- Details
- Category: กองทัพบก
- Published: Saturday, 21 November 2015 17:57
- Hits: 11662
ไม่พบทุจริต บิ๊กหมูยืนยัน-ราชภักดิ์ เรื่องหักหัวคิวใหไปถาม'บิกโด่ง'รับมีจริงโต๊ะจีน 1 ล.-ต้นไม้ 3 แสน ส่วนพล.ต.กับพ.อ.ที่หนีก็ไม่เกี่ยว
ผบ.ทบ.'บิ๊กหมู'ยืนยันอุทยานราชภักดิ์ไม่มีทุจริต ส่วนเรื่องหัวคิวให้ไปถาม'บิ๊กโด่ง' อดีตผบ.ทบ.คนริเริ่มโครงการ ยอมรับโต๊ะจีนโต๊ะละ 1 ล้าน และต้นไม้ต้นละ 3 แสนเป็นเรื่องจริง แต่นำเงินเข้าบัญชีถูกต้องเรียบร้อย ไม่จำเป็นต้องให้ป.ป.ช.เข้ามาสอบ ไม่ต้องรายงานนายกฯ เพราะเป็นเรื่องภายในกองทัพ อยากให้สังคมใช้สติคิด อย่าเชื่อโซเชี่ยลมีเดียให้มาก "ศรีวราห์"นำสำนวนคดี 112 ของ'อาท'เลขาฯหมอหยองส่งอัยการศาลทหาร รองโฆษกตร.ย้ำเรื่องทุจริตต้องมีผู้มาร้องทุกข์ ถ้ามีตร.จะดำเนินการทันที
วันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9124 ข่าวสดรายวัน
ไม่ทุจริต - พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. แถลงผลตรวจสอบโครงการอุทยาน ราชภักดิ์ ระบุไม่มีทหารกระทำผิดทุจริต ส่วนเรื่องค่าหัวคิว ให้ไปถาม พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และอดีตผบ.ทบ. ที่กองบัญชาการกองทัพบก เมื่อวันที่ 20 พ.ย.
'บิ๊กหมู'แถลงสอบราชภักดิ์
เมื่อวันที่ 20 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแถลงข่าวผลสอบข้อเท็จจริง โครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยพล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. เจ้าหน้าที่ทหารจัดห้องแถลงข่าวใหม่โดยเปลี่ยนมุมที่ตั้งของโพเดี้ยม และให้เรียกว่าการสัมภาษณ์ ไม่ใช่การแถลงข่าว โดยให้สื่อมวลชนซักถามในประเด็นที่สงสัย และห้ามสถานีโทรทัศน์ถ่ายทอดสด
เวลา 11.30 น. พล.อ.ธีรชัยขึ้นกล่าวบน โพเดี้ยมว่า ปัจจุบันนี้ข้อมูลข่าวสารทางโซเชี่ยลมีความสำคัญมากกับบ้านเมืองเราในขณะนี้ ใครอยากทราบประเด็นใดให้สอบถามมาได้เลย ผู้สื่อข่าวถามว่าผลการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์มีประเด็นใดบ้าง พล.อ.ธีรชัยกล่าวว่า คณะกรรมการที่ตั้งขึ้นเพื่อตรวจสอบว่า การจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงขณะนี้มีอะไรบ้าง สิ่งไหนที่ทำไปแล้ว หรือสิ่งไหนที่ยังไม่ได้ทำ ตลอดจนสิ่งที่มีปัญหาต่างๆ เนื่องจากตนจะเข้าไปรับมาดำเนินการต่อ ต้องเข้าใจว่าอุทยานราชภักดิ์ เป็นของกองทัพบก เพราะปลูกสร้างในที่ดินของกองทัพบก กองทัพบกจึงต้องเป็นผู้ดูแลโครงการทั้งหมด แต่ดำเนินการจัดสร้างโดยอดีตผบ.ทบ.คนที่แล้วด้วยเงินบริจาค ฉะนั้นเมื่อท่านเกษียณไปแล้ว ในช่วงแรกจะให้ท่านดำเนินการต่อในฐานะที่เป็นผู้ริเริ่มโครงการ แต่มีข้อติดขัดตนจึงปล่อยไปไม่ได้ ต้องรับมาทำต่อ ก่อนที่จะรับมาทำต่อก็ต้องตรวจสอบว่า สิ่งไหนที่ทำแล้วหรือสิ่งไหนที่ยังไม่ได้ทำ ผลการตรวจสอบเรียบร้อยทุกอย่างตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน
ยันไม่มีทุจริต-หัวคิวให้ถามบิ๊กโด่ง
เมื่อถามว่าไม่พบการทุจริตใช่หรือไม่ ผบ.ทบ.กล่าวว่า ตามบัญชีรายได้ที่ได้มาจากการบริจาค เข้ามาในกองทุนและดำเนินการออกไปในการใช้จ่ายถูกต้องทุกอย่าง เพราะมีระบบการเงินดูแลถูกต้องทุกอย่าง เมื่อถามว่าสังคมอาจตั้งข้อสงสัยว่ามีการช่วยเหลือกันหรือไม่ ผบ.ทบ.กล่าวว่า สังคมคือใคร สังคมคือโซเชี่ยลมีเดียใช่หรือไม่ ตอนนี้สังคมไทยอ่านอะไรก็เชื่อ หูเบา ไม่มีสติในการให้เหตุผล ฉะนั้นจะฟังหรือรู้อะไรจากโซเชี่ยลมีเดีย ขอให้มีสติ
ส่วนกรณีที่พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม อดีตผบ.ทบ. ยอมรับว่าเซียนพระหักค่าหัวคิวโรงหล่อนั้น ผบ.ทบ.กล่าวว่า มองว่าท่านไม่ได้ยอมรับอะไร เรื่องนี้อยากให้ท่านชี้แจง และสื่อมวลชนควรไปถามท่านเอง จะเรียกว่าค่านายหน้า หรืออะไรก็แล้วแต่ไปถามท่านเอง ยืนยันการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ ไม่มีการทุจริต หรือองค์กรที่ดำเนินการ บุคคลที่ดำเนินการ ถ้าหากมีบุคคลที่หาผลประโยชน์จากองค์กรนี้หากตรวจสอบเจอก็ไม่ละเว้นอยู่แล้ว ต้องเข้าใจว่าการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ เป็นโครงการที่ดี ดำเนินการอย่างโปร่งใส ถ้าจะมีกำลังพลของบุคคลใดที่แอบแฝง และหวังประโยชน์จากโครงการนี้ ดำเนินการทุกราย
ยอดเงินบริจาคพันกว่าล้าน
ต่อข้อถามว่าในการตรวจสอบ 7 วันที่ผ่านมา ไม่พบทุจริตใช่หรือไม่ พล.อ.ธีรชัยกล่าวว่า ตนไม่ได้ตรวจสอบ ตนดูในเรื่องของบัญชีการดำเนินงาน เพราะว่าจะต้องมารับช่วงต่อจากของเดิม มียอดเงินเหลืออยู่ในบัญชีกองทัพบกเท่าไรที่จะได้ดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ต้องเข้าใจด้วยว่าโครงการนี้ไม่ได้มีงบประมาณรองรับ เป็นเงินบริจาคทั้งสิ้น ถ้าเงินไม่พอ ก็ต้องหาวิธีดำเนินงานต่อเพื่อให้โครงการสำเร็จลุล่วง ตรงตามวัตถุประสงค์ ขณะนี้ยอดเงินบริจาคในบัญชีของกองทัพบกมีทั้งหมดประมาณ 33 ล้านบาท ยังไม่รวมเงินบริจาคที่อยู่ในมูลนิธิอุทยานราช ภักดิ์ ที่เป็นนิติบุคคลไม่เกี่ยวข้องกับกองทัพบก
เมื่อถามว่า ยอดเงินบริจาคทั้งหมดของโครงการมีเท่าไร พล.อ.ธีรชัยอุทานขึ้นว่า "โห" แล้วกล่าวต่อว่า เยอะพอสมควร ประมาณ 1,000 กว่าล้านบาท และได้นำไปจัดสร้างในส่วนต่างๆ ก็เยอะ เช่น พระรูป 45 ล้านบาท คูณ 7 องค์ ลานอเนกประสงค์อีก ซึ่งมีข้อมูลรายรับรายจ่ายทั้งหมดสามารถเปิดเผยได้ ไม่มีอะไรต้องปิดบัง
"กองทัพบกเป็นเจ้าของและต้องดูแลโครงการนี้อยู่แล้ว ผมในฐานะผู้บัญชาการทหารบกที่จะมารับช่วงต่อ ผมต้องตรวจสอบว่า ในส่วนนี้มีอะไรที่ดำเนินการไปแล้ว อะไรที่ยังไม่ดำเนินการ ตลอดจนปัญหาข้อขัดข้อง เมื่อผมทราบแล้วว่าขณะนี้ตัวเลขอยู่ตรงไหน ผมก็จะเริ่มวางแผนดำเนินการก่อสร้างต่อให้สำเร็จ" พล.อ.ธีรชัยกล่าว
พล.ต.-พ.อ.ที่หนีไม่เกี่ยวราชภักดิ์
ต่อข้อถามว่ารมช.กลาโหม อดีตผบ.ทบ. ออกมายอมรับว่ามีการหักค่าหัวคิวจากโรงหล่อจริงและมีการคืนเงินไปแล้ว ถือว่าความผิดสำเร็จแล้วหรือไม่ พล.อ.ธีรชัยกล่าว่า ต้องไปถามท่าน เพราะเงินเอาไปคืนท่าน โรงหล่อทั้งหมด 6 โรง หล่อพระรูป 7 พระองค์ ในประเทศไทยมีโรงหล่อที่หล่อได้องค์ใหญ่ๆ ขนาดนี้เพียง 7 โรงหล่อเท่านั้น และมีอยู่ 1 โรงหล่อที่ได้หล่อ 2 พระองค์ โดยราคาแต่ละองค์อยู่ที่ 41-45 ล้านบาท มีการจ่ายเงินเป็นงวดๆ แต่งวดสุดท้ายยังไม่จ่าย เพราะสัญญาจัดจ้างต้องดูเรื่องของคุณภาพจนแน่ใจถึงจะจ่ายงวดสุดท้าย ส่วนกรณีที่มีข่าวภายหลังจากที่ไปเอาเงินคืน จากผู้ที่หักหัวคิว และทางโรงหล่อได้บริจาคให้กับมูลนิธิแล้วนั้น มีใบเสร็จเรียบร้อย ทั้งหมดรวม 20 ล้านบาท มีบัญชีเรียบร้อยอยู่ในกองทุน
เมื่อถามว่า บุคคลที่ถูกพาดพิงก่อนหน้านี้ไม่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนของเซียนพระและทหารใช่หรือไม่ พล.อ.ธีรชัยกล่าวว่า ตนไม่ทราบเพราะดูตามบัญชี เมื่อถามว่าจากการตรวจสอบมีทหารเข้าไปเกี่ยวข้องมากน้อยแค่ไหน และระดับใดบ้าง พล.อ.ธีรชัยกล่าวว่า ยังไม่มี แต่ถ้าภายหน้ามีตนไม่ต้องการใบเสร็จอยู่แล้วจะดำเนินการทันที
เมื่อถามว่านายทหารยศพล.ต.ที่ลาออก และพ.อ.คชาชาต บุญดี ที่หลบหนีไปเกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือไม่ พล.อ.ธีรชัยกล่าวว่า เป็นคนละเรื่อง อาจเกี่ยวข้องกับงานอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานราชภักดิ์ เมื่อถามว่าเงินที่อยู่ในมูลนิธิสามารถดึงกลับเข้ากองทัพบกได้หรือไม่ พล.อ.ธีรชัยกล่าวว่า เงินอยู่ในมูลนิธิ 120 กว่าล้านบาท เมื่อถามว่าผบ.ทบ.จะรับตำแหน่งประธานมูลนิธิหรือไม่ พล.อ.ธีรชัยกล่าวว่า ไม่เกี่ยว ตนเป็นผบ.ทบ.ดูแลโครงการอุทยานราช ภักดิ์อยู่แล้วโดยหน้าที่ ซึ่งอุทยานราชภักดิ์อยู่ในพื้นที่ของกองทัพบก ก็ต้องดูแล การบริหารการจัดการต่อไปเป็นหน้าที่ของตน และคณะใหม่ที่จะดำเนินการ
ไม่ได้ตรวจสอบอดีตผบ.ทบ.
"ต้องเข้าใจว่า มูลนิธิเป็นนิติบุคคล ประธานมูลนิธิคือผบ.ทบ.คนเก่า และประธานมูลนิธิไม่ได้เป็นโดยตำแหน่ง และมีกรรมการอยู่ 6 คน ซึ่งผมอ่านตามที่ท่านส่งมาให้ผมดู ยืนยันว่าต่อจากนี้ไปมูลนิธิจะไม่มีส่วนในการบริหารงานอุทยานราชภักดิ์ เพราะเป็นส่วนของกองทัพบก ในส่วนของเงินบริจาคที่อยู่ในมูลนิธิ ถ้าหากกองทัพบกใช้เงินบริจาคที่อยู่ในกองทัพบกหมดไปแล้ว เช่น ถ้าผมจะจัดสร้างสำนักงานอุทยานราชภักดิ์ ผมก็จะทำแผนงานเสนอมูลนิธิ แล้วมูลนิธิอนุมัติเอาเงินมาให้ ผมก็จะสร้าง หรือมูลนิธิอยากจะสร้างในส่วนของพิพิธภัณฑ์ที่ยังไม่แล้วเสร็จให้จบ มูลนิธิต้องทำหนังสือมายังกองทัพบกขอสนับสนุนในการจัดสร้าง เอาเงินมาให้ผมสร้าง ทั้งนี้ ยืนยันว่าการบริหารอุทยานอยู่ในความดูแลของกองทัพบก จะดูแลอย่างไร จะหาเงินอย่างไร หรือจะใช้เงินบริจาค หรือเรี่ยไรเงินจากกำลังพลของกองทัพบก 2 แสนกว่าคน ให้ช่วยกันดูแล ซึ่งผมยังไม่ได้คิด" พล.อ.ธีรชัยกล่าว
ต่อข้อถามว่ายืนยันได้หรือไม่ว่าอดีตผบ.ทบ.ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต ผบ.ทบ.กล่าวว่า ตนไม่เคยพูดสักคำว่ามีการทุจริต สื่อพูดเอง ถามว่าเอาหลักฐานมาจากไหน หรือเอามาจากโซเชี่ยลอย่างเดียว เมื่อถามว่าข้อมูลจากคณะกรรมการตรวจสอบการจัดสร้างอุทยานฯ ไม่พบข้อมูลที่อดีตผบ.ทบ.เกี่ยวกับการทุจริตใช่หรือไม่ ผบ.ทบ.กล่าวว่า ยืนยันอีกครั้งว่าตนไม่ได้ตรวจสอบในเรื่องนี้
ไม่ต้องให้ป.ป.ช.เข้ามาสอบ
"ส่วนความสัมพันธ์กับพล.อ.อุดมเดชที่มีข่าวลือว่าไม่ถูกกันนั้น คุณไปลือกันเองหรือเปล่า นักข่าวทั้งหลายปีที่แล้วพวกคุณจำกันได้หรือไม่ ส่งเสริมสนับสนุนยกย่อง ตามข่าวทั้งหมดพวกคุณทั้งนั้น ปีนี้คุณก็มาใส่ร้ายป้ายสีเขา ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน คงจะต้องมีการตรวจผู้สื่อข่าวเหมือนกัน ที่มีอยู่กลุ่มหนึ่ง พอถึงเวลาก็เปลี่ยนท่าที ปีที่แล้วชมกันจัง ยกยอปอปั้นสารพัด ปีนี้ให้ร้ายเขาแล้ว มีอะไรหรือเปล่าผมไม่รู้" พล.อ.ธีรชัยกล่าว
เมื่อถามว่า จะให้ป.ป.ช.เข้ามาตรวจสอบหรือไม่ พล.อ.ธีรชัยกล่าวว่า ไม่เกี่ยว เพราะมันไม่มีอะไรถ้ามีตนคงไม่ปล่อยอยู่แล้ว และไม่ต้องการใบเสร็จ ดำเนินการเลย ตนไม่เคยพูดว่าภายหลังการสอบสวนแล้วจะแจ้งความดำเนินคดีกับใคร กองทัพบกไม่เคยพูด ข่าวมาจากโซเชี่ยลทั้งนั้น ตนจะไม่เดินตามโซเชี่ยล อยากให้มีสติกันบ้าง อยากเขียนข่าวก็เขียนกันไปไม่ได้ว่าอะไร อ่านแล้วสนุกดี ไปตอบโต้ก็เท่านั้น
ต่อข้อถามว่า หลังจากแถลงข่าววันนี้ ห่วงกระแสสังคมตีกลับหรือไม่ พล.อ.ธีรชัยกล่าวว่า อยากให้ใช้สติคิดว่าเป็นไปได้หรือไม่ ส่วนจะมีปฏิกิริยากลับมายังกองทัพหรือไม่นั้นตนไม่ทราบ ส่วนเอกสารปลอมที่หลุดออกมาก่อนหน้านี้ถ้าเป็นสื่อสายทหารอ่านก็จะรู้ว่าปลอม ยกเว้นถ้าเป็นสื่อโหราศาสตร์จะไม่รู้ว่าปลอม ส่วนจะฝากอะไรถึงฝ่ายการเมืองที่ออกมาเรียกร้องให้ตรวจสอบเรื่องนี้นั้นคงไม่จำเป็นต้องบอก อ่านเองรู้ ยกเว้นอยากสร้างปัญหา คนที่ต้องการความสงบมีเยอะ แต่คนไม่อยากให้สงบก็มี เรื่องนี้ไม่ใช่จุดด่างพร้อยของกองทัพบก เพราะไม่ได้ทำอะไร
ยอมรับโต๊ะจีน 1 ล้าน-ต้นไม้ 3 แสน
เมื่อถามว่าหลังจากนี้คณะกรรมการชุดนี้จะไม่ตรวจสอบอะไรเพิ่มเติมอีกแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ธีรชัยกล่าวว่า ตนได้ข้อมูลแล้วว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไรกับอุทยานราชภักดิ์ให้สำเร็จลุล่วง ส่วนการตรวจสอบการทุจริตหากมีอะไรต่อไปข้างหน้าตนไม่ปล่อยอยู่แล้ว ทั้งนี้ จะตรวจสอบข้อมูลด้วยว่ามีข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ไม่ใช่ว่านำมาจากโซเชี่ยลมีเดีย ส่วนจะต้องประสานกับทางตำรวจหรือไม่นั้นขณะนี้ตำรวจก็ยังไม่ได้พูดอะไร
ทั้งนี้ พล.อ.ธีรชัยกล่าวยืนยันว่าราคาโต๊ะจีนโต๊ะละ 1 ล้านบาท และต้นไม้ต้นละ 3 แสนบาทที่เกี่ยวข้องกับอุทยานราชภักดิ์นั้นเป็นเรื่องจริง ซึ่งเงินได้นำมาเข้ากองทุน โดยเจ้าของต้นไม้ได้บริจาคต้นไม้มา และเมื่อมีการจัดกิจกรรม และมีการบริจาคเงินเลยให้มาจ่ายเป็นค่าต้นไม้จากนั้นบริจาคเข้ากองทุน
ลั่นจะเอาให้ตายกันเลยหรือ
เมื่อถามว่า หากสื่อจะขอตรวจสอบรายรับรายจ่ายของอุทยานราชภักดิ์ทั้งหมดได้หรือไม่ พล.อ.ธีรชัยกล่าวว่า "สื่อไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะตรวจสอบ ผมเป็นผู้ดำเนินการคงไม่ต้องเอากันให้ตายหรือจะเอาให้ตายกันไปเลย หรือประหารชีวิต 7 ชั่วโคตร อยากให้ดูเจตนาคนบ้าง ถ้าเป็นแบบนี้จะอยู่กันอย่างไร มีความสุขกันอย่างไร เขาไม่มีอะไรและไม่ได้ทำอะไรก็จะให้ผิดให้ได้ เขาอยู่เฉยๆ เขาเจตนาดีก็จะให้เขาผิดให้ได้ สังคมไทยเป็นอะไรกันตอนนี้ อย่างไรก็ตามผลการสอบสวนนี้ไม่จำเป็นต้องรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบ เพราะเป็นเรื่องภายในกองทัพบก"
ทางด้านพล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 13.00 น.ตนเดินทางไปที่บก.ปอท. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับผู้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กทำให้ตนเองเสื่อมเสียชื่อเสียงเกี่ยวกับโครงการอุทยานราช ภักดิ์ หลังแจ้งความแล้วให้เป็นหน้าที่ของตำรวจทำตามขั้นตอนต่อไป
ส่งสำนวน'อาท'ให้อัยการทหาร
วันเดียวกัน เวลา 11.15 น.ที่ศาลทหาร กรุงเทพฯ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท.รองผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายมาตรา 112 นำสำนวนคดีเข้ายื่นต่ออัยการศาลทหาร โดยมีพล.ต.วิทยา พ่วงพันธุ์งาม หัวหน้าอัยการศาลทหาร เป็นผู้รับมอบสำนวน
พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า พนักงานสอบสวนนำสำนวนคดีหมิ่นเบื้องสูง 1 สำนวน ที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานมาส่งอัยการศาลทหารเพื่อพิจารณาสั่งฟ้องเอาผิดแก่ผู้ต้องหาที่ 3 คือ นายจิรวงศ์ หรืออาท วัฒนเทวาศิลป์ เลขา นุการส่วนตัวของผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 คือ นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง และพ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา ซึ่งทั้งคู่เสียชีวิตไปแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้อง สั่งฟ้อง
พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวต่อว่า สำหรับสำนวนคดีที่เหลืออยู่ระหว่างเร่งรัดพิจารณา คาดว่าจะสรุปได้เร็วๆ นี้ เนื่องจากต้องใช้เวลาทางเทคนิคในการตรวจสอบวัตถุพยานหลักฐาน เช่น วิทยุและอาวุธปืน ขณะที่การสืบสวนสอบสวนจนถึงขณะนี้ยังไม่พบข้าราชการกระทำความผิดเพิ่มเติม แต่หากหลักฐานเชื่อมโยงถึงใครจะดำเนินคดีถึงที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสำนวนคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูงมีทั้งสิ้น 16 สำนวน ส่งอัยการศาลทหารแล้ว 1 สำนวน อยู่ระหว่างพิจารณาของคณะทำงานคดี 112 อีก 12 สำนวน และอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานของบช.ก. อีก 3 สำนวน
ตร.ย้ำต้องมีผู้ร้องทุกข์ทุจริต
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต. ทรงพล วัธนะชัย รองโฆษก ตร. กล่าวถึงการตรวจสอบทุจริตโครงการก่อสร้างอุทยาน ราชภักดิ์ ว่า ขณะนี้เป็นเรื่องเฉพาะของหน่วยงาน ที่ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้นมาสอบสวนหาผู้กระทำผิด หากพบว่ามีมูลความผิดตามขั้นตอนคณะกรรมการจะเป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวน โดยเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏขึ้น มีการกระทำผิดจริงตำรวจไม่สามารถนิ่งเฉยได้ ต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย
เมื่อถามว่า การหักค่าหัวคิวถือว่ามีการ กระทำผิดแล้วหรือยัง รองโฆษก ตร.กล่าวว่า ข้อเท็จจริงที่นำประเด็นนี้ไปโยงว่าเป็นการกระทำผิดแล้ว ตำรวจยังไม่สามารถวินิจฉัยข้อสงสัยตรงนี้ได้ ทั้งนี้ ต้องมีบุคคลเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์แล้วให้พนักงานสอบสวนดำเนินการ ยืนยันว่าถ้ามีการแจ้งความร้องทุกข์พนักงานสอบสวนจะดำเนินการทันที เมื่อถามว่าเอกสารลับที่เปิดเผยถึงการทุจริตในอุทยานราชภักดิ์มีการตรวจสอบแล้วหรือไม่ รองโฆษก ตร.กล่าวว่า ตนยังไม่ได้รับข้อมูล
วรชัยชี้'บิ๊กหมู'ทิ้งปริศนา
วันเดียวกัน นายวรชัย เหมะ อดีตส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ได้ฟังพล.อ.ธีรชัย แถลงผลการตรวจสอบอุทยานราชภักดิ์ โดยระบุว่ารายได้เข้ากองทุนถูกต้องทุกขั้นตอน โปร่งใสและไม่มีการทุจริต แต่ประเด็นหักหัวคิวโรงหล่อให้ไปถามพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม อดีตผบ.ทบ.นั้น ถือเป็นการทิ้งปริศนาอะไรให้สังคมคิดหรือไม่ ทั้งนี้ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏชัดเจนว่ามีการเรียกรับหัวคิว ซึ่ง รมช.กลาโหมเป็นคนออกมายอมรับเอง แล้วแบบนี้เรียกว่าโกง เรียกว่าทุจริตคอร์รัปชั่นหรือไม่
"เชื่อว่า สังคมรู้อยู่แก่ใจว่าความจริงเป็นอย่างไร เชื่อว่าคนไทยต่างรู้สึก โดยเฉพาะเรื่องการเก็บค่าหัวคิว ซึ่ง รมช.กลาโหมระบุว่าเกิดขึ้นจริงแต่ได้บริจาคคืนกลับมาแล้ว ถือว่าเรื่องควรจบหรือ ผมเลยไม่เข้าใจว่าการที่ผบ.ทบ.แถลงข่าวลักษณะนี้ ทั้งๆ ที่มีหลักฐานชัดเจน จะทำให้สังคมเกิดความกังขาได้ว่าเป็นการปกป้องคนสีเดียวกันหรือไม่ หรือแถลงเพื่อสร้างภาพว่าตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว อยากเรียกร้องกองทัพเอาความจริงมาพูดกัน ไม่เช่นนั้นทั้งกองทัพรวมถึงรัฐบาลจะเสียเครดิตเสียเอง" นายวรชัยกล่าว
'ราชภักดิ์'สรุปไร้ทุจริต 'บิ๊กหมู'แจง โยนถามโด่งปม'หัวคิว'โรงหล่อบริจาคให้ 20 ล้าน รับต้นไม้ 3 แสน-โต๊ะจีน1ล แบบัญชีทบ.-มูลนิธิ 100 ล. ฉุนซักยิบโวยจะฆ่ากันรึไง ตร.ส่งฟ้อง'อาท'คดีม.112
'ศรีวราห์'หอบสำนวนส่งอัยการศาลทหาร สั่งฟ้อง"อาท"คดีหมิ่นเบื้องสูง'บิ๊กหมู'แถลงผลตรวจสอบ'อุทยานราชภักดิ์" การันตีบัญชีเงินเข้า-ออกไร้ทุจริต โปร่งใส ยอมรับโต๊ะจีน 1 ล้าน ปลูกต้นไม้ 3 แสน โรงหล่อบริจาคเงินเข้ามูลนิธิ 20 ล. ส่วนปมหัวคิวโยนถาม"บิ๊กโด่ง'ปัด"พล.ต.-คชาชาต'ไม่เกี่ยวทุจริตราชภักดิ์
'บิ๊กหมู'ยัน'ราชภักดิ์'ไร้ทุจริต
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 20 พฤศจิกายน พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) แถลงผลสอบโครงการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่ บก.ทบ. หลังจาก พล.อ.วีรัณ ฉันทศาสตร์โกศล ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก (ปธ.คปษ.ทบ.) ประธานคณะกรรมการตรวจสอบการจัดสร้างโครงการอุทยานราชภักดิ์ ตรวจสอบข้อมูลครบ 7 วันและสรุปผลส่ง ผบ.ทบ ตามกำหนด ว่าคณะกรรมการที่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อจะตรวจสอบว่าการดำเนินการของอุทยานราชภักดิ์ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันมีอะไรบ้าง อะไรที่ทำไปแล้ว อะไรที่ยังไม่ได้ทำ แล้วสิ่งที่มีปัญหาต่างๆ มีอะไร เพราะตนจะเข้าไปรับดำเนินการต่อ ทั้งนี้ต้องเข้าใจว่าอุทยานราชภักดิ์เป็นของกองทัพบก ซึ่งจัดสร้างในที่ดินกองทัพบก อีกทั้งกองทัพบกเป็นผู้ดูแลทั้งหมด โดยการจัดสร้างเริ่มในสมัย พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมและอดีต ผบ.ทบ. ด้วยเงินผู้บริจาคทั้งหมด เพราะฉะนั้นเมื่อ พล.อ.อุดมเดชเกษียณไปแล้ว จะให้ทำต่อเพราะเป็นคนริเริ่ม แต่มาถึงตอนนี้จะรับทำต่อไปเอง ก่อนจะรับทำต่อต้องขอตรวจสอบเสียก่อน ผลการตรวจสอบก็เรียบร้อยทุกอย่างตรวจสอบได้
"ตามบัญชีทุกอย่าง รายได้ที่บริจาคเข้ามาที่กองทุนและการใช้จ่ายถูกต้อง เพราะมีการเงินดูแลอยู่ทุกขั้นตอน ไม่มีการทุจริต แต่ในนามองค์กรที่ดำเนินการหรือบุคคลที่หาประโยชน์จากโครงการนี้ ถ้าตรวจสอบเจอผมจะไม่เลี้ยงไว้ อยากให้เข้าใจว่าโครงการนี้เป็นสิ่งที่ดี ดำเนินการอย่างโปร่งใส่ ถ้ามีบุคคลหรือกำลังพลที่หวังประโยชน์จากโครงการนี้จะดำเนินการทุกราย" พล.อ.ธีรชัยกล่าว
โยน"บิ๊กโด่ง"แจงปมหักหัวคิว
ผู้สื่อข่าวถามว่า 7 วันที่ตรวจสอบ ไม่พบการทุจริต พล.อ.ธีรชัยกล่าวว่า "ผมไม่ได้ตรวจสอบ แต่จะดูบัญชี ดูการดำเนินงานว่าจะรับต่ออย่างไร พอตรวจสอบแล้วพบว่าการดำเนินงานเป็นเช่นนี้ มีเงินเหลือเท่าไหร่ที่จะทำต่อ ต้องเข้าใจว่าโครงการนี้ไม่มีเงินงบประมาณ แต่ต้องใช้เงินบริจาคทั้งสิ้น ถ้าเงินไม่พอคงหาวิธีดำเนินการทำต่อเพื่อให้สำเร็จให้ได้ ทั้งนี้ข้อมูลการใช้จ่ายต่างๆ สามารถเปิดเผยได้ เงินบริจาคไม่มีอะไรต้องปิดบัง"
เมื่อถามถึงกรณี พล.อ.อุดมเดชออกมาระบุถึงการเรียกค่าหัวคิวก่อนหน้านี้ พล.อ.ธีรชัยกล่าวว่า ต้องไปถาม พล.อ.อุดมเดชเองแล้วกัน เมื่อถามย้ำว่ายืนยันหรือไม่ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ไม่เกี่ยวข้องกับการทุจริต พล.อ.ธีรชัยกล่าวว่า "มันมีทุจริตอะไร ผมไม่เคยพูดสักคำ ถ้าจะมีผู้สื่อข่าวก็พูดเอง หลักฐานอยู่ไหน" เมื่อถามถึงความสัมพันธ์ระหว่าง ผบ.ทบ.กับ พล.อ.อุดมเดชเป็นอย่างไร เพราะมีกระแสข่าวลือว่าไม่ลงรอยกัน พล.อ.ธีรชัยกล่าวว่า "นักข่าวทั้งหลาย ปีที่แล้วจำกันได้หรือไม่ ส่งเสริมสนับสนุนยกย่องทั้งหมด พวกคุณทั้งนั้น ปีนี้คุณก็มาใส่ร้ายป้ายสีเขา ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ดังนั้นคงต้องตรวจสอบนักข่าวบ้าง พอถึงเวลาก็เปลี่ยนท่าทีทันที"
ปัด'พล.ต.-พ.อ.'ไม่เกี่ยวราชภักดิ์
เมื่อถามว่า พล.ต.ที่ลาออกจากราชการเกี่ยวข้องกันหรือไม่ พล.อ.ธีรชัยกล่าวว่า คนละเรื่อง น่าจะเป็นเรื่องอื่น คงไม่เกี่ยวกับอุทยานราชภักดิ์ เมื่อถามว่า กรณี พ.อ.คชาชาต บุญดี อดีตฝ่ายเสนาธิการประจำกองทัพภาคที่ 3 ที่หลบหนีไปพม่าเกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือไม่ พล.อ.ธีรชัยกล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับอุทยานราชภักดิ์ น่าจะเป็นเรื่องอื่น เมื่อถามถึงเงินที่อยู่ในมูลนิธิ ทบ.จะนำเอามาได้หรือไม่ พล.อ.ธีรชัยกล่าวว่า ตอนนี้เงินอยู่ในมูลนิธิประมาณร้อยกว่าล้าน (อ่านรายละเอียด น.2)
'บิ๊กน้อย'แจ้งความมือโพสต์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง พล.อ.ธีรชัย แถลง พล.อ.สุรเชษฐ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 13.00 น. ได้เดินทางไปที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับผู้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ซึ่งทำให้ตนเองเสื่อมเสียชื่อเสียง โดย พล.อ.สุรเชษฐกล่าวว่า หลังแจ้งความดังกล่าวจะดำเนินการอย่างไร คงเป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะทำตามขั้นตอนต่อไป
'วรชัย'เชื่อสังคมรู้แก่ใจ
นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ได้ฟัง พล.อ.ธีรชัยแถลงผลการตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ โดยระบุว่ารายได้เข้ากองทุนถูกต้องทุกขั้นตอน โปร่งใส และไม่มีการทุจริต แต่ประเด็นการหักหัวคิวโรงหล่อพระบรมรูปให้ไปสอบถามกับ พล.อ.อุดมเดชนั้น ถือเป็นการทิ้งปริศนาอะไรให้สังคมคิดหรือไม่ ทั้งนี้เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏชัดเจนว่ามีการเรียกรับหัวคิว ซึ่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมก็เป็นคนออกมายอมรับเอง แล้วแบบนี้เรียกว่าทุจริตคอร์รัปชั่นหรือไม่
"เชื่อว่าสังคมรู้อยู่แก่ใจว่าความเป็นจริงเป็นอย่างไร เชื่อว่าคนไทยต่างรู้สึกไม่พอใจโดยเฉพาะเรื่องการเก็บค่าหัวคิว ซึ่ง รมช.กลาโหมระบุว่าเกิดขึ้นจริงแต่ได้บริจาคคืนกลับมาแล้ว ถือว่าเรื่องควรจบหรือ ผมเลยไม่เข้าใจว่าการที่ ผบ.ทบ.แถลงข่าวในลักษณะนี้ทั้งๆ ที่มีหลักฐานชัดเจน จะทำให้สังคมเกิดความกังขาได้ว่าเป็นการปกป้องคนสีเดียวกันหรือไม่ หรือแถลงเพื่อสร้างภาพว่าตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว ผมอยากเรียกร้องให้ทางกองทัพเอาความจริงมาพูดกัน ไม่เช่นนั้นทั้งกองทัพรวมถึงรัฐบาลจะเสียเครดิตเสียเอง" นายวรชัยกล่าว
ป.ป.ช.มอนิเตอร์ปมอุทยานฯ
ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี นายวิชา มหาคุณ กรรมการและโฆษกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.อ.ธีรชัยแถลงผลการสอบสวนการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ว่า กำลังติดตามการชี้แจงดังกล่าว และได้มอบหมายให้เลขาธิการ ป.ป.ช.และเจ้าหน้าที่ติดตามรวบรวมข้อมูล โดยเป็นการติดตามข่าวสารจากสื่อมวลชนและส่งเจ้าหน้าที่ของสำนักการข่าวในสำนักงาน ป.ป.ช.ไปประสานงานกับทางกองทัพบก เพื่อนำข้อมูลมาดูว่าจะมีความเชื่อมโยงกันอย่างไร เนื่องจากแต่เดิมเป็นคดีที่เกี่ยวกับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ทั้งนั้น แต่ยังไม่ใช่เรื่องทุจริต ส่วนที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติให้เลขาธิการ ป.ป.ช.ประสานงานไปยังกองทัพบกเพื่อขอข้อมูลเรื่องดังกล่าว จะมีการประสานไปหลัง ผบ.ทบ.แถลงเสร็จสิ้นแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากพบว่าปัญหาทุจริตในโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์มีทหารเข้าไปเกี่ยวข้อง ป.ป.ช.ต้องรีบดำเนินการสอบสวนหรือไม่ นายวิชากล่าวว่า อย่าเพิ่งว่าไปก่อน ต้องรอให้แถลงข่าวเพื่อความชัดเจนเสียก่อน แล้วทาง ป.ป.ช.จึงค่อยนำมาพิจารณาตามกฎหมายว่าเมื่อเรื่องเข้าสู่ ป.ป.ช.แล้วจะสั่งให้แสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมหรือไม่ อย่างไร เมื่อถามว่า ป.ป.ช.จะกล้าตั้งอนุกรรมการขึ้นไต่สวนเรื่องนี้หรือไม่ นายวิชากล่าวว่า จะกล้าหรือไม่กล้าไม่รู้ แต่เรารู้ว่าเรามีหน้าที่ต้องทำ เพราะไม่เช่นนั้นเลขาธิการ ป.ป.ช.คงไม่นำเรื่องเข้าหารือในที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน
'อาท'เจอหมายจับเพิ่ม5หมาย
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต. ทรงพล วัธนะชัย ผบก.น.6 รองโฆษก ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่า ภายหลัง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ลงนามคำสั่งเห็นชอบสั่งฟ้องเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน และได้ส่งสำนวนกลับไปยังกองคดีสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว หลังจากนี้เป็นหน้าที่ของหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนต้องนำสำนวนส่งฟ้องต่ออัยการศาลทหารกรุงเทพเพื่อดำเนินการพิจารณาต่อไป ส่วนสำนวนอื่นๆ อีก 12 สำนวนที่เหลือ คณะพนักงานสอบสวนจะทยอยส่งให้กับกองคดีพิจารณาเช่นเดียวกับสำนวนแรก โดยได้พยายามเร่งรัดการทำสำนวนคดีอย่างรวดเร็ว จากการตรวจสอบยังพบผู้กระทำผิดเพียง 3 คน ประกอบด้วย นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ หรืออาท เลขาฯคนสนิทหมอหยอง และ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา อดีตสารวัตรกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สว.กก.1 บก.ปอท.) โดยยังไม่มีผู้ต้องหาคนอื่นๆ เพิ่มเติม
"ในกรณีของนายจิรวงศ์นั้นมีการเพิ่มหมายจับอีก 5 หมาย แต่เดิมมีการแจ้งข้อหาอาวุธปืน และต่อมามีการเพิ่มข้อหาว่ามีความเชื่อมโยงกับคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูงด้วย หลังจากนี้พนักงานสอบสวนพยายามเร่งรัดสรุปสำนวนส่งให้กับชุดคณะของพนักงานสอบสวนคดีหมิ่นฯ และส่งให้ ผบ.ตร.ลงนามต่อไป" พล.ต.ต.ทรงพลกล่าว
ปมราชภักดิ์ยังไม่ร้องทุกข์ตร.
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของการตรวจสอบการทุจริตโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ พล.ต.ต.ทรงพลกล่าวว่า ขณะนี้เป็นเรื่องเฉพาะของหน่วยงาน ที่มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้นมาสอบสวนหาผู้กระทำผิด หากพบว่ามีมูลความผิด ตามขั้นตอนคณะกรรมการฯ จะเข้ามาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน โดยเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏ มีการกระทำผิดจริงตำรวจก็ไม่สามารถนิ่งเฉยได้ และต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย
เมื่อถามว่ากระแสการหักค่าหัวคิวนั้น เป็นนัยยะที่เกิดขึ้นแล้วหรือยัง พล.ต.ต.ทรงพลกล่าวว่า ข้อเท็จจริงที่นำประเด็นนี้มาแล้วไปโยงว่าเป็นการกระทำผิดแล้ว ทางตำรวจยังไม่สามารถวินิจฉัยข้อสงสัยตรงนี้ได้ ทั้งนี้ต้องมีบุคคลเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์แล้วให้พนักงานสอบสวนดำเนินการเอง ยืนยันว่าถ้ามีการแจ้งความร้องทุกข์กลับมา ทางพนักงานสอบสวนจะดำเนินการทันที เมื่อถามต่อว่าเอกสารลับที่เปิดเผยถึงการทุจริตในอุทยานราชภักดิ์ จากการตรวจสอบแล้วมีรายงานเพิ่มเติมหรือไม่ รอง โฆษก ตร.กล่าวสั้นๆ ว่า ยังไม่ได้รับข้อมูลมา และขอลงไปประสานก่อน
'ศรีวราห์'ส่งฟ้องหมิ่นศาลทหาร
ที่ศาลทหาร กรุงเทพฯ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รักษาราชการแทน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 นำสำนวนคดีหมิ่นฯเข้ายื่นต่ออัยการศาลทหาร โดยมี พล.ต.วิทยา พ่วงพันธุ์งาม หัวหน้าอัยการศาลทหาร เป็นผู้รับมอบสำนวน ทั้งนี้ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ฝ่ายพนักงานสอบสวนนำสำนวนคดีหมิ่นเบื้องสูง 1 สำนวน ที่ทางตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานมาส่งให้อัยการศาลทหารเพื่อให้พิจารณาสั่งฟ้องเอาผิดแก่ผู้ต้องหาที่ 3 คือ นายจิรวงศ์ ส่วนนายสุริยันและ พ.ต.ต.ปรากรม ซึ่งทั้งคู่เสียชีวิตไปแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องสั่งฟ้อง
พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวต่อว่า สำหรับสำนวนคดีที่เหลืออยู่ในระหว่างการเร่งรัดพิจารณา ซึ่งคาดว่าจะสรุปได้ในเร็วๆ นี้ เนื่องจากต้องใช้เวลาในทางเทคนิคในการตรวจสอบวัตถุพยานหลักฐาน เช่น วิทยุและอาวุธปืน ขณะที่การสืบสวนสอบสวนขณะนี้ยังไม่พบข้าราชการกระทำความผิดเพิ่มเติม แต่หากหลักฐานเชื่อมโยงถึงใครก็จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสำนวนคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูงมีทั้งสิ้น 16 สำนวน ส่งให้อัยการศาลทหารแล้ว 1 สำนวน อยู่ระหว่างพิจารณาของคณะทำงานคดี 112 อีก 12 สำนวน และอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานของกองบัญชาการสอบสวนกลางอีก 3 สำนวน
ส่งกองคดีเพิ่มอีก 5 สำนวน
ที่กองคดีอาญา สำนักกฎหมายและคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ นำสำนวนคดีแอบอ้างสถาบัน 5 สำนวน โดยมี พ.ต.อ.มนัส ศิกษมัต รักษาราชการแทนผู้บังคับการกองคดีอาญา สำนักงานกฎหมายและคดี เป็นผู้รับมอบสำนวน พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า นำสำนวนคดีแอบอ้างสถาบันเรียกรับผลประโยชน์ 5 สำนวน มีผู้ต้องหา 2 ราย คือ นายสุริยันและนายจิรวงศ์กระทำความผิดในข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ มาส่งให้กองคดีอาญาฯพิจารณากลั่นกรองและเสนอความเห็นไปยัง พล.ต.อ.จักรทิพย์ เห็นชอบอนุมัติ ทั้งนี้ แต่ละสำนวนเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระ โดยพนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้องนายจิรวงศ์ รับสารภาพทุกข้อกล่าวหา ส่วนนายสุริยันถึงแก่ความตายอันเป็นเหตุให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไป อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนมั่นใจในพยานหลักฐานว่าสามารถสั่งฟ้องผู้ต้องหาได้
ชงคดี'คชาชาต'หมิ่นสัปดาห์หน้า
"ทั้ง 5 สำนวนนี้มีลักษณะความผิดคล้ายกับสำนวนแรกที่ส่งไปให้เจ้าหน้าที่อัยการศาลทหารเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา คือเป็นความผิดเกี่ยวกับการแอบอ้างสถาบันเรียกรับผลประโยชน์ แต่ไม่เหมือนกันทั้งหมด เพราะเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระต่างเรื่องกัน มีที่เกิดเหตุ 5 แห่ง คือ กรุงเทพฯ 2 สำนวน จ.พระนครศรีอยุธยา 1 สำนวน และ จ.สมุทรปราการ 2 สำนวน ทำให้ขณะนี้สำนวนคดีที่อยู่ในความรับผิดชอบของผมเหลืออีก 7 สำนวน เชื่อว่าไม่น่าเกินสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้จะแล้วเสร็จสมบูรณ์" พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าว และว่า ส่วนการตรวจสอบโครงการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ หากการตรวจสอบของคณะกรรมการของทางกองทัพไม่พบความผิดก็คงต้องเป็นไปตามนั้นก่อน เพราะคดีนี้ต้องมีผู้เสียหายมาร้องทุกข์กล่าวโทษ จนถึงขณะนี้ทางกองทัพยังไม่ได้เข้ามาร้องทุกข์กับตำรวจ รวมทั้งยังไม่มีประชาชนเข้ามาร้องทุกข์เช่นกัน
ด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ได้รับรายงานจาก พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) ว่าจะส่งสำนวนคดี 112 อีก 3 สำนวน ซึ่งมี พ.อ.คชาชาต บุญดี หรือ เสธ.โจ้ เป็นหนึ่งในผู้ต้องหาให้ คาดว่าคงดำเนินการในสัปดาห์หน้า จากนั้นจะส่งให้คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนชุดที่มี พล.ต.ท.ศรีวราห์ เป็นหัวหน้าไปสอบสวนทันที