WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

PEACE TVนปช.ประกาศสู้! ดิ้นทวงคืนทีวีแดง บุกยื่นอุทธรณ์กสทช. กสท.สั่งถอนใบอนุญาต

     แนวหน้า : นปช.ประกาศสู้! ดิ้นทวงคืนทีวีแดง บุกยื่นอุทธรณ์กสทช. ‘ตู่-เต้น’ขู่ฟ้องทั่วโลก โวยผู้มีอำนาจสั่งการ

      มีปฏิกิริยาจากกลุ่มคนเสื้อแดงหลังคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (บอร์ด กสท.) สั่งปิดสถานีโทรทัศน์พีซทีวี โดยประกาศอย่างแข็งกร้าวที่จะเดินหน้าเคลื่อนไหวเรียกร้องความเป็นธรรมจากทั่วโลก

    โดยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการ “เข้าใจตรงกันนะ”ผ่านสถานีโทรทัศน์พีซทีวีเมื่อวันที่ 28 เมษายนถึงคำสั่งดังกล่าวของกสท.ว่า เป็นปรากฎการณ์ที่มนุษย์สร้างขึ้นและมีธงไว้แล้ว ยืนยันรายการไม่ได้สร้างความแตกแยก ถามว่าความสามัคคีคือการที่ต้องให้คนไทยคิดแบบเดียวกับผู้มีอำนาจ หรือคิดเหมือนกันหมดหรือไม่ ถ้าเป็นแบบนั้นคงเป็นประเทศหุ่นยนต์ ประเทศตุ๊กตา

ลั่นฟ้องให้รู้ทั้งโลก-หาช่องสู้ต่อ

     “หากปิดที่นี่ เราก็หาที่พูดที่อื่น เพราะเราเป็นคนไทยเป็นเจ้าของประเทศคนหนึ่งเหมือนกัน ไม่ต้องขยายผล ไม่ได้ตั้งเวทีหรือชุมนุมเคลื่อนไหวใดๆ แต่เราจะเดินตามแนวทางวิถีของเรา จะไม่เล่นตามที่ผู้มีอำนาจขีดเส้นให้เล่น ถ้าไม่มีสถานีก็จะเล่าผ่านช่องทางต่างๆ องค์กรระดับนานาชาติจะเป็นอีกส่วนหนึ่งที่เราจะต้องประสานอธิบายความให้รับทราบโดยรูปแบบใดก็ตาม เอาเป็นว่าปิดพีซทีวีคราวนี้รู้กันทั้งโลก เรามีหัวใจ เราจัดรายการก็พูดตรงนี้ตลอด ไม่มีเกมใต้ดิน คิดอย่างไรก็ดูจากตรงนี้ เขาขอให้ไปเสวนาเราก็ไป จะปีแล้วพอแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ ก็หาเรื่องทะเลาะกับเรา” นายณัฐวุฒิ กล่าว

ดักคอเล่นเกมกะอยู่ยาว

    และว่า อยากให้ผู้มีอำนาจทำตามโรดแมพ หากมีอุบัติเหตุระหว่างทาง ตนก็มองเรื่องอื่นไม่ได้ นอกจากเกมที่จะอยู่กันยาว ยืนยันการปิดพีซทีวี ไม่ได้ยุติคนเห็นต่างจากผู้มีอำนาจได้ แต่เป็นการเริ่มต้นสถานการณ์บางอย่างที่อยู่ในแผนของบางฝ่ายในขณะนี้ เราไม่ใช่โจรไม่ใช่ผู้ร้าย เรายืนยันกับหลักการที่เราเชื่อ และเชื่อว่าหลักการของเราเป็นหลักการที่คนทั้งโลกเชื่อ

ตุ๊ดตู่”กร้าวถามเป็นภัยกับใคร

   ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.ยืนยันว่า ตลอดเวลาที่จัดรายการมองไกลไม่เคยพูดจาด้วยความสะใจ จึงอยากทราบชื่อคนที่ไปร้อง จะได้พูดคุยให้ถูกว่าอะไรที่เป็นการสร้างความแตกแยกปลุกปั่น เรื่องน้ำเสียงลีลาเป็นบุคลิกส่วนตัว แต่ให้ดูที่เนื้อหา ตนไม่เคยปฏิเสธว่าเราเป็นสื่อเลือกข้าง แต่เราไม่ได้ขาดสติ ตนเคยทักท้วงการปลุกระดมเพื่อให้เกิดลัทธิชาตินิยมคลั่งชาติ จนนำไปสู่ความขัดแย้งกับเพื่อนบ้าน จึงอยากถามว่าตนเป็นเป็นภัยกับความมั่นคงของใคร

ลั่นเดินหน้าสู้จนกว่าหมดลม

    “วิธีการปฏิบัติต่อช่องพีซทีวีวันนี้ ต้องการอะไรเหตุผลที่กล่าวอ้างมันเป็นความเท็จ ไม่มีถ้อยคำใดที่จะยุยงปลุกปั่นเป็นภัยต่อความมั่นคง สร้างความแตกแยกในราชอาณาจักร ถ้าไม่อยากได้ยินเสียงผม ไม่สบายรูหู ก็ให้บอกมาจะให้คนอื่นจัดแทน แต่รายการอื่นๆ เขาก็ยังเดินหน้าได้ปกติ อย่างที่ผมบอกว่าถ้าจะฆ่าผม อย่าระเบิดบ้าน เพราะมีคนอื่นอยู่ในบ้านด้วย ถ้าคิดว่าปิดสถานีแล้วทุกอย่างจะจบ นั้นไม่จบ อะไรที่มันไม่ถูกต้อง มันไม่มีวันจบแน่นอน”นายจตุพรกล่าว

   และตั้งข้อสังเกตว่า การดำเนินการครั้งนี้รีบฉุกเฉิน ทำผิดขั้นตอนมากมาย หนทางชีวิตของตนกับพวกท่านยังต้องสู้กันอีกนานจนกว่าจะหมดลมหายใจ ใครทำอะไรไว้ จำปากตนไว้ บางคนอาจจะคิดว่าได้เปรียบในทางกฎหมาย แต่ทางกฎแห่งกรรมไม่ได้เปรียบตนแน่ เพราะกฎแห่งกรรมไม่มีสองมาตรฐาน จากนี้เราจะเดินทุกวิถีทางเพื่อทวงหาความยุติธรรมต่อไป

ยื่นกสทช.ทวงคืนทีวีเสื้อแดง

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่ายวันเดียวกัน ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ผู้บริหารและผู้ประกาศ สถานีโทรทัศน์ พีซ ทีวี นำโดย นายอนันตศักดิ์ คำเก่าเข้ายื่นหนังสือต่อนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. เพื่อขอความเป็นธรรม โดยขอให้กสทช.ทบทวนเรื่องดังกล่าว และสอบถามเหตุผลการสั่งปิดครั้งนี้

เล็งฟ้องศาลปกครอง-ถวายฎีกา

      โดยนายอนันต์ศักดิ์ คำเก่า กรรมการ บริษัท พีซ เทเลวิชั่นเปิดเผยว่า การเข้ายื่นหนังสือครั้งนี้ ขอให้บอร์ด กสท.ทบทวนมติดังกล่าว และเปิดโอกาสให้บริษัทมาชี้แจง สำหรับขั้นตอนต่อไป หาก กสท. และ กสทช.ไม่แก้ไขมติครั้งนี้ ก็จะยื่นฟ้องศาลปกครอง ถ้าถึงที่สุดแล้วไม่ได้รับความเป็นธรรมก็จะยื่นถวายฎีกาต่อไป ยืนยันเนื้อหารายการที่ออกอากาศทางสถานีไม่กระทบความมั่นคง

กสทช.ยันไร้ใบสั่งการเมือง

  นายฐากรกล่าวหลังรับหนังสือว่า จากนี้จะนำหนังสือไปยื่นต่อพลอ.อ.ธเรศ ปุณศรี ประธาน กสทช.ว่าจะพิจารณาเรื่องนี้เข้าที่ประชุม คณะกรรมการ กสทช.ครั้งต่อไปหรือไม่ ยืนยันเรื่องนี้บอร์ด กสท.ดำเนินการตามขั้นตอน ไม่มีฝ่ายการเมืองสั่งการ การพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตของช่อง พีซ ทีวี ก็เป็นไปตามที่ช่องดังกล่าว ได้เคยลงนามความร่วมมือกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กสทช.และผู้ประกอบกิจการทีวีหลายแห่ง ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว

    “ก่อนหน้านี้เคยตักเตือนสถานีไปหลายครั้ง และมีมติให้ยุติออกอากาศ 7 วัน แต่ครั้งนี้ได้นำเสนอสิ่งที่เข้าข่ายเป็นภัยต่อความมั่นคงซ้ำอีก จึงมีมติให้เพิกถอนใบอนุญาตตามบทลงโทษ มาตรา 37” และยอมรับว่า ช่องทีวีที่ กสทช.มอร์นิเตอร์ทุกช่อง ในประเด็นที่เกี่ยวกับหมิ่นสถาบัน และสร้างความขัดแย้งแตกแยกในสังคม ตอนนี้หลายช่อง อยู่ระหว่างการพิจารณาของกสทช.”นายฐากรระบุ

ดิ้นถอดเทป“เต้น-ตู่”โต้ข้อหายุยง

    มีรายงานด้วยว่า เฟซบุ๊คพีซทีวีได้เผยแพร่ http://upload.siamza.com/1915057 คำถอดเทปรายการมองไกลของนายจตุพร เมื่อวันที่18 เมษายนที่ผ่านมา ที่คณะกรรมการกสท.ระบุว่า เป็นเทปที่มีปัญหาขัดเงื่อนไขบันทึกความร่วมมือที่ลงนามกันไว้ จึงส่งผลให้ คณะกรรมการ กสท.มีมติเพิกถอนใบอนุญาติการออกอากาศของช่อง พีซทีวี

4 พิธีกรสาวแต่งดำประท้วง

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังคณะกรรมการ กสท.มีมติ 4 ต่อ 1 เพิกถอนใบอนุญาตของสถานีโทรทัศน์พีซทีวี 4 พิธีกรสาวของสถานีพีซทีวีแต่งชุดดำออกอากาศ พร้อมแสดงสัญลักษณ์ ปิดหู ปิดตา ปิดปาก และปิดใจ เผยแพร่หน้าจอโทรทัศน์ ทำให้โซเชียลมีเดียเผยแพร่และแชร์ภาพนี้กันอย่างมากมาย พร้อมแสดงความคิดเห็นตำหนิถึงความไม่ถูกต้องในการปฏิบัติหน้าที่ด้วย

นายกฯโยนถามกสทช.เองเอง

   ส่วนท่าทีของรัฐบาลและคสช.ในประเด็นดังกล่าว โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์หลังเดินทางกลับจากการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 26 ที่มาเลเซียในช่วงบ่ายถึงประเด็นดังกล่าวว่า ให้ไปถามกสทช.ดู เรื่องที่อดีตนักการเมืองแสดงความเห็นมากเกินไป ตนไม่รู้ ได้มอบให้เขาไปดูแล้ว แต่ขอถามว่า วันนี้สิ่งที่เขาทำขัดแย้งกับคำสั่งคสช.หรือไม่ กสทช.เขามีกติกาไว้แล้ว

จี้สมาคมฯสื่อคุมไม่ได้ก็ยุบไป

    “ต่อไปพวกสื่อสิ่งพิมพ์ทั้งหมดให้สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ต้องไปจัดการมา ถ้าทำไม่ได้ก็ยุบไป ผมไม่เคยไปห้ามให้เสนออะไรไม่ได้เลย แต่อะไรที่ขัดแย้งกันแล้วเป็นเรื่องจริงผมไม่ว่า แต่หากไม่ใช่เรื่องจริงต้องสังคายนากันหน่อย”นายกฯระบุ

ซัดสื่อด่าแต่รบ.ไม่ปฎิรูปตัวเอง

     ส่วนการปิดพีซทีวีครั้งนี้จะปิดถาวรหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ก่อนหน้านี้ปิดไป 7 วัน เปิดมาก็ทำผิดอีกหรือไม่ ตนเคยบอกแล้วว่า ถ้าไม่ช่วยกันก็ต้องเดือดร้อน ดังนั้น ต้องไปโทษเจ้านายคุณเอง ทั้งบรรณาธิการ เจ้าของโรงพิมพ์ ไปว่ากันเองไม่ใช่ตน เพราะท่านไม่ช่วยเราเลยแต่จะมาปฏิรูปผมอย่างเดียว แล้วทำไมไม่คิดจะปฏิรูปตัวเองบ้าง

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังนายกฯให้สัมภาษณ์ได้ย้อนถามผู้สื่อข่าวว่าหลังจากสัมภาษณ์จะพาดหัวข่าววันพรุ่งนี้อย่างไร จะด่ารัฐบาลอีกหรือไม่ เพราะที่ผ่านมามีแต่พาดหัวว่ารัฐบาลโม้ โว ฟุ้งปัด เพราะสื่อยึดติดแต่คำพวกนี้เท่านั้น

ชี้จม.ข่าวรบ.มีแต่เรื่องดีไม่ด่าใคร

    พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงกรณีสำนักโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแจกจ่ายจดหมายข่าวรัฐบาลเพื่อประชาชน ฉบับปฐมฤกษ์ ปีที่ 1 วันที่ 28 เมษายนให้สื่อมวลชนประจำทำเนียบฯ เพื่อใช้เผยแพร่ผลงานรัฐบาลว่า ตนเพิ่งเห็นพร้อมผู้สื่อข่าวเช่นกัน และในจดหมายข่าวฉบับนี้ก็ไม่ได้สร้างความเสียหายกับใครหรือไปว่าอะไรให้ใครหรือไม่

บิ๊กป้อม”นั่งหัวโต๊ะถกครม.

    สำหรับจดหมายข่าวรัฐบาล ฉบับแรก ที่นายกฯระบุถึงนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าวันเดียวกัน กรมประชาสัมพันธ์ ได้จัดพิมพ์เพื่อเผยแพร่ผลงานรัฐบาลและนำมาแจกให้รัฐมนตรี ผู้บริหาร ข้าราชการในสำนักนายกรัฐมนตรี สื่อมวลชน และนำไปไว้ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงาน ก.พ.จำนวน 300เล่ม โดยมีขนาด เอ 3 จำนวน 8 หน้า จัดพิมพ์ 6 หมื่นเล่ม โดยจัดพิมพ์เพื่อแจกจ่ายทุก 15 วัน

ถวิล”ยันชุดดำต้นตอเหตุรุนแรง

    ส่วนการไต่สวนข้อเท็จจริงคดีสั่งสลายการชุมนุมกลุ่ม นปช.ปี 2553 วันเดียวกันนี้ นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และอดีตเลขาธิการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เข้าให้ถ้อยคำต่อองค์คณะไต่สวนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ในฐานะพยานของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกกล่าวหาคดีดังกล่าว โดยนายถวิลยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้ใช้ความรุนแรงแม้จะถูกชายชุดดำใช้อาวุธร้ายแรงทำร้ายเจ้าหน้าที่จนเสียชีวิต ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตนั้น ไม่ใช่จำนวน 99 ศพ และไม่ได้เกิดจากเหตุเดียววันเดียวเวลาเดียวสาเหตุที่เสียชีวิตคือ ยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ขณะเข้าไปวางกำลังรอบพื้นที่ชุมนุม

กสท.สั่งถอนใบอนุญาต ปิด‘ทีวีแดง’ ภัยมั่นคงชาติ-ผิดซ้ำซาก

        แนวหน้า : กสท.สั่งถอนใบอนุญาต ปิด‘ทีวีแดง’ ภัยมั่นคงชาติ-ผิดซ้ำซาก ‘เต้น’ซัดผู้มีอำนาจบงการ ‘เสรี’ผนึก‘สมบัติ’ล่าชื่อ แก้ร่างรธน.เกือบทั้งฉบับ แฉประชุม 6 เดือนถลุง 21 ล.

    เมื่อวันที่ 27 เมษายน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงภาพรวม 7 วัน ของการอภิปรายร่างรัฐธรรมนูญในสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ว่า ไม่มีปัญหา เพราะเป็นหน้าที่ของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ(กมธ.ยกร่างฯ) ตนเข้าใจว่าตอนนี้อยู่ระหว่างดูรายละเอียดของร่างที่มีการวิพากษ์วิจารณ์จาก สปช.โดยกมธ.ยกร่างฯน่าจะหารืออีกครั้งว่า จะแก้ไขประเด็นใดบ้างส่วนแนวโน้มการทำประชามติทางรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เริ่มหารือกันหรือไม่ เพราะถ้าไม่ทำตอนนี้จะไม่ทันตามโรดแมปนั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ก็ตามที่นายกรัฐมนตรีและผมเคยกล่าวไปแล้ว ทุกอย่างยึดตามกรอบรัฐธรรมนูญชั่วคราว แต่เรื่องนี้ไม่ได้ระบุเอาไว้ว่าจะต้องทำประชามติหรือไม่ทำประชามติ

‘บิ๊กป๊อก’โยนสปช.ตัดสินเอง

    ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า การทำประชามติของรัฐบาลจะเป็นไปได้หรือไม่นั้น 1.รัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดไว้และ2.เวลาไม่น่าจะทันตามโรดแมป ตนคิดว่า น่าจะเป็นข้อสรุปของ สปช.จะดีกว่าที่จะเสนอมายังรัฐบาลว่า จะต้องทำอย่างไร รวมถึงจะต้องให้ คสช.พิจารณา เพราะว่า มีผลกระทบต่อโรดแมป ทั้งการแก้รัฐธรรมนูญและกรอบเวลาที่ต้องเกินออกไป

‘เสรี’ชี้ไม่ตอบโจทย์-หวั่นเสียของ

     นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวว่า ร่างรัฐธรรมนูญที่กมธ.ยกร่างฯได้จัดทำมาขอบอกว่า ยังไม่เห็นทิศทาง เนื่องจากยังไม่ตอบโจทย์ได้ว่า การจะปฏิรูปประเทศให้แล้วเสร็จควรทำอย่างไร เมื่อใด หรือจะดำเนินการอย่างไรที่เป็นรูปธรรม เกรงว่าการปฏิรูปประเทศคราวนี้มีโอกาสจะล้มเหลวสูง เพราะที่ผ่านมาไม่สามารถกำหนดทิศทางให้การปฏิรูปประเทศคราวนี้ประสบความสำเร็จได้ โอกาสที่จะปฏิรูปประเทศสำเร็จเช่นนี้ไม่มีอีกแล้ว น่าเสียดายจริงๆ ตนกลัวจะเสียของ

ผนึก’สมบัติ’ชงแก้เกือบทั้งฉบับ

    นายเสรี ระบุด้วยว่า ในฐานะตนเป็นประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) ปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม สปช.ในวันที่ 28เมษายนนี้ ตนจะร่วมหารือกับคณะ กมธ.ปฏิรูปการเมือง ที่มี นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ เป็นประธาน กมธ.ฯเพื่อพิจารณาการทำคำขอแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญ โดยตนและนายสมบัติ มีความเห็นตรงกันว่า ควรจะแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญเกือบทั้งฉบับ เพราะมีเนื้อหาและรายละเอียดมากเกินไป ควรแก้ไขให้กระชับ สั้นลง เนื้อหาที่แก้ไขส่วนใหญ่จะอยู่ในภาค2 ว่าด้วยผู้นำการเมืองที่ดีและสถาบันการเมือง ซึ่งเห็นตรงกันว่า จะแก้ไขในประเด็นหลัก ๆ เช่น ที่มา สว., ที่มา สส.และกลุ่มการเมือง แต่หากสมาชิกในกลุ่มยังเห็นไม่ตรงกัน อาจให้ถอนชื่อแล้วไปหากลุ่มอื่นเพื่อขอยื่นแก้ไขเพิ่มเติมต่างหาก

เผย 6 ส.ค.เตรียมลงมติร่างแรก

   นายเสรี ยังกล่าวอีกว่า การพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญของสปช.ช่วงวันที่ 6สิงหาคมนั้น จะเป็นวาระของการให้ความเห็นชอบ หรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับนั้น ส่วนตัวเห็นว่า ควรจะเปิดประชุมสปช.เพื่อพิจารณาให้ความเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญที่ กมธ.ยกร่างฯไปแก้ไขมาแล้วตามคำขอเพิ่มเติมของสปช.และภาคอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความรอบคอบว่า เนื้อหาที่มีการปรับแก้ไขแล้วมีอะไรบ้าง จะได้ประกอบการพิจารณาลงมติเห็นชอบ หรือไม่เห็นชอบต่อไป เบื้องต้นเห็นว่าอาจใช้เวลา 3-4วัน ในการพิจารณา โดยการประชุมวิปสปช.ในสัปดาห์นี้ จะนำประเด็นดังกล่าวไปหารือดด้วย

ถก 5 รธน.เดือนฟาดเบี้ยเลี้ยง 21 ล.

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังกมธ.ยกร่างฯจัดทำร่างรธน.ร่างแรก พร้อมรับฟังข้อเสนอจาก สปช.เสร็จสิ้นแล้วและได้เสียงท้วงติงวิพากษ์วิจารณ์และสนับสนุนในหลายประเด็นหลากหลายความคิดเห็น โดย กมธ.ยกร่างฯใช้เวลาพิจารณาตั้งแต่ประชุมครั้งแรกวันที่ 6พฤศจิกายน2557 จนถึงวันที่ 26เมษายน 2558 รวมทั้งสิ้น 88ครั้ง โดยได้รับเบี้ยประชุมตามพระราชกฤษฎีกาเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอื่นของผู้ดำรงตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ พศ.2557 มาตรา4 โดยประธานกมธ.ยกร่างฯ ได้เบี้ยประชุมครั้งละ 9,000บาท หรือคิดยอดรวมประชุม 88ครั้ง คิดเป็นค่าเบี้ยประชุม 792 ,000บาท ขณะที่ กมธ.ยกร่างฯ ที่เป็น สปช. 20คนและสนช.อีก 5คน รวม 25คน ได้เบี้ยประชุมครั้งละ 6,000บาทต่อคน หรือคิดยอดรวมเบี้ยประชุม 88ครั้ง ได้ประมาณคนละ 528,000บาท เมื่อคิดรวม 25คน เป็นเงินประมาณ 13,200,000บาท

   ขณะที่ กมธ.ยกร่างฯ ที่มาจาก ครม.และคสช.จำนวน 10คน ได้รับเบี้ยประชุมเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ50 จาก 6,000บาท เพิ่มอีก 3,000บาทต่อครั้ง หรือได้รับคนละ 9,000บาท เมื่อรวมประชุม 88ครั้ง ได้รับเบี้ยประชุมคนละ 792,000บาท เมื่อคิดรวมทั้ง 10คน ได้เบี้ยประชุมรวมกัน 7,920,000บาท เมื่อรวมยอดประชุมของกมธ.ยกร่างฯ 36คน จำนวน 88 ครั้ง จะได้รับเบี้ยประชุมทั้งสิ้น 21,912,000บาท ขณะที่ กมธ.ยกร่างฯ ยังเหลือการประชุมอีกหลายครั้งจนกว่าจะส่งร่างสุดท้าย ให้สปช.ลงมติไม่เกินวันที่ 6สิงหาคมนี้

พท.สับฉบับ’ผลัดกันเกาหลัง’

     ขณะที่ นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์ แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) เห็นว่า เป้าหมายของการร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้คือ การสืบทอดอำนาจเผด็จการ ดำเนินการด้วยวิธีแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างกัน หากสมาชิก สปช.ลงมติให้ผ่านก็จะมีของขวัญเป็นที่นั่งในสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ 60ที่นั่ง เอาไปแบ่งกันสืบทอดอำนาจเผด็จการต่ออีก 5ปี เหมือนผลัดกันเกาหลัง ส่วนคนที่ได้ประโยชน์สูงสุดคือ คสช.ที่เป็นคนลงทุนปฏิวัติ เพราะไม่ว่าผลการพิจารณารัฐธรรมนูญจะออกมาด้านใด คสช.กินทุกกระดาน เพราะ1.หากรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน สปช.และคสช.ก็แต่งตั้งบุคคลกลุ่มใหม่ทำหน้าที่เป็น สปช.และกมธ.ยกร่างฯ นับหนึ่งยกร่างใหม่ คสช.และครม.ก็อยู่ในอำนาจต่อไปอีกอย่างน้อย 1ปี 2.หากรัฐธรรมนูญผ่านเป็นกฎหมาย รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งก็ไม่สามารถบริหารประเทศได้ เพราะกลไกต่างๆที่ถูกสร้างไว้เป็นข้อจำกัด รวมทั้งมีสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศและคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปแห่งชาติ ซึ่งรับรองได้ว่า คณะกรรมการดังกล่าวคือกลุ่มบุคคลที่โอนมาจาก คสช.เพื่อทำหน้าที่ครอบงำฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร

สุดท้ายคสช.กินรวบทั้งขึ้น-ล่อง

    นายวัฒนา กล่าวอีกว่า 3.ถูกกดดันมากๆ นายกรัฐมนตรีที่มาจากสภาผู้แทนราษฎร อาจทนไม่ไหวต้องไปอัญเชิญนายกรัฐมนตรีที่มาจากคนที่สภาร่างรัฐธรรมนูญออกแบบไว้ รอมาแก้ไขวิกฤติชาติและ4. หากรัฐบาลที่มาจากประชาชนเกิดมีความอดทนเป็นพิเศษ ถูกครอบงำการบริหารแล้วยังไม่ยอมไปเชิญคนนอกมาเป็นนายกรัฐมนตรี จนบริหารไม่ได้ เกิดความวุ่นวาย ก็จะมีคนกลุ่มหนึ่งออกมายึดอำนาจเพื่อนับหนึ่งใหม่ เพราะนักการเมืองวุ่นวาย สรุปแล้วไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร คสช.กินทั้งขึ้นทั้งล่อง เป็นไปตามทฤษฎีสมคบคิด หรือการผลัดกันเกาหลังนั่นเอง

มธ.เสวนา’ปชต.ยุคเปลี่ยนผ่าน’

    วันเดียวกัน คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.) จัดเสวนาหัวข้อ ‘ประชาธิปไตยในยุคเปลี่ยนผ่าน:ยุคเปลี่ยนผ่านประชาธิปไตย’ ซึ่งเป็นการเสวนาโอกาสจัดพิมพ์หนังสือประชาธิปไตยในยุคเปลี่ยนผ่าน ซึ่งเป็นรวมบทความว่าด้วยประชาธิปไตย ความรุนแรงและความยุติธรรม เขียนโดย นายประจักษ์ ก้องกีรติ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มธ.โดยมีผู้ร่วมเสวนา คือ นายนิธิ เอียวศรีวงศ์ นักวิชาการอิสระ อดีตอาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มธ.และนายชัยวัฒน์ สถาอานันท์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มธ.

    โดยนายนิธิ กล่าวว่า หนังสือของ อ.ประจักษ์ เขียนขึ้นก่อนรัฐประหาร2549 กระทั่งถึงปัจจุบัน โดยเนื้อหาเขียนถึงความรุนแรงในการเลือกตั้ง การสืบทอดอำนาจการเมือง ประชาธิปไตยในระยะเปลี่ยนผ่าน ตนเห็นว่า ปัญหาการเมืองไทยในปัจจุบันควรมองปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในบริบทวัฒนธรรม สังคมและเศรษฐกิจด้วย ไม่ควรมองแค่ในเชิงพฤติกรรมของนักการเมือง หรือคู่ขัดแย้งเพียงอย่างเดียว

‘ปิยะบุตร’ชี้อนาคตเกิดวิกฤตอีก

   ด้าน นายปิยะบุตร กล่าวว่า ร่างรัฐธรรมนูญใหม่เป็นร่างที่ยังไม่เปลี่ยนผ่าน หรือเป็นรัฐธรรมนูญที่เปลี่ยนผ่านจากประชาธิปไตยน้อยไปสู่น้อยมาก อีกทั้งเป็นรัฐธรรมนูญที่เป็นระบอบไฮบริด คือมีการเลือกตั้งแต่ไม่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งตนเชื่อว่า อนาคตข้างหน้าะต้องเกิดวิกฤตอีกอย่างแน่นอน

   ขณะที่ นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ปัญหาสังคมไทยตนคิดว่า เกิดจากความขัดแย้งที่ยืดเยื้อ ซึ่งที่ผ่านมาหลายองค์กรได้พยายามแก้ไข แต่เมื่อเวลาผ่านไป องค์กรเหล่านั้นมีความอ่อนด้อยในการแก้ปัญหาด้วย ดังนั้นตนเห็นว่า ควรยึดหลักการประชาธิปไตยในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งดังกล่าว

‘ประจักษ์’ยุปฎิรูปกองทัพด้วย

   นายประจักษ์ กล่าวว่า เหตุการณ์เลือกตั้งวันที่ 2กุมภาพันธ์2557 สะท้อนถึงกลุ่มบุคคลที่มีฐานะและการศึกษาสูงได้ปฏิเสธสถาบันการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ถือเป็นวิกฤตที่ลึกซึ้ง เพราะวิกฤตในปัจจุบันนั้น เป็นการเปลี่ยนผ่านของดุลแห่งอำนาจทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคมครั้งสำคัญ หากประเทศไทยต้องการปฏิรูปอย่างรอบด้านแท้จริงควรจะปฏิรูปสถาบันที่ใช้อำนาจมหาศาล อย่าง กองทัพหรือฝ่ายความมั่นคง เพราะทหารมีโอกาสเป็นผู้ใช้อำนาจละเมิดสิทธิประชาชน ซึ่งการอภิปรายร่างรัฐธรรมนูญของสมาชิก สปช.ที่ผ่านมามีการพูดว่า จะปฏิรูปหลายอย่าง แต่กลับไม่มีสมาชิกคนไหนปฏิรูปกองทัพเลย

ถอนใบอนุญาต”พีซทีวี”ถาวร

    ส่วนความคืบหน้ากรณีที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์(กสท.)ได้มีมติต่อกรณีออกอากาศรายการของช่องพีซทีวีว่า มีเนื้อหาไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก่อนมีคำสั่งปิดสถานี 7วัน นับตั้งแต่วันที่ 10เมษายน2558 แล้วมารับชมได้อีกครั้งในวันที่ 17เมษายน2558 โดยทางสถานีโทรทัศน์พีซทีวีได้กลับมาออกอากาศตามปกติแล้วนั้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ที่มีพ.อ.นที ศุกลรัตน์ เป็นประธานมีมติในที่ประชุมให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์สถานีพีซทีวีแล้ว

ชี้ทำผิดซ้ำซาก-เตือนแล้วไม่ฟัง

   ทั้งนี้ พ.อ.นที ชี้แจงเหตุผลเพิกถอนใบอนุญาตสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมพีซทีวี ที่เปิดโอกาสให้กลุ่มคนที่สนับสนุนกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)และคนเสื้อแดงได้เป็นเวทีในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ผ่านทางเฟซบุ๊คเพจชื่อ“Natee Sukonrat” ว่า เป็นการพิจารณาตามข้อบันทึกข้อตกลงที่พีซ ทีวี ทำไว้กับ กส.ทช.ตั้งแต่เริ่มออกอากาศวันที่ 22 พฤษภาคม2557 จนถึงกรณีคำสั่งให้ยุติการออกอากาศเมื่อวันที่ 10เมษายน2558 ปรากฏว่า ยังคงผิดเงื่อนไข ละเมิดข้อตกลงในลักษณะเดิม เมื่อไม่ปรับปรุงแก้ไข ที่ประชุมจึงมีมติให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการฯ ซึ่งมติดังกล่าวเป็นการพิจารณาตามกระบวนการมาเป็นลำดับ ด้วยการทำความเข้าใจ แจ้งเตือน พักใช้ใบอนุญาตประกอบกิจการฯ เมื่อ กสท.ได้พิจารณาถึงการกระทำโดยถี่ถ้วนว่า เป็นลักษณะกระทำผิดซ้ำซาก จึงมีมติให้เพิกถอนใบอนุญาต

ปลุกปั่น-ยั่วยุ-เสี้ยมให้แตกแยก

  “ช่องรายการตกลงจะไม่ออกอากาศมีเนื้อหาส่อให้เกิดความสับสน ยั่วยุ ปลุกปั่น ให้เกิดความขัดแย้งและสร้างความแตกแยก พร้อมกับมีข้อร้องเรียนการกระทำที่ฝ่าฝืนข้อตกลงมาตามลำดับ ได้มีการตักเตือน ทำความเข้าใจ ในระดับของอนุกรรมการด้านเนื้อหารายการของ กสทช.หลายครั้งหลายวาระด้วยกัน ตั้งแต่เดือนตุลาคม25.57 กระทั่ง กสท.ได้มีมติในการประชุมเมื่อวันที่ 30มีนาคม2558 ให้พักใช้ใบอนุญาตส่งผลให้พีซทีวี ต้องยุติออกอากาศเตั้งแต่วันที่ 10เมษายน2558 จนถึงวันที่ 17เมษษยน2558 เมื่อ พีซทีวีออกอากาศอีกครั้งในวันที่ 18เมษายน25.58 ก็ยังมีเนื้อหาละเมิดต่อข้อตกลงฯในลักษณะเดิมอีก ที่ประชุมจึงมีมติให้เพิกถอนใบอนุญาตดังกล่าว” พ.อ.นที ระบุ

‘เต้น’เชื่ออำนาจแฝงแบนทีวีแดง

    ด้าน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.กล่าวถึงกรณี กสท.เพิกถอนใบอนุญาตสถานีโทรทัศน์พีซ ทีวี ว่าขณะนี้ฝ่ายกฎหมายกำลังจะดำเนินการคัดค้าน หรือปกป้องสิทธิ โดยอาจยื่นอุทธรณ์มติของ กสท.หรือไปที่ศาลปกครองเพื่อขอคุ้มครองชั่วคราว เนื่องจากพีซทีวีเป็นองค์กรภาคเอกชนที่ประกอบธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนตัวเชื่อว่ามตินี้มาจากอำนาจที่เหนือ กสท.หากอธิบายว่า หยุดออกอากาศไป 7วัน แล้วกลับมาออกวันที่ 18เมษายน ยังทำผิดอีกนั้น คงเข้าใจได้ว่า การหยุดออกอากาศครั้งที่แล้วเพราะมีธงจะเพิกถอนในวันนี้ เปรียบเป็นการให้ใบเหลืองสร้างความชอบธรรมก่อนให้ใบแดง ตนไม่เข้าใจผู้มีอำนาจในขณะนี้ว่า สถานการณ์ที่จำเป็นต้องได้รับความเห็นที่หลากหลายเพื่อประโยชน์ในการร่าง รธน. หรือสร้างความปรองดอง แต่กลับปิดกั้นช่องทางแสดงความเห็นที่แตกต่างเท่ากับว่า ความคิดเห็นของคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่ตรงกับผู้มีอำนาจถูกปฏิเสธที่จะรับฟัง แล้วบ้านเมืองจะเดินสู่ประชาธิปไตยได้อย่างไร

'เต้น'ซัดโดนแกล้งร้องศาลปค. เชื่ออำนาจมือสั่งปิด'PEACE TV'

     แนวหน้า : นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการกลุ่ม นปช. คนเสื้อแดง เปิดเผยกรณี กสท. เพิกถอนใบอนุญาตสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม  PEACE TV ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการ แต่ที่ทราบคิดว่า คงจะเป็นมติให้เพิกถอนจริง ขณะนี้ฝ่ายกฎหมายกำลังจะดำเนินการคัดค้านหรือปกป้องสิทธิในการดำเนินของสถานี PEACE TV โดยอาจจะยื่นอุทธรณ์มติของ กสท. หรือไปที่ศาลปกครองเพื่อขอคุ้มครองชั่วคราว เนื่องจากสถานี PEACE TV เป็นองค์กรภาคเอกชนที่ประกอบธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มตินี้นอกจากกระทบสิทธิเสรีภาพแล้วยังกระทบการประกอบธุรกิจของสถานี้ด้วย ดังนั้นฝ่ายกฎหมาย จึงใช้ช่องทางตามกฎหมายเพื่อปกป้องสถานีอย่างเต็มที่

   ส่วนตัวผมเชื่อว่า มติแบบนี้มาจากอำนาจที่เหนือ กสท. หากอธิบายว่าหยุดออกอากาศไปแล้ว 7 วัน แล้วกลับมาออกอีกทีเมื่อวันที่ 18 เม.ย.แล้วยังทำผิดอีกนั้น คงเข้าใจได้ทันทีว่า การหยุดออกอากาศครั้งที่แล้วเพราะมีธงจะเพิกถอนในวันนี้ เปรียบเป็นการให้ใบเหลืองก่อน เพื่อเป็นการสร้างความชอบธรรมในการให้ใบแดง ผมก็ไม่เข้าใจผู้มีอำนาจในขณะนี้ว่า สถานการณ์ที่จำเป็นต้องได้รับความเห็นที่หลากหลายเพื่อประโยชน์ในการร่าง รธน. หรือสร้างความปรองดอง แต่กลับปิดกั้นช่องทางแสดงความเห็นที่แตกต่าง ก็เท่ากับว่าความคิดเห็นของคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่ตรงกับผู้มีอำนาจจึงถูกปฏิเสธที่จะรับฟัง แล้วแบบนี้บ้านเมืองจะเดินไปข้างหน้าสู่ความเป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร”

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!