อนช่วงเทศกาลปีใหม่ ที่ร้านกาแฟของภรรยาร.ต.ต.ธีระเดช ตรงข้ามมหาวิทยาบูรพา จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.
เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีกล่าวหานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกฯ และผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เมื่อครั้งดำรง ตำแหน่งผบ.ทบ. กับพวก ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ สั่งใช้กำลังทหาร ตำรวจ และข้าราชการพลเรือน เข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในวันที่ 10 เม.ย.53 ถึงวันที่ 19 พ.ค.2553 จนเป็นเหตุให้มี ผู้เสียชีวิตว่า การที่มองว่าป.ป.ช.ตีตก เพราะต้องการช่วยเหลือใคร หรือปัดคดีก่อนที่กรรมการป.ป.ช.หลายคนจะพ้นวาระนั้น ถ้าต้องการปัดคดีจริงสู้ให้คณะกรรมการป.ป.ช.ชุดนี้เลิกทำสำนวนคดี รอไว้ให้ชุดใหม่เข้ามาจัดการ จะไม่แนบเนียนกว่าหรือ ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร บอกแค่ว่ายังรวบรวมเอกสารหลักฐานไม่เสร็จ เอาตัวรอดได้ง่ายกว่ากันเยอะ ไม่ต้องเป็นขี้ปากใครด้วย
"ขอยกคำสอนของพุทธทาสภิกขุมาอธิบายการปฏิบัติหน้าที่ ว่า ถ้าวันนี้ถูกต้องก็ไม่ต้องกลัวพรุ่งนี้" นายวิชากล่าว และเมื่อถามว่าทั้งนายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ และพล.อ.อนุพงษ์ ไม่ต้องมีส่วนรับผิดชอบร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารที่ใช้อาวุธเลยหรือ กรรมการป.ป.ช.กล่าวว่า เรื่องนี้ได้ให้เหตุผลไว้ในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 29 ธ.ค.ที่ผ่านมาแล้ว ของนายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการป.ป.ช. ครบถ้วนแล้ว
ส่วนนายอภิสิทธิ์ หัวหน้าพรรคประชา ธิปัตย์ กล่าวว่า ยืนยันว่าตน นายสุเทพ และพล.อ.อนุพงษ์ ปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้บ้านเมืองเกิดความสงบสุข สถานการณ์ขณะนั้นเป็นเรื่องยากที่จะทำให้บ้านเมืองสงบสุข ขอขอบคุณป.ป.ช.ที่เข้าใจสถานการณ์ขณะนั้นเป็นอย่างดี
ด้านกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ออกแถลงการณ์ว่า ขอคัดค้านมติป.ป.ช. และยืนยันว่านายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ พล.อ.อนุพงษ์ และพวก ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตนับร้อย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก เป็นผู้ก่อให้มีการฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาเล็งเห็นผล สมควรจะถูกดำเนินคดีจนถึงที่สุด จากการตีตกของป.ป.ช.ทำให้สังคมเคลือบแคลงสงสัย ตั้งข้อกล่าวหากับป.ป.ช. และกระบวนการยุติธรรมให้เป็นจำเลยเสียมากกว่าว่าปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดย มิชอบหรือไม่ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับกรณีข้อกล่าวหาที่มีต่อนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีต นายกฯ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกฯ และพวก ในเหตุการณ์ 7 ต.ค.2551
แถลงการณ์ระบุต่อว่า 1.การอ้างคำพิพากษาศาลว่าการชุมนุมของ นปช.มิใช่การชุมนุมโดยสงบตามรัฐธรรมนูญ ตามนัยคำพิพากษาศาลแพ่งในคดีหมายเลขดำที่ 1433/2553 ปรากฏว่าเป็นการอ้างอิงที่ไม่ตรงกับเนื้อความในคำพิพากษาศาลดังกล่าว แต่มีลักษณะตีความเอง และเกินเลยกว่าคำพิพากษาศาล อีกทั้งคดีนี้ศาลมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 22 เม.ย.2553 ขณะที่การชุมนุมและการบาดเจ็บล้มตายยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องกันมาจนถึงวันที่ 19 พ.ค.2553 ป.ป.ช.จึงนำคำพิพากษาของศาลแพ่งฉบับดังกล่าวมากล่าว อ้างในมติโดยไม่ถูกต้อง เป็นการเกินเลยไปกว่าเนื้อหาของคำพิพากษาจริงของศาล และไม่ครอบคลุมสถานที่วันเวลา ที่ยาวนานจนถึงวันที่ 19 พ.ค.2553
แถลงการณ์ระบุว่า 2.การอ้างว่า ศอฉ.มิได้ใช้กำลังผลักดันผู้ชุมนุม แต่ใช้มาตรการตั้งด่านตรวจ หรือจุดสกัดปิดล้อมภายนอกไว้โดยรอบ เพื่อให้ผู้ชุมนุมยุติไปเอง ในความเป็นจริงนั้นมีการสั่งการให้ใช้อาวุธสงคราม ในลักษณะพลซุ่มยิง มีหลักฐานเป็นภาพถ่ายและคลิปวิดีโอเป็นจำนวนมาก การจัดตั้งพลซุ่มยิงจากที่สูงส่งผลให้ประชาชนถูกยิง ที่ศีรษะเสียชีวิตจำนวนมาก นับแต่วันที่ 10 เม.ย. ถึง 19 พ.ค. โดยเฉพาะวันที่ 19 พ.ค.2553 ในเหตุการณ์ยิงประชาชน 6 ศพในวัดปทุมวนาราม เขตอภัยทานจากบนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส จนมีคำสั่งของศาลระบุชัดเจนว่า 6 ศพในวัดปทุมฯ เป็นการตายจากการยิงของเจ้าหน้าที่บนรางรถไฟฟ้า ไม่มีการต่อสู้ของชายชุดดำกับเจ้าหน้าที่ และอาวุธที่ ศอฉ.กล่าวอ้างว่าเป็นของนปช. หรือคนในวัดปทุมฯ ก็ไม่สามารถเชื่อถือได้ ผู้ตายไม่มีเขม่าดินปืน ไม่พบการต่อสู้จากฝ่ายประชาชนที่อยู่ด้านล่าง
นปช.แถลงต่อว่า 3.แม้มีการรายงานการบาดเจ็บล้มตายตั้งแต่กลางวัน และเวลาที่ล่วงเลยมาเป็นลำดับจนถึงกลางคืน นายอภิสิทธิ์กับพวกก็มิได้รีบสั่งให้ยกเลิกปฏิบัติการในทันที และการขอคืนพื้นที่ในวันที่ 10 เม.ย.2553 ก็มิได้กำหนดให้มีเวลายกเลิกการปฏิบัติการ การตายของประชาชนก็เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนบ่าย จนถึงดึกที่สี่แยกคอกวัว ถนนตะนาว และถนนดินสอ นายอภิสิทธิ์กับพวกไม่มีเหตุผลใดๆ จะยังดื้อรั้นที่จะปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องต่อไป จนเกิดการสูญเสียทั้ง 2 ฝ่ายในเวลาต่อมา และนำไปสู่การตายจำนวนมาก จึงตรงข้ามโดยสิ้นเชิงกับสิ่งที่ป.ป.ช.ระบุไว้ในมติ
แถลงการณ์ระบุอีกว่า 4.การที่ยังคงสั่งการให้ใช้อาวุธสงคราม จนเกิดเหตุการณ์ 6 ศพในวัดปทุมฯ ซึ่งเป็นเวลาที่แกนนำประกาศยุติการชุมนุม และเข้ามอบตัวไปแล้วกว่า 5 ชั่วโมง โดยคำสั่งของศาลอาญา ก็ยืนยันว่าประชาชนไม่ได้ใช้อาวุธโต้ตอบ ผู้ตายก็มิได้มีผู้ใดถืออาวุธ ดังนั้น จึงเป็นคำถามว่ามติของป.ป.ช.ที่ยกข้อหากล่าวว่านายอภิสิทธิ์ กับพวก มีเจตนาเพื่อให้เกิดความเสียหายกับประชาชนผู้บริสุทธิ์ หรือเป็นผู้ก่อ หรือใช้ให้มีการฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาเล็งเห็นผลเป็นความจริง ตามความหมายของการปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก เป็นมติที่ชอบหรือไม่
"สังคมไทยต้องการความชัดเจน เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างเท่าเทียมกัน ใช้มาตรฐานเดียวกัน มิใช่เอาผิด หรือละเว้นการเอาผิด โดยถือว่าเป็นพวกเดียวกัน หรือไม่ใช่พวกเดียวกัน ทำให้ประชาชนหมดความเชื่อถือไว้วางใจ การตาย 2 ศพ เมื่อวันที่ 7 ต.ค.2551 เพื่อขัดขวางไม่ให้นายสมชายเข้าทำหน้าที่แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เมื่อมาเปรียบเทียบกับการตายร่วม 100 ศพ บาดเจ็บกว่า 2,000 คน ใช้กระสุนจริงร่วม 200,000 นัด กระสุนสไนเปอร์กว่า 2,000 นัด จะเห็นการเอนเอียงเข้าข้างพวกเดียวกันอย่างชัดเจน ประกอบกับมีคำสั่งศาลอาญายืนยันว่าผู้ตายตายจากกระสุนความเร็วสูงจากอาวุธสงครามของเจ้าหน้าที่ ตามคำสั่งของ ศอฉ. และไม่ปรากฏว่าผู้ตายมีอาวุธ หรือยิงต่อสู้แม้แต่ศพเดียว ไม่ปรากฏว่ามีชายชุดดำใช้อาวุธสงครามยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่" แถลงการณ์ระบุ
นปช.ระบุในตอนท้ายแถลงการณ์ว่า เหตุใดมติของป.ป.ช.ต่อ 2 กรณีนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยมิได้กังวลใจว่าจะก่อให้เกิดความไม่พอใจในหัวใจของประชาชนและสังคม นปช.ขอยืนยันไม่เห็นด้วยกับมติป.ป.ช. เพราะไม่ปรารถนาจะเห็นกระบวนการยุติธรรมถูกทำลายไป ที่จริงเรื่องการนำเอาผู้ที่สั่งการมาดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมนั้นยังไม่สิ้นสุดที่ชั้นป.ป.ช. ขณะนี้อัยการและครอบครัวผู้เสียชีวิตได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น ที่วินิจฉัยว่าไม่ได้อยู่ในเขตอำนาจศาลอาญา และต้องไปยื่นเรื่องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยนำความเห็นต่างของอธิบดีศาลอาญาประกอบด้วย ดังนั้น คดีจึงอยู่ระหว่างการพิจารณาพิพากษาของศาลอุทธรณ์ จึงหวังอย่างยิ่งว่าศาลจะอำนวยความยุติธรรมให้กับประเทศและประชาชน เพื่อนำสันติภาพและความสงบสุขกลับคืนสู่ประเทศไทย