- Details
- Category: อัยการ-สูงสุด
- Published: Friday, 09 May 2014 22:27
- Hits: 10386
วันที่ 09 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8563 ข่าวสดรายวัน
สั่งฟ้อง 51 กปปส. อีกข้อหา 'เทือก'ก่อการร้าย กบฏ-ขัดขวางเลือกตั้ง ปลัดสธ.งง-สอบวินัย ป่วน-บึ้มบ้านศาลรธน. ศอ.รส.ถกรับมือ 2 ม็อบ ตรึงทีวี-ทำเนียบ-รัฐสภา
ถล่มบ้าน - หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด บช.น. ตรวจสอบจุดเกิดเหตุบ้านพักนาย สุพจน์ ไข่มุกด์ ตุลาการศาล รธน. ในซอยลาดพร้าว หลังถูกถล่มด้วยระเบิดเอ็ม 67 หลังคาโรงรถเสียหาย โดยวงจรปิดจับภาพคนร้ายไว้ได้ |
อัยการสั่งฟ้อง 51 กปปส. เอาผิด 9 ข้อหาฉกรรจ์ กบฏ อั้งยี่ ซ่องโจร ยันขัดขวางการเลือกตั้ง 'เทือก'กับ 'ลูกหมี'โดนคดีก่อการร้ายเพิ่ม อัยการเตรียมพยานกว่า 500 ปาก ประเดิมส่ง 'สนธิญาณ-สกลธี' ฟ้องศาล ส่วนปลัดสธ.งง ถูกตั้งกก.สอบวินัยร้ายแรง ศอ.รส.ถกรับมือ 2 ม็อบชุมนุมใหญ่ 9-10 พ.ค. หวั่นเผชิญหน้าปะทะกัน เกิดเหตุระเบิดป่วนอีกหลายจุด ปาบึ้มบ้าน 'สุพจน์ ไข่มุกด์' ตุลาการศาลรธน. ยิงเอ็ม 79 ใส่ร.พ.จุฬาภรณ์ แบงก์ไทยพาณิชย์สำนักงานใหญ่ เสื้อแดงเหนือ-อีสาน เคลื่อนเข้ากรุง แสดงพลังถนนอักษะ 'จตุพร แฉทฤษฎีสมคบคิด จับตาเหตุระเบิดปูทางรัฐประหาร
ระเบิดบ้าน'สุพจน์'ศาลรธน.
เมื่อเวลา 01.15 น. วันที่ 8 พ.ค. ร.ต.ท. สมศักดิ์ ตันติ๊บ พนักงานสอบสวน สน. สุทธิสาร รับแจ้งเหตุระเบิดที่บ้านเลขที่ 26 และ 26/2 ซอยลาดพร้าว 34 ถนนลาดพร้าว แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กทม. เป็นบ้านพักของนายสุพจน์ ไข่มุกด์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วรุดไปยังที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.ปรีชา กองแก้ว ผกก.สน.สุทธิสาร พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผกก.กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด บก.สปพ. พ.ต.ท.อัครวัฒน์ พุ่มไพศาลชัย รอง ผกก.สส. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน และเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น รั้วรอบขอบชิด เนื้อที่ 200 ตารางวา ติดกับคลองน้ำแก้ว จากการตรวจสอบบริเวณโรงจอดรถที่อยู่ติดกับคลอง พบกระเบื้องหลังคาโรงรถถูกแรงระเบิดจนแตกเสียหายกระจัดกระจายเกลื่อนพื้น รางระบายน้ำฉีกขาดหล่นลงมา รถเก๋งยี่ห้อมาสด้า 3 สีเทา ทะเบียน ศว 293 กทม. ถูกสะเก็ดระเบิด กระจกหน้าแตกและกระโปรงหน้ารถเสียหาย เจ้าหน้าที่พบกระเดื่องและสะเก็ดของระเบิดสังหารชนิดเอ็ม 67 ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ปาจากริมคลองใส่โรงรถ
จากการสอบสวน ด.ต.ชำนาญ ศรีหริ่ง ผบ.หมู่ ป.สน.สุทธิสาร ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเข้าเวรปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณหน้าบ้าน ต่อมาเวลา 01.10 น. เดินจากบริเวณริมคลองน้ำแก้วมาลงชื่อตู้แดงที่หน้าประตูบ้าน และจะเดินกลับไปที่เต็นท์อำนวยการหน้าบ้าน จากนั้นได้ยินเสียงคล้ายกับวัตถุหล่นใส่หลังคาโรงรถแล้วกลิ้งไปมา จากนั้นระเบิดสนั่นหวั่นไหว จึงรีบวิ่งไปดู แต่ก็ไม่พบคนร้าย ก่อนจะแจ้งให้ผู้บังคับบัญชารับทราบ
พ.ต.อ.กำธร กล่าวว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบกระเดื่อง และเศษสะเก็ดของระเบิดสังหารแบบขว้างชนิดเอ็ม 67 มีรัศมีฉกรรจ์ในระยะ 15 เมตร หน่วงเวลา 4-5 วินาที ขว้างจากนอกบ้านฝั่งติดลำคลองลงมาบริเวณกลางหลังคาโรงรถ แต่มีการหน่วงเวลา ทำให้ระเบิดไหลลงไปอยู่ในรางระบายน้ำ ก่อนจะระเบิดทำลายเสียหาย ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต สำหรับระเบิดชนิดนี้เป็นชนิดเดียวกับที่คนร้ายปาใส่บ้านนายสำราญ รอดเพชร แกนนำ กปปส. ที่ย่านคันนายาว กทม. เมื่อหลายเดือนก่อน
วงจรปิดจับภาพคนร้ายได้
ส่วนพ.ต.ท.อัครวัฒน์กล่าวว่า ช่วงเกิดเหตุไม่มีใครพักอาศัยอยู่ในบ้าน รวมทั้งนายสุพจน์ด้วย เจ้าหน้าที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดของบ้าน ที่ส่องไปบริเวณทางเดินเท้าริมคลองน้ำแก้ว พบว่ากล้องจับภาพคนร้ายที่ก่อเหตุเอาไว้ได้ โดยเหตุเกิดช่วงเวลา 01.09 น. คนร้ายเป็นชายสวมหมวกแก๊ป เสื้อยืด นุ่งกางเกงขายาวไม่ทราบสี เดินเท้ามาตามทางเดินริมคลองน้ำแก้ว จากฝั่งที่ทะลุได้ทั้งถนนรัชดาภิเษกและซอยลาดพร้าว 28 ก่อนขว้างระเบิดเข้าไปในบ้าน และวิ่งหลบหนีกลับไปทางเดิม เจ้าหน้าที่จะใช้เป็นเบาะแสติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อกลางดึกวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา เกิดเหตุคนร้ายยิงระเบิดเอ็ม 79 จำนวน 2 ลูก ใส่อาคารธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ บริเวณแยกรัชโยธิน แรงระเบิดทำให้ตัวอาคารได้รับความเสียหาย แต่ไม่มีผู้บาดเจ็บ หรือเสียชีวิต จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่าลูกแรกยิงใส่บริเวณชั้น 8 อาคารสำนักงานใหญ่ เป็นที่ตั้งของฝ่ายสินเชื่อ และอีกลูกที่ชั้น 9 ของตึกเวส 1 เป็นสำนักงานเช่าของบริษัทยูนิลีเวอร์ฯ
ตรวจซากเอ็ม 79 ร.พ.จุฬาภรณ์
อีกเหตุเมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 7 พ.ค. ร.ต.อ.รักเกียรติ ปทุมวัน พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งเหตุยิงระเบิดเอ็ม 79 จำนวน 2 ลูก ใส่อาคารโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ภายในสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ถนนกำแพงเพชร 6 แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กทม. จึงพร้อมด้วย พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รองผบช.น. พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผกก.กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด บก.สปพ. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน และทหาร
จากการตรวจสอบพบว่าระเบิดลูกแรกตกที่ร่องน้ำในสวนหย่อม ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของโรงพยาบาล แรงระเบิดทำให้รถแท็กซี่ สีเขียว ทะเบียน ทม 8249 กทม. กระจกแตกเสียหาย ส่วนระเบิดลูกที่ 2 ตกใส่ตัวอาคารที่บริเวณชั้น 9 ด้านทิศเหนือของตัวอาคาร แรงระเบิดทำให้กระจกห้องพักแพทย์แตก และทรัพย์สินภายในห้องเสียหาย แต่ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต
พ.ต.อ.กำธร กล่าวว่า คนร้ายใช้อาวุธชนิดเอ็ม 79 ขนาด 40 ม.ม. แบบธรรมดาไม่เจาะเกราะ เคลื่อนที่ยิงมาจากถนนวิภาวดีฯ ขาออก ด้วยระยะประมาณ 180-200 เมตร แต่จะต้องตรวจสอบอีกครั้งว่ายิงมาจากถนนวิภาวดีฯ หรือบนทางด่วนโทลล์เวย์
ร.พ.ออกแถลงการณ์ประณาม
ต่อมาร.พ.จุฬาภรณ์ออกแถลงการณ์เรื่องประณามการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม จากเหตุการณ์ระเบิดเอ็ม 79 ยิงใส่ร.พ.จุฬาภรณ์ 2 ลูก เมื่อคืนวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุว่าถึงแม้จะไม่มีผู้เสียชีวิต หรือได้รับบาดเจ็บ แต่เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อขวัญกำลังใจและจิตใจของผู้ป่วยที่พักรักษาตัวในโรงพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่อย่างมาก
แถลงการณ์ ระบุต่อว่า จึงขอประณามการ กระทำในครั้งนี้ ที่มุ่งร้ายต่อชีวิตและทรัพย์สินของ ร.พ.จุฬาภรณ์ โรงพยาบาลที่ได้รับเมตตาจากประชาชนชาวไทยบริจาคทุนทรัพย์ช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็ง ถือเป็นการกระทำที่อุกอาจและไร้มนุษยธรรมเป็นอย่างยิ่ง ทั้งๆ ที่เป็นที่ยอมรับกันโดยสากลที่โรงพยาบาล ซึ่งเป็นสถานรักษาพยาบาล แม้ในยามสงครามก็จะไม่มีการทำร้ายกัน ไม่ว่าการกระทำดังกล่าวจะกระทำด้วยมูลเหตุจูงใจใดๆ ก็ตาม ขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งสอบสวน และนำ ผู้กระทำความผิดมาลงโทษเป็นเยี่ยงอย่างต่อไป
'อดุลย์'คุมเข้มบ้านองค์กรอิสระ
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.อนุชา รมยะนันทน์ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงว่า จากเหตุการณ์ระเบิดบ้านนาย สุพจน์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เชื่อว่าคนร้ายน่าจะมาดูลาดเลาเอาไว้ก่อนแล้ว และรู้จักเส้นทางเข้าออก รวมทั้งพื้นที่รอบบ้านนายสุพจน์เป็นอย่างดี ล่าสุด พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. สั่งการให้เร่งรัดสืบสวนติดตามตัวคนร้าย และสั่งการให้บช.น. บช.ภาค 1 และภาค 7 ซึ่งมีบ้านพักของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตั้งอยู่ ให้เพิ่มความเข้มตั้งด่านความมั่นคง รวมทั้งแสดงกำลังเพื่อเป็นการป้องปราม
รองโฆษกตำรวจกล่าวต่อว่า คาดการณ์ว่าจะมีกลุ่มผู้ไม่ประสงค์ดีสร้างสถานการณ์ ผบ.ตร.จึงกำชับการรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ รวมทั้งสถานที่ราชการที่เกี่ยวข้อง โดยเน้นการตั้งด่าน กวดขันกวาดล้างจับกุมอาวุธ เพื่อตัดวงจรของอาวุธ ไม่ให้นำมาใช้ก่อเหตุ หรือสร้างสถานการณ์ การตั้งด่านของตำรวจได้ผลพอสมควร ดูได้จากการจับกุมอาวุธ และสิ่งผิดกฎหมายได้อย่างต่อเนื่อง
นักข่าวเยอรมันขอตร.คุ้มกัน
เวลา 14.30 น. นายนิก นอสติทซ์ อายุ 45 ปี ผู้สื่อข่าวชาวเยอรมัน เข้าพบ พ.ต.อ.ภัทรภณ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผกก.สน.เตาปูน เพื่อขอความคุ้มครอง โดยสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์จะอุ้มตัวไปพบแกนนำม็อบกปปส.ที่เวทีถนนแจ้งวัฒนะ ขณะเดินทางไปทำข่าวที่ศาลรัฐธรรมนูญ
ตรวจ"มท." - ชุดตรวจสอบและเก็บกู้ระเบิด ร่วมเข้าตรวจสอบพื้นที่กระทรวงมหาดไทย ภายหลังการขอคืนพื้นที่จากม็อบกปปส. เบื้องต้นไม่พบทรัพย์สินสำคัญสูญหาย แต่มีร่องรอยงัดแงะประตูบางจุด |
"ผมมาขอความคุ้มครองจากตำรวจ เพราะมีบ้านอยู่ในท้องที่ สน.เตาปูน กลัวจะถูกคุกคามและทำร้าย รู้สึกหวาดกลัว ไม่สามารถออกไปไหนมาไหนได้ ผมต้องให้ภรรยาไปซื้อกับข้าว ส่วนผมต้องหลบอยู่ในบ้านตลอดเวลา ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ขนาดทำงานอยู่ในบริเวณศาลฯ ยังไม่ปลอดภัย เกือบจะถูกอุ้ม ความจริงแล้วผมไม่ได้อยากออกสื่อ แต่ต้องทำ เพื่อความปลอดภัย ผมเป็นเพียงแค่นักข่าวเท่านั้น ต่อไปไม่ว่าจะไปไหนมาไหน ผมจะระมัดระวังตัวมากยิ่งขึ้น" นักข่าวเยอรมันกล่าว
ด้านพ.ต.อ.ภัทรภณกล่าวว่า นายนิกประสงค์ขอความคุ้มครองจากเจ้าหน้าที่หลังจากถูกคุกคาม จึงสั่งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนดูแลนายนิกขณะอยู่ในพื้นที่ และจะให้ เจ้าหน้าที่สายตรวจไปตั้งตู้แดงบริเวณหน้าบ้านนายนิกด้วย
ยิงปืนใกล้เวทีกปปส.สวนลุมฯ
ส่วนความเคลื่อนไหวของม็อบกปปส. ที่เวทีสวนลุมพินีนั้น เมื่อเวลา 09.00 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. นำมวลชนเดินขบวนรณรงค์เพื่อเชิญชวนประชาชนให้มาร่วมชุมนุมใหญ่วันที่ 9 พ.ค. โดยเริ่มต้นที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสอ่อนนุช มุ่งหน้าสู่ถนนสุขุมวิท
ต่อมาเวลา 11.40 น. ที่เวทีสวนลุมพินี จู่ๆ มีเสียงปืนดังขึ้น 2 นัดซ้อน ทำให้กลุ่ม ผู้ชุมนุมต่างแตกตื่น และวิ่งหนีหาที่หลบ จากการสอบถามการ์ดประจำเวทีระบุว่า คาดเสียงปืนดังมาจากรถแท็กซี่ที่ขับผ่านบนสะพานข้ามแยกศาลาแดง และแจ้งให้แกนนำกปปส.ทราบเรื่องแล้ว
จากนั้นนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส. แถลงว่าคาดว่าคนร้ายที่ก่อเหตุเป็น กลุ่มคนที่ไม่พอใจคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 9 พ.ค. เชื่อว่าจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่ต้องดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ส่วนจะขยายพื้นที่ชุมนุมเพิ่มหรือไม่นั้น ต้องประเมินจำนวนผู้ชุมนุมอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณสะพานไทย-เบลเยียม มีเสียงปืนดังขึ้นต่อเนื่อง 10 นัด แต่ไม่มีผู้บาดเจ็บแต่อย่างใด โดยเจ้าหน้าที่กำลังเข้าไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
ตรวจมท.พบสายไฟ-น้ำถูกตัด
ขณะเดียวกัน ที่กระทรวงมหาดไทย นายประภาส บุญยินดี รองปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย พล.ต.ต.วัลลภ ประทุมเมือง ผบก.น.6 และ พ.ท.สมเจตน์ ทองปลี ผบ.พัน.ร.ศสร. พร้อมด้วยตัวแทนฝ่ายต่างๆ ร่วมแถลงผลตรวจสอบความเสียหายภายในกระทรวงมหาดไทย ที่ม็อบกปปส.ยอมถอนมวลชนออกจากพื้นที่ ภายหลังบุกเข้ายึดมาเป็นเวลานานกว่า 5 เดือน
นายประภาส กล่าวว่า เจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิดและสุนัขตำรวจเข้าตรวจสอบในเบื้องต้น ไม่พบวัตถุระเบิด หรือวัตถุต้องสงสัย ส่วนทรัพย์สินของทางราชการนั้นไม่มีการสูญหาย ที่เสียหายเป็นเพียงการงัดประตูที่ตึกหน้า และตึกศาลาว่าการกระทรวง ถูกตัดกุญแจเพื่อเปิดไปยังห้องควบคุมกล้องวงจรปิด สายไฟฟ้าถูกตัดหลายจุด ระบบน้ำก็ถูกตัดเหมือนกัน ส่วนที่มีกระแสในสังคมออนไลน์ว่า งาช้างสมัยรัชกาลที่ 4 และอาวุธปืนจำนวนหนึ่งสูญหายไปนั้น ไม่เป็นความจริงตามกระแสแต่อย่างใด และในวันที่ 9 พ.ค.จะจัดอาสาสมัคร 200 คน และเจ้าหน้าที่กทม. มาร่วมทำความสะอาดและเคลียร์พื้นที่โดยรอบและภายในกระทรวง
กวป.ขอคืนพื้นที่แจ้งวัฒนะ
ส่วนที่อนุสาวรีย์ปราบกบฏ วงเวียนหลักสี่ กทม. นายศรรักษ์ มาลัยทอง แกนนำกลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (กวป.) พร้อมด้วยมวลชนกว่า 100 คน รถกระบะและรถจักรยานยนต์เคลื่อนขบวนไปเรียกร้องขอคืนพื้นที่ถนนแจ้งวัฒนะ หน้าศูนย์ราชการ เมื่อเคลื่อนมาถึงเชิงสะพานข้ามแยกหลักสี่ มีกำลังตำรวจปราบจลาจล 1 กองร้อย พร้อมโล่มาตรึงกำลังสกัดไม่ให้ข้ามไปเผชิญหน้าม็อบกปปส.ของพุทธอิสระ
จากนั้นนายศรรักษ์ลงมาเจรจากับตำรวจเพื่อขอเปิดทางไปยังถนนแจ้งวัฒนะ แต่ตำรวจไม่ยอม เพราะหวั่นเกรงว่าจะเผชิญหน้าและปะทะกัน หลังเจรจานานกว่า 10 นาที นาย ศรรักษ์ยืนกรานจะนำมวลชนข้ามสะพานไปให้ได้ ทางตำรวจจึงติดต่อไปยังพุทธอิสระ ก่อนที่ตัวแทนพุทธอิสระจะแจ้งกลับมาว่าจะเปิดถนนให้ในวันที่ 18 พ.ค. ขณะที่นายศรรักษ์ยังยืนยันว่าจะต้องเปิดถนนแจ้งวัฒนะภายในวันที่ 12 พ.ค.นี้เท่านั้น เพราะวันที่ 18 พ.ค.โรงเรียนจะเปิด และประกาศให้มวลชนมารวมตัวกันอีกครั้งในวันที่ 11 พ.ค. เวลา 11.00 น. ก่อนจะนำมวลชนกลับ
ศอ.รส.รับมือ2ม็อบนัดใหญ่
สำหรับการปฏิบัติหน้าที่ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ที่ตั้งศูนย์อยู่ภายในกองบัญชาการตำรวจปราบปราม ยาเสพติดนั้น นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะเลขานุการ ศอ.รส. กล่าวว่า หากร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ต้องพ้นจากการเป็น ผอ.ศอ.รส. นายชัยเกษม นิติสิริ ปฏิบัติหน้าที่ รมว.ยุติธรรม ในฐานะรอง ผอ.ศอ.รส. สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างแน่นอน จึงไม่กระทบต่อการทำงานของ ศอ.รส. โดยนายชัยเกษมเรียกประชุม ศอ.รส.เอง ทำหน้าที่แทนร.ต.อ.เฉลิม ที่แจ้งลาตั้งแต่วันที่ 7 พ.ค. จะหารือถึงการรับมือวันชุมนุมใหญ่ของกลุ่ม กปปส.ในวันที่ 9 พ.ค. และการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในวันที่ 10 พ.ค.นี้
สั่งตรึงทีวี-ทำเนียบ-รัฐสภา
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับการเตรียมรับมือม็อบกปปส.ที่นัดชุมนุมใหญ่วันที่ 9 พ.ค.นี้ ศอ.รส.ประสานกองทัพส่งกำลังทหารไปดูแลสถานีโทรทัศน์ทุกแห่ง เพื่อป้องกันม็อบบุกยึด โดยเฉพาะช่อง 11 ที่ขณะนี้มีทหาร 1 กองร้อย และตำรวจ 3 กองร้อย เข้าประจำการแล้ว ขณะที่ช่องอื่นๆ จะใช้กำลังทหารเป็นหลัก ส่วนม็อบกปท.ที่ประกาศให้มวลชนเก็บข้าวของนั้น ศอ.รส.คาดว่าจะเข้าสมทบกับม็อบกปปส.ที่สวนลุมพินี นอกจากนี้ ศอ.รส.ยังประสานทหารขอกำลังดูแลพื้นที่ทำเนียบ รัฐสภาด้วย เนื่องจากมีข่าวว่าอาจเป็นจุดหมายที่ม็อบจะบุกยึดด้วย
ยัน'เหลิม'ยังเป็นผอ.ศอ.รส.
ต่อมาคณะทำงาน ศอ.รส.แถลงภายหลังการประชุมว่า หารือถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่มีประเด็นเกี่ยวข้องกับ ศอ.รส. ดังนี้ 1.สถานภาพของ ศอ.รส. ที่ประชุมเห็นว่า ศอ.รส.เป็นหน่วยงานพิเศษที่จัดตั้งขึ้นตามพ.ร.บ.ความมั่นคง ดังนั้น คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจึงไม่มีผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของ ศอ.รส. 2.สถานภาพของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ในฐานะ ผอ.ศอ.รส. ที่ประชุมเห็นว่าการดำรงตำแหน่ง ผอ.ศอ.รส.ของร.ต.อ.เฉลิมไม่ได้สิ้นสุด หรือพ้นไปจากผลแห่งคำวินิจฉัยของศาลฯ เนื่องจากศาลฯ วินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลง กรณีกระทำการต้องห้ามตามมาตรา 182 (7) หมายถึงความเป็นรัฐมนตรีขณะที่ร่วมพิจารณา และมีมติในการประชุมครม.ครั้งนั้น
ศอ.รส.แถลงต่อว่า แต่ข้อเท็จจริง ร.ต.อ. เฉลิมขณะนั้นเป็นรองนายกฯ ต่อมาโปรดเกล้าฯ ให้พ้นจากตำแหน่งแล้ว ฉะนั้นการเป็นรมว.แรงงานในภายหลังจนถึงปัจจุบัน จึงเป็นการดำรงตำแหน่งที่มิได้เกี่ยวข้องกับการพิจารณา และมีมติในการประชุมครม.ครั้งที่ผ่านมา จึงไม่น่าเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีในตำแหน่งรมว.แรงงานต้องสิ้นสุดลงอีก กรณีนี้ย่อมเป็นผลเช่นเดียวกับนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ประธานที่ปรึกษา ศอ.รส. ย่อมพ้นไปเฉพาะตำแหน่งรมว.ต่างประเทศเพียงตำแหน่งเดียว แต่ตำแหน่งรองนายกฯ ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งภายหลัง อีกตำแหน่งหนึ่ง จึงไม่พ้นไปตามผลแห่ง คำวินิจฉัยของศาลฯ
ชี้คำวินิจฉัยนำไปสู่ความรุนแรง
คณะทำงาน ศอ.รส.แถลงว่า ตามที่ ศอ.รส.ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 3 เรื่อง ข้อเรียกร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ และกลุ่มผู้สนับสนุน กับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อการแก้ไขปัญหาความไม่สงบเรียบร้อย เมื่อวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา ศอ.รส.ขอเรียนว่าเหตุที่ต้องออกแถลงการณ์ เนื่องจากขณะนั้นมีข้อมูลอย่างเพียงพอ ที่บ่งชี้ว่าจะเกิดความรุนแรงและเหตุร้ายขึ้นในเขตพื้นที่รับผิดชอบของศอ.รส. โดยเฉพาะการระดมมวลชนชุมนุมใหญ่ทั้งของ กปปส.และนปช. และกลุ่มอื่นๆ ในลักษณะท้าทายและแข่งขันกัน ภายใต้เงื่อนไขสำคัญ คือการวินิจฉัยขององค์กรตามรัฐธรรมนูญ 2 องค์กร คือ ป.ป.ช. และศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งศอ.รส.กังวลและห่วงใยต่อสถานการณ์ขณะนั้นมาก
พึ่ง'ตร.'นิก นอสติทซ์ ช่างภาพและผู้สื่อข่าวอิสระ เข้าพบพ.ต.อ.ภัทรภณ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผกก.สน.เตาปูน เพื่อขอความคุ้มครอง เมื่อวันที่ 8 พ.ค. หลังถูกการ์ด กปปส.คุกคามพยายามจะจับตัวไป ระหว่างทำข่าวที่ศาลรัฐธรรมนูญ |
"ศอ.รส.ยืนยันว่าการออกแถลงการณ์ มิได้มีเจตนาก้าวล่วง หรือกดดันการพิจารณาวินิจฉัยคดีของศาลฯ แต่มีจุดประสงค์สำคัญในการป้องกัน ระงับ ยับยั้ง และแก้ไข หรือบรรเทาเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น ตามภารกิจและอำนาจหน้าที่ของศอ.รส. เป็นความจำเป็นที่ไม่อาจจะละเลยได้ และของดเว้นที่จะมีความเห็นต่อเนื้อหาสาระของคำวินิจฉัย แต่ยืนยันว่าคำวินิจฉัยดังกล่าวยังคงนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงต่อไป สอดคล้องกับเหตุความไม่สงบที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากมีคำวินิจฉัย เช่น เหตุยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าใส่ร.พ.จุฬาภรณ์ และธนาคารไทยพาณิชย์ รวมทั้งปาระเบิดใส่บ้านตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ"
อัยการฟ้องเทือก 51 กปปส.
ศอ.รส.แถลงอีกว่า ศอ.รส.ได้ปรับแผนอัตรากำลังเจ้าหน้าที่เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อย โดยเฉพาะการชุมนุมใหญ่ของ กปปส.ในวันที่ 9 พ.ค. และการชุมนุมใหญ่ของ นปช. วันที่ 10 พ.ค. ล่าสุด ศอ.รส.ได้รับรายงานถึงการใช้ความรุนแรงของการ์ด กปปส. ที่ทำร้ายนักข่าวต่างประเทศ ที่ไปทำข่าวที่ศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 7 พ.ค. แม้การเข้าร่วมการชุมนุมจะเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่หากกระทำผิดกฎหมาย จะต้องถูกดำเนินคดีทุกคน ไม่มีการละเว้น ส่วนแกนนำทุกคนจะต้องรับผิดทั้งทางอาญาและทางแพ่ง โดย ศอ.รส.จะบังคับใช้กฎหมายกับผู้ชุมนุมทั้ง 2 กลุ่ม อย่างเท่าเทียมกันเพื่อป้องกันเหตุร้ายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้น
คณะทำงาน ศอ.รส.กล่าวต่อว่า ศอ.รส.ได้รับรายงานว่าตามที่คณะพนักงานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดีเอสไอ และอัยการ ร่วมกันสอบสวนคดีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับแกนนำ กปปส. ชุดที่ 1 รวม 52 คน และส่งสำนวนให้อัยการพิจารณานั้น ศอ.รส.ได้รับแจ้งว่าพนักงานอัยการของสำนักงานอัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องแกนนำชุดที่ 1 ทั้งสิ้น 51 คน อาทิ นายสุเทพ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายชุมพล จุลใส พุทธอิสระ หรือนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ และนายถวิล เปลี่ยนศรี และสั่งไม่ฟ้อง 1 คน คือ นายพิจารณ์ สุขภารังษี และฟ้องคดีกับแกนนำที่มีตัวอยู่ในอำนาจของศาลแล้ว 2 คน คือ นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม และนายสกลธี ภัททิยกุล ส่วนแกนนำคนอื่นๆ จะออกหมายจับเพื่อนำตัวมาฟ้องโดยเร็วต่อไป
'เทือก-ลูกหมี'โดนก่อการร้ายเพิ่ม
สำหรับฐานความผิดที่พนักงานอัยการส่งฟ้องนายสุเทพ กับพวกทั้ง 51 คนนั้น มีทั้งสิ้น 9 ฐานความผิด คือ 1.ร่วมกันเป็นกบฏ 2.กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักรหรือเพื่อ ให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน 3.มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยมีอาวุธ โดยเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการ
4.มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป และเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกไปแต่ไม่เลิก 5.ยุยงให้ร่วมกันหยุดงาน การร่วมกันปิดงาน งดจ้าง เพื่อบังคับรัฐบาล 6.ร่วมกันบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษ ร้าย โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปในเวลากลางคืน 7.ร่วมกันขัดขวางเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง และร่วมกันขัดขวางการปฏิบัติงานของ เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง 8.ร่วมกันกระทำการโดยไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมาย เพื่อไม่ให้ผู้เลือกตั้งสามารถใช้สิทธิได้ หรือขัดขวาง หรือหน่วงเหนี่ยวมิให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไป ณ ที่เลือกตั้งหรือเข้าไป ณ ที่ลงคะแนนเลือกตั้ง และ 9.ร่วมกันเป็นอั้งยี่หรือซ่องโจร
สำหรับนายสุเทพและนายชุมพล พนักงานอัยการสั่งฟ้องในฐานความผิดร่วมกันก่อการร้าย เพิ่มเติมอีก 1 ข้อหาด้วย
อัยการเตรียมพยาน 500 ปาก
ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายนันทศักดิ์ พูลสุข อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ และโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงผลการสั่งคดีนายสุเทพ และแกนนำ กปปส.รวม 51 คน ว่า คณะทำงานอัยการพิจารณาสำนวนพยานหลักฐานแล้วมีความเห็นสั่งฟ้องนาย สุเทพ กับพวกที่เป็นแกนนำ กปปส. ในข้อหาร่วมกันเป็นกบฏและกระทำการให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หรือวิธีอื่นใดที่มิใช่การกระทำในความมุ่งหมายตามรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือความไม่สงบในราชอาณาจักรฯ มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้วไม่ยอมเลิก ยุยงให้ร่วมกันหยุดงาน ปิดงาน งดจ้าง เพื่อขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และบุกรุกสถานที่ราชการ รวมทั้งขัดขวางการเลือกตั้ง ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือพนักงานสอบสวนยังไม่ได้ส่งสำนวนมาให้อัยการ
นายนันทศักดิ์ กล่าวต่อว่า คดีนี้อัยการเตรียมบัญชีพยานไว้กว่า 500 ปาก ส่วนใหญ่เป็นตำรวจนครบาล สันติบาล เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ที่เฝ้าติดตามพฤติกรรมและลงพื้นที่หาข่าวในพื้นที่ชุมนุม รวมทั้งพยานเอกสารหลักฐาน ภาพถ่ายและภาพเคลื่อนไหว ที่ปรากฏต่างๆ ส่วนศาลจะตัดพยานหรือไม่ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล และอัยการก็ไม่ได้คัดค้านการประกันตัว ขึ้นอยู่ที่ดุลพินิจของศาล ส่วนการติดตามตัวนายสุเทพและพวกนั้นเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน คดีมีอายุความ 20 ปี
ส่ง'สนธิญาณ-สกลธี'ฟ้องศาล
อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษกล่าวต่อว่า นอกจากนี้อัยการยังมีความเห็นควรสั่งฟ้องนายสุเทพ และนายชุมพล จุลใส แกนนำกปปส.ในฐานความผิดร่วมกันก่อการร้ายเพิ่มเติม อีก 1 ข้อหา เนื่องจากนำมวลชนไปปิดล้อมสำนักงานทีโอที และล็อกระบบอินเตอร์เน็ต สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน ทำให้พนักงานอัยการมีความเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายร่วมกันก่อการร้าย
ส่วนที่ศาลอาญา พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม อายุ 52 ปี และนายสกลธี ภัททิยกุล อายุ 37 ปี เป็นจำเลยที่ 1 และ 2 ตามลำดับ ในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หรือวิธีอื่นใดที่ไม่ใช่การกระทำในความมุ่งหมายตามรัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือความไม่สงบในราชอาณาจักรฯ, อั้งยี่, ซ่องโจร, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ โดยเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการ, เจ้าพนักงานสั่งให้เลิกการ กระทำนั้นแต่ไม่เลิก, ยุยงให้ร่วมกันหยุดงาน การร่วมกันปิดงาน งดจ้างเพื่อบังคับรัฐบาล, ร่วมกันบุกรุก, ร่วมกันขัดขวางเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง, ร่วมกันขัดขวางการปฏิบัติงานของ กกต. โดยศาลประทับรับฟ้อง และนัดสอบคำให้การจำเลยในวันที่ 12 พ.ค. เวลา 09.00 น.
ปลัดสธ.งง-สอบวินัยร้ายแรง
ส่วนนพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณี นพ. ประดิษฐ สินธวณรงค์ ปฏิบัติหน้าที่ รมว.สาธารณสุข สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ฐานะมีพฤติกรรมสนับสนุนม็อบ กปปส.ว่า ยังไม่ได้รับหนังสือ เพียงแต่มีหนังสือมาที่หน้าห้องทำงาน แต่เจ้าหน้าที่ ทำเอกสารเห็นว่าหนังสือนี้ไม่ถูกต้องตามระเบียบสารบรรณ ว่าเป็นหนังสือลับที่ต้องส่งตรงถึงตนเอง แต่กลับไม่มีซองปิดมิดชิด จึงส่งเรื่องไปยังสำนักบริหารการตรวจสอบที่มา แต่เท่าที่ทราบรายละเอียดข้อหาที่ตั้งคณะกรรมการสอบครั้งนี้เห็นว่าเป็นความผิดวินัยร้ายแรง จึงต้องถามกลับไปว่า คำว่าวินัยร้ายแรงมีนิยามอย่างไร
"ต้องถามเลขาธิการ ก.พ. ว่าคำว่าวินัยร้ายแรงมีนิยามอย่างไร เท่าที่ทราบหากทำผิดร้ายแรง ต้องประพฤติชั่ว ทุจริตคอร์รัปชั่น แต่ผมยังเชื่อว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะใช่ นพ.ประดิษฐเป็นคนสั่ง เพราะจากการทำงานด้วยกันมา 1 ปีกว่า ทราบดี นพ.ประดิษฐเป็นสุภาพบุรุษ และมืออาชีพพอ ท่านก็เป็นคนบริหารงานเพื่อระบบสุขภาพ เพื่อประชาชน จึงไม่คิดว่าจะทำเช่นนี้ เพราะหากทำจริงโดยกระบวนการต้องส่งเรื่องถึงผมก่อน แต่ผมกลับรู้หลังสื่ออีก แสดงให้เห็นว่าการกระทำนี้ต้องการสะกดข้าราชการไม่ให้แสดงออก จากปลัดกระทรวงยุติธรรมแล้ว ก็มาถึงผม ก็เพื่อไม่ให้ใครกล้าแสดงออก แต่ส่วนตัวผมคิดว่าไม่น่าเป็นเรื่องจริง แต่ผมไม่รู้ว่าใครทำ" นพ.ณรงค์กล่าว
'ตู่'แฉสมคบคิด-คู่ต่อสู้คนเดิม
ส่วนความเคลื่อนไหวของ นปช.และกลุ่มคนเสื้อแดงนั้น ที่ห้างอิมพีเรียล เวิลด์ ลาดพร้าว กทม. นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. แถลงในสถานการณ์พิเศษ ว่า ขณะนี้ชัดเจนว่าทุกองค์กรอิสระ รวมถึงกปปส. และพรรคประชาธิปัตย์เข้าข่ายทฤษฎีสมคบคิด เมื่อคืนที่ผ่านมานายสุเทพแถลงเลื่อนการชุมนุมใหญ่จาก 14 พ.ค. มาเป็น วันที่ 9 พ.ค. เวลา 09.00 น. ถามว่าทำไมนาย สุเทพต้องขยับมาเป็นวันที่ 9 พ.ค. เพราะ ป.ป.ช.จะพิจารณา และตัดสินเรื่องจำนำข้าวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และคณะรัฐมนตรี บังเอิญไปตรงกับที่นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา พูดถูกทุกข้อว่าศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัยในวันที่ 7 พ.ค. และป.ป.ช.จะมีคำวินิจฉัยในวันที่ 8 พ.ค.
นายจตุพร กล่าวว่า คิดว่าการที่นายสุเทพต้องย้ายวันชุมนุมเพื่อให้สอดคล้องกับการเลือกประธานวุฒิสภาในวันที่ 9 พ.ค. โดย ตั้งธงไว้ว่าให้ประธานวุฒิสภาทำหน้าที่เป็นประธานสภา ในการกราบบังคมทูลฯ เสนอชื่อนายกฯ คนใหม่ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ส่วน กกต.ก็เลื่อนวันนัดหมายกับรัฐบาล จากเดิมวันที่ 6 พ.ค. เป็นวันที่ 7 พ.ค. ต่อมานัดวันที่ 14 พ.ค. เห็นได้ชัดว่าเครือข่ายอำมาตย์เล่นกันเป็นทีม เราไม่ได้วิตกถึงผลคำตัดสินของ ป.ป.ช. เพราะขบวนการผิดมาตั้งแต่ต้น และป.ป.ช.กลับละเลยคดีที่นายอภิสิทธิ์ และพวกถูกกล่าวหาว่าทุจริตในโครงการระบายข้าว แล้วยังมีเวลาเอานายอภิสิทธิ์มาเป็นพยานกล่าวหาน.ส.ยิ่งลักษณ์ ในคดีจำนำข้าว เวลานี้คู่ต่อสู้ของนปช. คืออำมาตย์ใหญ่ ที่ชื่อ พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ไม่เปลี่ยนแปลง
จับตาเหตุบึ้มปูทางรัฐประหาร
ประธาน นปช.กล่าวต่อว่า สังเกตจากการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549 ก่อนการยึดอำนาจมีชนวนเป็นจุดเริ่มต้น คือ วางระเบิดที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อคืนก็ยิงระเบิดเอ็ม 79 ที่บ้านนายสุพจน์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ และธนาคารไทยพาณิชย์ เพื่อให้สอดคล้องกับที่ศาลฯ อ่านคำวินิจฉัยเสร็จ แล้วก็มีเสียงปืนดังขึ้น 2 นัด ช่วงหลัง 10 นัด ถามว่าใครจะพกปืนได้ในบริเวณศาลฯนอกจากการ์ดของพุทธอิสระ เพื่อต้องการให้เข้าใจว่าเป็นการกระทำของอีกฝ่ายที่ถูกกระทำจากคำวินิจฉัย แล้วการกระทำนี้ใครได้ประโยชน์ หรือเสียประโยชน์ การอ้างว่าเป็นรัฐบาลก็เพื่อสร้างสถานการณ์เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง สุดท้ายหนีไม่พ้นการรัฐประหาร
"ขอสื่อสารไปยังเครือข่ายอำมาตย์ว่าคุณจะทำอะไรประชาชนรู้เท่าทัน ครั้งนี้เราไม่ได้ต่อสู้เพื่อให้มีการเลือกตั้ง แต่จะสู้เพื่อเปลี่ยน แปลงสิ่งเลวร้ายในประเทศไทย ไม่เช่นนั้นจะวนเวียนอยู่ในวัฏจักรเดิม คือเมื่อได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งก็จะถูกล้มโดยอำมาตย์ ประชาชนก็ออกมาต่อสู้จนบาดเจ็บล้มตายพอเลือกตั้งใหม่ก็เป็นแบบเดิมอีกไม่จบสิ้น ขอเรียนพี่น้องเสื้อแดงว่าเราจะเปลี่ยนการนัดมวลชนจำนวนสูงสุดมาเป็นวันที่ 10 พ.ค. ที่ถนนอักษะ หากจะมีการเลือกตั้งครั้งหน้าขอประกาศว่าผมจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่จะขออยู่ต่อสู้กับอำมาตย์" ประธาน นปช.กล่าว
เสื้อแดงเหนือเคลื่อนเข้ากรุง
ขณะเดียวกัน กลุ่มนปช.และคนเสื้อแดงในหลายจังหวัดต่างก็เตรียมออกมาเคลื่อนไหว โดยกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 นำโดยนายวรวุฒิ รุจนาภินันท์ หรือ แดง สองแคว นำมวลชนไปยังศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ยื่นหนังสือถึงนายวิเชียร พุฒิวิญญู ทั้งนี้ นายวรวุฒิกล่าวว่า คนเสื้อแดงเชียงใหม่ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และไม่เอานายกฯ คนกลางอย่างเด็ดขาด จะต่อสู้ขัดขวางจนถึงที่สุด และจะเดินทางไปร่วมประชุมใหญ่กับ นปช.ที่กรุงเทพฯ ในวันที่ 10 พ.ค.นี้
ส่วนนายศิริวัฒน์ จุปะมัดถา ผู้ประสานงาน นปช.พะเยา กล่าวว่า เตรียมไปร่วมชุมนุมใหญ่ 10 พ.ค. เริ่มเดินทางตอนเที่ยงของวันที่ 9 พ.ค. จะมีเสื้อแดงทั่วภาคเหนือไม่ต่ำกว่า 50,000-70,000 คน เดินทางเข้ากรุงเทพฯ และจะสับเปลี่ยนกำลังเป็นรอบๆ รอบละ 5-7 วัน โดย จ.พะเยา จะสับเปลี่ยนกำลังรอบละ 1,000 คน ส่วนหนึ่งกลับที่ตั้งในพื้นที่ เพื่อเตรียมตัวเดินทางไปรอบถัดไป การต่อสู้ครั้งนี้หากไม่จบในเร็ววันและยืดเยื้อคนเสื้อแดงก็จะระดมพลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อแสดงพลังให้เห็นว่าไม่ต้องการผู้บริหารประเทศที่ไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย
อีสาน-กลางมุ่งสู่ถนนอักษะ
ที่จ.นครราชสีมา นายอนุวัฒน์ ทินราช ประธาน นปช.ภาคอีสาน กล่าวว่า หลังจากนี้คาดว่าองค์กรอิสระต่างๆ คงรับไม้ต่อจากศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อเดินหน้าล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งทุกรูปแบบแน่นอน แต่ก็จะยิ่งทำให้ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยออกมาต่อต้านเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะประชาชนภาคอีสาน 20 จังหวัด จะมีประชาชนแสดงปฏิกิริยาต่อต้านเป็นจำนวนมาก และจะเข้าร่วมกับ นปช.ชุมนุมใหญ่ที่ถนนอักษะ ในวันที่ 10 พ.ค. เป็นการชุมนุมปักหลักหลายวัน เพื่อต่อสู้กับระบอบเผด็จการจนกว่าจะได้รับชัยชนะ
ด้าน พล.ต.เทียมศักดิ์ สุขานุยุทธ ประธาน นปช.สุพรรณบุรี กล่าวว่า เรียกประชุมแกนนำ 10 อำเภอ เพื่อเตรียมความพร้อมเดินทางไปชุมนุมที่ถนนอักษะในวันที่ 10 พ.ค. ในส่วนของเสื้อแดงสุพรรณบุรีจะใช้การผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปชุมนุม วันละ 5,000 คน เดินทางแบบไปเช้าเย็นกลับ แต่ถ้าใครไม่อยากกลับก็แล้วแต่ความสมัครใจ
เวลา 19.00 น. ที่ห้างอิมพีเรียล เวิลด์ ลาดพร้าว นางธิดา โตจิราการ ประธานที่ปรึกษานปช. กล่าวบนเวทีปราศรัยว่า การต่อสู้ครั้งนี้ เราไปเพื่อแสดงตัวและต้องการสั่งสอนเครือข่ายอำมาตย์ทั้งหมดให้ดูว่า คนที่ไม่เอาระบอบอำมาตย์และสู้เพื่อประชาธิปไตยมากันมากมายขนาดไหน แม้จะเอารถถัง หรือปืนมาจี้ พวกท่านก็จะได้อำนาจไปไม่ยั่งยืน แต่ที่ยั่งยืนที่สุดคืออำนาจของประชาชน แต่ชัยชนะที่ยั่งยืนไม่ได้มาง่ายๆ เพราะเขาลงหลักปักฐานกำลังและความคิดมายาวนาน ทั้งหน่วยงานและองค์กรต่างๆ รวมถึงชนชั้นนำในสังคมไทย ล้วนอยู่ในอิทธิพลของอำมาตย์ทั้งสิ้น ได้แก่ องค์กรอิสระ ตุลาการ กองทัพ ข้าราชการประจำ พลเรือน ทหาร และรัฐ วิสาหกิจ คนเหล่านี้ไม่มีอะไรยึดโยงกับประชาชน เราจึงจำเป็นต้องอดทน เพื่อชัยชนะที่ยั่งยืนถาวร
นางธิดา กล่าวต่อว่า ป.ป.ช.ชี้มูลว่านายกฯ จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อกฎหมาย ทั้งที่บอกว่าพยานหลักฐานยังไม่ปรากฏชัดเจนว่าผู้ถูกกล่าวหามีส่วนร่วมในการทุจริต หรือสมยอมให้มีการทุจริต ทั้งที่ไม่มีพยานหลักฐานชัดเจน แต่กลับชี้มูลได้ ส่วนที่ให้นายกฯ พ้นสภาพ ก็พ้นไปตั้งแต่ยุบสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 180 แล้ว ตอนนี้เป็นแค่รักษาการ อ้างว่ากระทำการต้องห้ามจึงต้องให้พ้นสภาพนายกฯ แล้วทำไมนายอภิสิทธิ์ย้ายพล.ท.สุรพล เผื่อนอัยกา จากเลขาธิการ สมช. ไปเป็นที่ปรึกษานายกฯ ไม่เห็นมีปัญหา ตามข้อเท็จจริงคนที่รับผิดชอบต้องเป็นรัฐมนตรีที่เสนอชื่อมา นายกฯ แค่เป็นคนเซ็นชื่อ แม้นายกฯ จะถูกตัดสินจากศาลรัฐธรรมนูญ หรือ ป.ป.ช. แต่ผู้ที่ตัดสินที่ยิงใหญ่ที่สุดคือประชาชนไทย