- Details
- Category: กสทช.
- Published: Sunday, 28 September 2014 11:35
- Hits: 3097
วันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8705 ข่าวสดรายวัน
ศาลปค.ติงคู่กรณี อย่าตีขลุมคำสั่ง คดี'ช่อง 3-กสท.'
ไม่ได้สั่งช่อง 3 ออกคู่ขนาน ศาลปกครองแจง แค่ทุเลามติ กสท.เพราะคู่กรณีขอเวลา 15 วัน ไปปรึกษาหาทางออกที่จะทำให้เกิดจอดำในระบบโครงข่ายทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวี จนประชาชนต้องเดือดร้อน เตือนคู่กรณี ไม่ควรตีความเข้าข้างตัวเอง คาดก่อนถึงกำหนดน่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้นสำหรับทุกฝ่าย
จากกรณี เมื่อวันที่ 26 ก.ย. ที่ผ่านมา ศาลปกครองกลางไต่สวนฉุกเฉินคดีที่สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ได้ยื่นฟ้องสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) คณะกรรมการกสทช. และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.)
เพื่อขอให้เพิกถอนมติกสท. เมื่อวันที่ 8 ก.ย. ที่ห้ามไม่ให้โครงข่ายทีวีดาวเทียมและเคเบิลนำช่อง 3 ระบบอนาล็อกมาออกอากาศในโครงข่ายของตน หรือจอดำโดยศาลมี คำสั่งทุเลา มติกสท.ดังกล่าว ให้ยืดระยะเวลาให้ช่อง 3 ถึงวันที่ 11 ต.ค. โดยหลังจากการไต่สวนเสร็จสิ้น กรรมการกสท. 3 ราย ที่เข้าร่วมการไต่สวน ออกมาแถลงข่าวทำนองว่า ศาลให้ช่อง 3 ออกคู่ขนานไม่เกิน 11 ต.ค.ตามข่าวที่เสนอไปแล้ว
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 27 ก.ย. รายงานข่าวระดับสูงของศาลปกครองกลางแจ้งว่า สำหรับการไต่สวนของศาลปกครองในคดีที่สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ยื่นฟ้อง กสทช. และกสท.นั้น ในการไต่สวนคู่กรณีได้แถลงต่อศาลว่าจะไปตกลงทำความเข้าใจกันเพื่อหาข้อยุติข้อพิพาทในคดีนี้ ศาลจึงมีคำสั่งให้ทุเลาการบังคับตามมติกสท.เมื่อวันที่ 8 ก.ย. ออกไปจนถึงวันที่ 11 ต.ค. เวลา 16.30 น. โดยให้คู่กรณีแจ้งผลความคืบหน้าในการหารือให้ศาลทราบภายในกำหนดเวลาดังกล่าว
การที่ศาลมีคำสั่งในลักษณะนี้ เป็นการพิจารณาโดยยึดเอาประโยชน์ของสาธารณะเป็นที่ตั้ง ซึ่งศาลมองไปถึงผลกระทบที่จะเกิดต่อประชาชนจากมติข้อบังคับของกสท. จึงได้มีการพิจารณาว่าอะไรเป็นจุดกึ่งกลาง ที่จะไม่ทำให้เกิดผลเสียต่อคู่กรณีและกระทบประโยชน์สาธารณะ จึงให้เวลาคู่กรณีทั้งสองฝ่ายไปเจรจายุติข้อพิพาท โดยให้ทุเลามติดังกล่าวของกสท.ออกไปก่อน
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ในคำสั่งของศาลไม่ได้มีการระบุไปถึงให้ช่อง 3 ต้องดำเนินการออกอากาศคู่ขนานตามเวลาที่กำหนดแต่ อย่างใด ศาลแค่บอกให้คู่กรณีไปพูดคุยยุติ ข้อพิพาทตามเวลาที่กำหนด โดยเป็นคำสั่งในลักษณะที่ให้ไปหาทางออกร่วมกันและจะทำอย่างไรไม่ให้ผิดข้อบังคับของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงถือว่าเป็นการเปิดโอกาสให้คู่กรณียืดหยุ่นกันคนละก้าว เพราะนี่เป็นคดีปกครองที่ต้องมีการพิจารณาวินิจฉัยในหลายด้า
ศาลจึงได้พยายามสร้างความสมดุลระหว่างประโยชน์สาธารณะกับการบังคับใช้ระเบียบข้อบังคับทางราชการ ดังนั้น ผู้ที่เกี่ยวข้องจึงต้องคำนึงว่าศาลมีคำสั่งแค่ไหนก็ให้เอาแค่นั้น ไม่อยากให้มีการตีความให้เป็นประโยชน์เข้าข้างตัวเอง ซึ่งภายในช่วงเวลา 15 วัน ก่อนถึงวันที่ 11 ต.ค. นี้ คู่กรณีอาจมีการเจรจาโดยผลออกมาเป็นไปในทิศทางที่ดีต่อทั้งสองฝ่ายก็เป็นได้