- Details
- Category: กสทช.
- Published: Thursday, 02 October 2014 17:52
- Hits: 3006
วันที่ 02 ตุลาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8709 ข่าวสดรายวัน
'ฐากร'ยัน 7 ตค. ปัญหาช่อง 3 จบ
เลขาฯกสทช.การันตีไม่มี'จอดำ'แน่นอน ชี้ช่อง 3 อนาล็อก นำรายการไปออกคู่ขนานดิจิตอล ได้ไม่ผิดมาตรา 9 นัดประชุมกสท.อีกครั้ง 7 ต.ค. เชื่อเรื่องนี้ยุติก่อน 11 ต.ค.ตามคำสั่งศาลปกครอง ส่วนคูปองแลกซื้อกล่องดิจิตอลส่งไปรษณีย์ถึงบ้านกลางเดือนนี้ "อาร์เอส"ฟ้องกสท.บังคับใช้กฎมัสต์แฮฟให้ถ่ายบอลโลกผ่านฟรีทีวี ไม่เป็นธรรม-ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย
จากกรณีคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) มีคำสั่งให้โครงข่ายดาวเทียมและเคเบิลทีวียุติการแพร่ภาพช่อง 3 อนาล็อก ล่าสุดศาลปกครองมี คำสั่งทุเลาให้กสท.และช่อง 3 ไปหารือถึงการแก้ปัญหาแล้วกลับมาแจ้งให้ทราบภายในวันที่ 11 ต.ค.นี้ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 1 ต.ค. นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30 ก.ย. กสทช.ทำหนังสือถึงบริษัทบีอีซี-มัลติมีเดีย จำกัด แจ้งให้ทราบตามมติของกสท. เมื่อวันที่ 29 ก.ย.ให้บริษัทบีอีซี-มัลติมีเดียส่งผังรายการช่องดิจิตอล 33 เอชดีมาให้กสทช.พิจารณา จากนั้นจะเสนอต่อที่ประชุมบอร์ดกสท.ในวันที่ 7 ต.ค.นี้ เชื่อว่าเรื่องทั้งหมดจะยุติลงได้ก่อนวันที่ 11 ต.ค.ตามคำสั่งของศาลปกครองเมื่อวันที่ 26 ก.ย. ได้ให้ช่อง 3 และกสท.มาเจรจาหาข้อสรุปร่วมกัน
"เชื่อมั่นว่าจะไม่มีจอมืดและจอดับแน่นอน ส่วนกรณีที่ช่อง 3 อนาล็อกนำรายการไปออกอากาศช่องดิจิตอลทั้ง 28 เอสดี และ 33 เอชดีนั้น ระหว่างนี้สามารถทำได้ ไม่ผิดมาตรา 9 พ.ร.บ.ประกอบการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ปี 2551" เลขาฯกสทช.กล่าว
นายฐากร กล่าวต่อว่า ส่วนการแจกคูปองทีวีดิจิตอลมูลค่า 690 บาท ให้ประชาชนจำนวน 4.65 ล้านฉบับ ใน 21 จังหวัด เพื่อให้ประชาชนนำไปแลกซื้อ หรือเป็นส่วนลดกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอล (เซ็ตท็อปบ็อกซ์) จะมีการจัดส่งผ่านทางไปรษณีย์ คาดว่าถึงแต่ละครัวเรือนประชาชน วันที่ 14-15 ต.ค.นี้ ประชาชนที่ได้รับคูปองแล้ว สามารถนำไปแลกกล่องได้ในวันที่ 20 ต.ค.นี้เป็นวันแรก ปัจจุบันมี 42 บริษัทขายกล่องที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติจาก กสทช.แล้ว และยังมีอีก 60 บริษัทยื่นความจำนงเข้าร่วมโครงการ กำลังอยู่ระหว่างตรวจสอบหากผ่านคุณสมบัติแล้ว จะประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการทุกๆ 15 วัน
เลขาฯกสทช.กล่าวว่า โดยจะเชิญผู้ประกอบการที่ผ่านคุณสมบัติมาประชุมชี้แจง และทำความเข้าใจร่วมกันในประเด็นหลักได้แก่ 1.ขั้นตอนการปฏิบัติในการลงทะเบียนผู้เข้าร่วมโครงการในระบบ 2.การขอสติ๊กเกอร์ร่วมโครงการของผู้เข้าร่วมโครงการ 3.การใช้สิทธิหรือการใช้คูปองของประชาชน 4.ขั้นตอนการบริการหลังการขาย และ 5.ขั้นตอนการเรียกเก็บเงินของผู้เข้าร่วมโครงการ โดยคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ หรือคตร. จะเข้าร่วมด้วย สำหรับข้อวิตกกังวลขณะนี้ คือการป้องกันการทุจริต ยืนยันว่าทุกกระบวนการจะดำเนินการให้รอบคอบรัดกุม พร้อมกำชับบริษัทขายกล่อง ต้องไม่มีการโกงแม้แต่ 1% เพราะคสช.กำชับให้การแจกคูปองเป็นไปอย่างโปร่งใส ไม่มีการทุจริต เพราะถือเป็นโครงการคืนความสุขให้กับประชาชน
นายฐากร กล่าวต่อว่า จากนี้กสทช.จะซุ่มตรวจหากพบบริษัทที่ขายกล่องรายใดทุจริต จะตัดสิทธิ์เข้าร่วมโครงการพร้อมอายัดเงินและคูปองบริษัทนั้นทันที แล้วยังถูกแจ้งความดำเนินคดีทางกฎหมาย ส่วนงบประมาณที่ คสช.อนุมัติมา 400 กว่าล้านเพื่อจัดพิมพ์คูปองรวมทั้งค่าจัดส่งและวางระบบ ขณะนี้ใช้จ่ายไปแล้วทั้งกระบวนการจำนวน 220 ล้านบาท งบที่เหลือจะนำคืนเป็นรายได้แผ่นดิน
เลขาฯกสทช.กล่าวว่า วันที่ 8 ต.ค.นี้ จะสาธิตการใช้คูปองผ่านการถ่ายทอดสดทางช่องฟรีทีวี เพื่อสร้างความเข้าใจกับประชาชนให้นำคูปองไปใช้ได้อย่างถูกต้อง จากนั้นวันที่ 16 ต.ค.จะตรวจโครงข่ายทีวีดิจิตอลในพื้นที่ 21 จังหวัดที่นำร่องแจกคูปองเพื่อไม่ให้มีปัญหาในการรับชม แม้ว่า 21 จังหวัดสัญญาณจะครอบคลุมแล้วกว่า 80% แต่บางพื้นที่ยังมีปัญหาอย่างในกรุงเทพฯ ย่านราชเทวี และราษฎบูรณะ ส่วนจ.สุพรรณบุรี มีปัญหามากที่สุดในบางอำเภอที่ไม่สามารถรับชมได้เลย โดยขณะนี้กำลังตั้งสถานีฐานเพิ่มเติม
วันเดียวกัน ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายสุพรรณ เสือหาญ ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากบริษัทอาร์เอส อินเตอร์เนชั่นแนล บรอดคาสติ้ง แอนด์ สปอร์ต แมเนจเม้นท์ จำกัด (อาร์เอสบีเอส) ในเครือบริษัทอาร์เอส จำกัด (มหาชน) เจ้าของลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายนที ศุกลรัตน์ ประธาน กสท. เป็นจำเลยในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 จากกรณีออกหลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สำคัญที่ให้เผยแพร่ได้เฉพาะในบริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป หรือกฎมัสต์แฮฟ ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 ซึ่งไม่เป็นธรรมทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย
นายสุพรรณ กล่าวว่า การแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 ที่ผ่านมา กสท.ได้บังคับใช้กฎมัสต์แฮฟ เพื่อให้บริษัทอาร์เอสบีเอสถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลกผ่านทางฟรีทีวี ซึ่งไม่เป็นธรรม บริษัทจึงใช้สิทธิยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองจนกระทั่งศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาว่ากฎมัสต์แฮฟดังกล่าว เป็นการใช้ดุลพินิจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย การที่เจ้าหน้าที่รัฐออกกฎระเบียบข้อบังคับโดยไม่ชอบและไม่เป็นธรรม บริษัทเห็นว่าควรจะต้องรับผิดชอบ จึงยื่นฟ้องคดีต่อศาลอาญาในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อดำเนินการเอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง และเกิดการกระทำเช่นนี้อีก
นายสุพรรณ กล่าวว่า นอกจากนี้ให้เป็นบรรทัดฐานให้เจ้าหน้าที่รัฐต้องบังคับใช้กฎหมายด้วยความเป็นธรรม เสมอภาค และรับผิดชอบต่อสิ่งที่กระทำไป การกระทำดังกล่าวทำให้บริษัทได้รับความเสียหายและเดือดร้อนทั้งในแง่ของทรัพย์สิน ชื่อเสียงและเวลาที่ต้องใช้ในการต่อสู้เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรม ขั้นตอนหลังจากนี้จะเป็นกระบวน การตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป