- Details
- Category: อาชญากรรม
- Published: Friday, 06 November 2015 19:29
- Hits: 9152
เงินหยอง-เมีย'พ.อ.'โยงกัน! ประสานพม่าล็อกตัว
ทัพภาค 3-ยื่นหนังสือขอช่วยล่า หลักฐานชัดร่วมพบเจ้าสัวด้วย บิ๊กหมูเซ็นแล้ว-ให้พลตรีลาออก บี้เคลียร์เงินงอกในบัญชี 20 ล้าน
ตามตัว- เอกสารลงนามโดยพ.อ.ยุทธพงศ์ กลันทะกะสุวรรณ ทำการแทนประธานคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นไทย-เมียนมา จ.แม่ฮ่องสอน ขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่เมียนมา ติดตามตัวนายทหารยศพันเอก ที่เดินทางผ่านด่านแม่สอด-เมียวดีโดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อวันที่ 5 พ.ย. |
'บิ๊กหมู'เซ็นอนุมัติแล้ว ให้'พล.ต.' คู่หู'พ.อ'พัวพันคดีหมอหยองลาออกจากราชการ พร้อมส่งเรื่องให้'บิ๊กป้อม'ดำเนินการ ส่วนความคืบหน้าของคดีทีมสืบสวน-สอบสวนพบหลักฐานสำคัญมัดตัวแน่น ทั้งร่วมกับหมอหยองไปพบกับ"เจ้าสัวน้ำเมา"เรียกเงินสนับสนุน จากนั้นก็นำว่าจ้างทำเสื้อไบค์ ฟอร์ มัม โดยใช้บริษัทที่เป็นพรรคพวกกันดำเนินการแล้วกินส่วนต่าง จากนั้นเอาไปซื้อคอนโดฯ สาวคนสนิทของ พันเอกคนดังที่เชียงใหม่ ส่วนกรณี"พล.ต.'นั้นตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่ามีในบัญชีกว่า 20 ล้าน จึงให้ชี้แจงว่าได้มาอย่างไรภายใน 3 วัน ด้านกองทัพภาคที่ 3 ส่งหนังสือประสานกรรมการชายแดนท้องถิ่นพม่า-ไทย ขอให้ส่งตัว'พ.อ.'ที่หลบหนีเข้าไปในพื้นที่กลับประเทศ เผยเจ้าตัวยังไม่มาทำงานจน ถึงขณะนี้โดยที่ไม่มีใบลาถือว่าขาดราชการ ถ้าหากครบกำหนด 15 วันก็จะถูกสั่งปลดตามระเบียบของกองทัพ
วันที่ 06 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9109 ข่าวสดรายวัน
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 5 พ.ย. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีข่าวว่ามีนายทหารยศพล.ต.และพ.อ.อาจมีส่วนพัวพันกับความผิดในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ในขบวนการแอบอ้างสถาบันว่า ไม่มี และมีที่ไหน ตนยังไม่ได้รับรายงานใดๆ ทั้งสิ้น และเดินทางไปประเทศมาเลเซียเมื่อวันที่ 4 พ.ย. เห็นหนังสือพิมพ์ลงข่าวว่ามี นายทหารเกี่ยวข้องประมาณ 50 นายนั้น ตนถามว่ามีที่ไหน เพราะหากมีรายละเอียดอย่างไร เจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยพล.ต.ท. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท.รองผบ.ตร. ต้องรายงานมาที่ตน
เมื่อถามว่า จำเป็นหรือไม่ว่าต้องรอออกหมายจับ จึงรายงานภายหลัง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มี เพราะถ้ามีอะไรที่เกี่ยวข้องก็ต้องบอกตน ไม่มีอะไร อย่าไปตื่นเต้นกันมาก เมื่อถามถึงกรณีที่มีภาพพ.อ.ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ขณะที่กำลังเดินทางออกไปประเทศเพื่อนบ้าน พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เรื่องนี้ก็แล้วแต่บุคคล เขาอาจมีเรื่องที่จะ ต้องไป แต่เรื่องหมายจับยังไม่มี ส่วนที่มีชื่อถูกพาดพิงก็เป็นเรื่องส่วนตัวเขา และจะเป็นเรื่องอะไรก็ไม่ทราบ แต่ยังไม่มีเรื่องหมายจับ
เมื่อถามว่า หากมีหมายจับออกมาแล้วทางกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพจะไม่ปกป้องใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ใครผิดก็ต้องว่าไปตามผิด หากทำผิดกฎหมายปกป้องไม่ได้ แต่ตอนนี้ยังไม่มีหมายจับสักคน เมื่อถามว่าเวลาถามผู้บัญชาการเหล่าทัพไม่ค่อยอยากตอบคำถามเรื่องนี้ จนทำให้สังคมเข้าใจผิดได้ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ตนก็ตอบอยู่นี่ ยืนยันว่ายังไม่มี เพราะตนดูแลทหารและตำรวจ และถ้าผิดก็ต้องว่าไปตามผิด เมื่อทำผิดกฎหมายจะอยู่ได้อย่างไร
เมื่อถามย้ำว่า การเชิญตัวนายทหารไปสอบสวนและให้ข้อมูลต้องรายงานหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เรื่องสอบสวนตนไม่ทราบ แต่ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีหมายจับหรือหมายเรียก แต่อาจจะเป็นการสืบสวนของแต่ละบุคคล ตนไม่ทราบในส่วนนี้ เพราะ เป็นความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ที่จะต้องประสานงานกันโดยตรง หรืออาจจะมีการประสานในส่วนของบุคคล
"ยืนยันว่า กองทัพไม่รู้สึกหวั่นไหวกับเรื่องดังกล่าว คนที่ทำผิด ตัวเขาก็จะรู้ตัวเอง ส่วนการดำเนินการต่างๆ ก็ว่ากันไป เป็นเรื่องของบุคคล อย่านำกองทัพไปเกี่ยวข้องด้วย เพราะกองทัพไม่ได้ร่วมทำผิดด้วย ถือเป็นเรื่องบุคคลที่รู้จักกันเป็นส่วนตัว ทางเจ้าหน้าที่ก็ประสานงานกันไป ส่วนที่มีนายทหารยศพล.ต.และพ.อ.จำนวน 50 นายเข้าไปเกี่ยวข้องจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์หรือไม่ คงไม่กระทบเพราะไม่ใช่เรื่องจริง ผมยังสงสัยว่าไปเอาข่าวมาจากไหน เพราะผมดูแลอยู่ก็ไม่เห็นมี อีกทั้งพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เองก็ไม่ได้รายงานผม ซึ่งผมได้สอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงกรณีดังกล่าวและตำรวจยืนยันว่าไม่ได้ เป็นผู้ให้ข่าว และเขาจะเตรียมฟ้องร้องด้วย" พล.อ.ประวิตรกล่าว
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. เปิดเผยถึงความคืบหน้าหลังมีรายงานข่าวระบุว่า มีทหารกว่า 50 นาย มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่าเมื่อวานนี้ ตนเห็น พล.ต.อ.จักรทิพย์ออกมาพูดแล้วว่าทหารกี่นาย ก็พูดกันไปพูดกันมา แต่ละคนก็มีลูกน้องกี่คนละ แต่มันมีหลักฐานว่าทุจริตหรือละเมิดมาตรา 112 หรือยัง ถ้ายังไม่มีการฟ้อง ก็เป็นเพียงคำพูดออกมาแค่นั้นเอง อย่าไปขุดคุ้ยให้มันมากมาย มันก็เสียไปทุกเรื่อง ใครผิดก็ว่าไปตามผิด ตนบอกไปแล้วว่าอะไรที่ยังไม่ชัดเจนก็อย่าพูดออกมา
"บางครั้งเป็นเพราะพวกท่านถามไง ถามละเอียดไปซะทุกเรื่อง ไอ้คนตอบบางทีก็เป็นแบบผมนี่แหละ ตอบไปเรื่อย บางทีมันไม่ใช่ เพราะฉะนั้นคำถามขอให้มันสร้างสรรค์หน่อยแล้วกัน พอบอกว่า ห้าสิบคน ก็เอาละ ใครบ้าง ขอชื่อมา ลงโทษเมื่อไหร่ มันไม่ใช่นะ ถ้าจะถามเกี่ยวข้องไม่เกี่ยวข้อง คนมันรู้จักกันหมดนั่นแหละ ลูกน้องทุกคนก็มีหมด เอาหลักฐานมา ถ้าไม่มีหลักฐานก็อย่าไปว่าเขาว่าเขาผิด เอาแค่คำถามของท่านก็จบแค่นั้น จบได้แล้ว มันไม่ดีเลย ไม่ดีต่อม.112 ด้วย เพราะม.112 มีไว้ถวายให้ท่าน ไม่ได้มีไว้ให้คนอื่น" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีนายทหารยศ"พล.ต." ที่ถูกพาดพิงมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ยื่นหนังสือขอลาออกจากราชการนั้น ล่าสุด พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ.ได้ลงนามในหนังสือเรียบร้อยแล้ว พร้อมส่งเรื่องไปยังกระทรวงกลาโหมเพื่อให้ พล.อ.ประวิตร ลงนาม เบื้องต้น พล.อ.ประวิตรมอบหมายให้ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม ลงนามแทน ทั้งนี้ พล.อ.ปรีชา ให้สัมภาษณ์สั้นๆ ว่า ตนยังไม่เห็นหนังสือลาออก ที่ส่งมาจากกองทัพบก
ขณะที่แหล่งข่าวจากกองทัพภาคที่ 3 เปิดเผยว่าหลังจากมีภาพข่าวทหารสัญญาบัตรยศ "พันเอก" สังกัดกองทัพภาคที่ 3 เดินทางข้ามแดนผ่านทางด่านตรวจคนเข้าเมืองแม่สอด-เมียวดี เมื่อวันที่ 31 ต.ค.นั้น พล.ท.สมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล แม่ทัพภาคที่ 3 รายงานข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ให้ พล.อ. ธีรชัย รับทราบว่า พันเอกคนดังกล่าวได้ เดินทางออกไปทางด่านชายแดนจริงเมื่อวันที่ 31 ต.ค. และวันที่ 2 พ.ย.ซึ่งเป็นวันเปิดทำการของทางราชการ ก็ไม่มาทำงานต่อเนื่องมาถึงปัจจุบันนี้ โดยพันเอกคนดังกล่าวก็ไม่ได้ ยื่นใบลาตามระเบียบราชการแต่อย่างใด ก่อนหน้านั้น เจ้าหน้าที่ของกองทัพภาคที่ 3 ได้ พบจดหมายแสดงความจำนงขอลาออกจากราชการทิ้งไว้ที่บ้านพักในจังหวัดพิษณุโลก แต่จดหมายดังกล่าวถือว่าไม่มีผล เนื่องจาก ไม่ได้ยื่นตามขั้นตอน ดังนั้นสถานะของพ.อ.คนดังกล่าวจึงถือเป็นทหารขาดราชการ เมื่อครบกำหนด 15 วันนับตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย. และยังไม่ได้รายงานตัว ก็ถือว่าหนีราชการ มีโทษปลดออกตามระเบียบกองทัพ
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า พ.อ.ยุทธพงษ์ กลั่นทะกะสุวรรณ เสนาธิการกรมทหารราบที่ 7 กองทัพภาคที่ 3 ในฐานะรักษาการประธานคณะกรรมการชายแดนไทย-เมียนมา ได้ทำหนังสือขอความร่วมมือจากคณะกรรมการชายแดนไทย อ.ผาซอง จ.บอลาแคะ รัฐคะยา ประเทศเมียนมา ให้ช่วยติดตามและนำตัว พันเอกคนดังกล่าวส่งกลับทางการไทยผ่านช่องทางคณะกรรมการดังกล่าวด้วย
ที่บช.ก. รายงานข่าวเปิดเผยว่า พล.ต.ท. ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. ในฐานะรองหัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวนคดีหมิ่นสถาบัน ได้เรียกชุดสืบสวนคลี่คลายคดีร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าและขยายผลคดีนี้ โดยชุดสืบสวนกองบังคับการปราบปราม ได้นำแผ่นชาร์ตแสดงผังเครือข่ายของกลุ่มผู้ต้องหา รูปภาพของกลางของคดีประกอบด้วย
ขณะที่มีรายงานว่า ช่วงเช้าวันเดียวกัน นางจีราภา อริยวงศ์โสภณ น้องสาวของนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง ผู้ต้องหาในคดีนี้ และมีข้อมูลการสืบสวนพบว่าเป็นผู้เบิกเงินจากบัญชีธนาคารของหมอหยอง ซึ่งเป็นบัญชีที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด นำไปซื้อกองทุนสะสมรายวันธนาคารกรุงไทย ในชื่อ นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ ส่วนอีก 200,000 บาท เข้าบัญชี ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาโลตัส ฟอร์จูน ในชื่อบัญชี นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ โดยระหว่างวันที่ 23 มิ.ย. - 11 ก.ค. นายจิรวงศ์ ถอนเงินมาใช้จนหมด จะเดินทางมาพบชุดสืบสวนสอบสวนที่บช.ก. เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับพฤติการณ์ดังกล่าว แต่ตลอดทั้งวัน ไม่ปรากฏว่านางจีราภา มาพบตำรวจแต่อย่างใด
ล่าสุด ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่ง ด้วยสำนัก งานตำรวจแห่งชาติได้มีคำสั่งอนุญาตให้ พล.ต.อ.ประวุฒิ ถาวรศิริ ข้าราชการตำรวจตำแหน่ง ที่ปรึกษา(สบ10) ลาออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.2558 และได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พ้นจากตำแหน่งต่อไปแล้ว บัดนี้ ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้บุคคลดังกล่าวพ้นจากตำแหน่งที่ปรึกษา(สบ10) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2558 ประกาศเมื่อวันที่ 5 พ.ย.2558 มีพล.อ.ประวิตร เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
มีรายงานข่าวจากคณะพนักงานสอบสวนคดีหมิ่นสถาบันและคดีที่เกี่ยวข้องต่อเนื่องกัน ได้ประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าของการดำเนินคดี เบื้องต้นน่าจะมีการดำเนินคดีกับ ผู้ต้องหาเพิ่มเติม จากก่อนหน้านี้ที่มีผู้ถูกดำเนินคดีและจับกุมไปแล้วในบางส่วน จนถึงขณะนี้ได้ดำเนินไปแล้วทั้งหมด 13 คดี และอยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมหลักฐาน เพิ่มเติมอีกประมาณ 20 คดี โดยทั้งหมดอยู่ระหว่างการสอบปากคำกับผู้เสียหาย มีทั้งหน่วยงานราชการ และบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ ที่ถูกกลุ่มผู้ต้องหาแอบอ้างสถาบันไปขอสนับสนุนเรื่องเงิน โดยอ้างว่าจะนำไปใช้ทำกิจกรรมสำคัญทั้งที่ผ่านมาและกำลังจะดำเนินการ คาดว่าภายใน 1-2 วันนี้จะสามารถออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องได้
วันเดียวกันนี้ ยังมีรายงานข่าวด้วยว่า เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้นำหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านของผู้ต้องสงสัยรายหนึ่งที่ จ.เชียงใหม่ ที่คาดว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ผลการตรวจค้นไม่เป็นที่เปิดเผย
สำหรับ ประเด็นเรื่องเงินจำนวน 20 ล้านบาท ที่มีข่าวว่านายทหารยศพ.อ.ได้หอบเงินข้ามแดนไปยังประเทศพม่าด้วยนั้น เบื้องต้นคาดว่าเป็นเงินส่วนแบ่งที่ได้รับการสนับสนุนมาจากบริษัทเอกชนระดับใหญ่แห่งหนึ่ง ที่อ้างว่าจะนำไปทำเสื้อยืด ที่จะใช้ในกิจกรรมสำคัญที่กำลังจะดำเนินการ
รายงานข่าวจากพนักงานสอบสวนเปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เร่งรวบรวมพยานหลักฐานในส่วนของพ.อ.ที่พัวพันกับหมอหยอง โดยขณะนี้มีพยานหลักฐานชัดเจนแล้วในกรณีพ.อ. คนดังกล่าวร่วมเดินทางไปกับหมอหยองในการพบปะกับเจ้าสัวน้ำเมา เพื่อเรียกเงินสนับสนุน ไม่เพียงเท่านั้น ทีมสืบสวนสอบสวนยังตรวจพบว่า เงินที่เรียกจากนักธุรกิจใหญ่เพื่อใช้จัดทำเสื้อในกิจกรรมไบค์ ฟอร์ มัม ได้มีการว่าจ้างบริษัทแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ เป็นผู้ดำเนินการผลิต ซึ่งน่าสังเกตว่าพ.อ.ผู้นี้มีบารมีกว้างขวางในพื้นที่เชียงใหม่ จากการตรวจสอบของทีมสืบสวนสอบสวนยังพบเส้นทางการโอนเงินจากบริษัทผลิต เสื้อในเชียงใหม่มายังหมอหยองซึ่งคาดว่าเป็น เงินส่วนต่าง เมื่อหมอหยองได้รับเงินดังกล่าวแล้วได้นำเงินไปซื้อคอนโดมิเนียมที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นของหญิงสาวคนหนึ่งที่มีความสนิทสนมใกล้ชิดกับพ.อ.คนดังกล่าวอีกด้วย ซึ่งจากการประมวลพฤติกรรมและเส้นทางการเงินพบว่า มัดแน่นพ.อ.คนดังกล่าว จนน่าเชื่อว่ามีโอกาสถูกดำเนินคดีสูงยิ่ง
สำหรับ พยานหลักฐานในส่วนที่เกี่ยวกับพล.ต.คู่หูกับพ.อ.นั้น พนักงานสอบสวนได้ตรวจสอบเส้นทางเงินซึ่งพบว่ามีเงินเพิ่มผิดปกติในบัญชีกว่า 20 ล้านบาท และในวันเดียวกันนี้ ทีมสืบสวนสอบสวนได้เรียกพล.ต.คนดังกล่าวไปพบ พร้อมกับให้ชี้แจงที่มาของเงินจำนวนนั้นให้กระจ่างภายใน 3 วัน
สำหรับ รายละเอียดที่คณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นไทย-เมียนมา(จังหวัดแม่ฮ่องสอน) โดย พ.อ.ยุทธพงศ์ ลงนามในหนังสือ ถึงประธานคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นเมียนมา-ไทย (อำเภอผาซอง)นั้น มีข้อความดังต่อไปนี้
1.ด้วยนายทหารไทย ชื่อ พันเอก ... หมายเลขประจำตัว ... สังกัดกองทัพภาคที่ 3 ได้เดินทางออกจากเขตประเทศไทยเข้าไปยังสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาโดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2558 ผ่านช่องทางแม่สอด-เมียวดี ซึ่งในปัจจุบัน ฝ่ายไทยไม่สามารถติดต่อได้
2.คณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นไทย-เมียนมา (จังหวัดแม่ฮ่องสอน) จึงขอประสานฝ่านเมียนมา หากพบนายทหารคนดังกล่าว กรุณานำส่งตัวให้กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยผ่านช่องทางคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นไทย-เมียนมา ในช่องทางที่ใกล้ที่สุดโดยด่วน 3.เพื่อความสัมพันธ์อันดีต่อกัน จึงแจ้งมาเพื่อขอความอนุเคราะห์จากฝ่ายเมียนมา และขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้
จ่อแจ้งเพิ่มก๊วนแอบอ้าง อีก'20 คดี'จี้พล.ต.แจงเงินโผล่บัญชี บิ๊กหมูไฟเขียวพลตรีลาออก พ.อ.ทิ้งจม.ไขก๊อกก่อนเผ่น แฉร่วมหมอหยองรีดเจ้าสัว บิ๊กตู่ปรามสื่อคุ้ยผิดม.112
'บิ๊กหมู'เซ็นให้'พล.ต.'พ้นราชการแล้ว พบ จม.น้อย'พ.อ.'ไขก๊อก ทิ้งในบ้านพัก ทัพภาค 3 ยันไม่มีผลถือว่าหนีราชการ หากครบ 15 วันไม่รายงานตัวมีโทษปลดออก พนักงานสอบสวนประสานกองทัพนำทหารให้ปากคำ เล็งแจ้งข้อหาเพิ่มอีก 20 คดี คาด 2-3 วันออกหมายจับ น้องสาว'หมอหยอง'เบี้ยวพบ ตร. 'ประยุทธ์'ปรามสื่ออย่าคุ้ยคดี ม.112 'บิ๊กป้อม'ยันกองทัพไม่หวั่น-ระบุเตรียมฟ้องสื่อ
@ 'บิ๊กตู่'ติงสื่ออย่าคุ้ยคดีหมิ่น
ความคืบหน้าจับกุมนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง อายุ 53 ปี นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ หรือ อาท อายุ 39 ปี เลขาฯหมอหยอง และ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือสารวัตรเอี๊ยด อายุ 44 ปี ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ ต่อมา พ.ต.ต.ปรากรมเกิดความเครียดและผูกคอตายเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม โดยมีกระแสข่าวทหารเข้าไปเกี่ยวข้องหลายนายนั้น
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 5 พฤศจิกายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้ากรณีมีทหารกว่า 50 นาย มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีว่า เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ออกมาพูดแล้วว่าทหารกี่นาย ก็พูดกันไปพูดกันมา แต่ละคนก็มีลูกน้อง แต่มันมีหลักฐานว่าทุจริตหรือละเมิด ม.112 หรือยัง ถ้ายังไม่มีการฟ้อง ก็เป็นเพียงคำพูดออกมาแค่นั้นเอง อย่าไปขุดคุ้ยให้มันมากมาย ใครผิดก็ว่าไปตามผิด ตนบอกไปแล้วว่าอะไรที่ยังไม่ชัดเจนอย่าพูดออกมา
"บางครั้งเป็นเพราะพวกท่านถามไง ถามละเอียดไปซะทุกเรื่อง ไอ้คนตอบบางทีก็เป็นแบบผมนี่แหละ ตอบไปเรื่อย บางทีมันไม่ใช่ เพราะฉะนั้นคำถามขอให้มันสร้างสรรค์หน่อยแล้วกัน พอบอกว่าห้าสิบคน ก็เอาละ ใครบ้าง ขอชื่อมา ลงโทษเมื่อไหร่ มันไม่ใช่นะ ถ้าจะถามเกี่ยวข้องไม่เกี่ยวข้อง คนมันรู้จักกันหมดนั่นแหละ ลูกน้องทุกคนก็มีหมด เอาหลักฐานมาสิ ถ้าไม่มีหลักฐานก็อย่าไปว่าเขาว่าเขาผิด เอาแค่คำถามของท่านก็จบแค่นั้น จบได้แล้ว มันไม่ดีเลย ไม่ดีต่อมาตรา 112 ด้วย เพราะมาตรา 112 มีไว้ถวายให้ท่าน ไม่ได้มีไว้ให้คนอื่น" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
@ 'บิ๊กป้อม'ไม่เห็นหมายจับทหาร
ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่ามีนายทหารยศ พล.ต.และ พ.อ.อาจมีส่วนพัวพันกับความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า ไม่มี และมีที่ไหน ยังไม่ได้รับรายงานใดๆ ทั้งสิ้น อีกทั้งเดินทางไปประเทศมาเลเซียเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เห็นสื่อหนังสือพิมพ์ลงข่าวว่ามีนายทหารเข้าไปมาเกี่ยวข้องประมาณ 50 นายนั้น ตนถามว่ามีที่ไหน เพราะหากมีรายละเอียดอย่างไรทางตำรวจ โดย พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.รอง ผบ.ตร.) ต้องรายงานมาที่ตน
เมื่อถามว่าจำเป็นหรือไม่ว่าต้องรอออกหมายจับจึงรายงานภายหลัง พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่มี เพราะถ้ามีอะไรที่เกี่ยวข้องก็ต้องบอกตน ไม่มีอะไร อย่าไปตื่นเต้นกันมาก
@ ลั่นไม่ปกป้องคนทำความผิด
เมื่อถามถึงกรณีที่มีภาพ พ.อ.ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ในขณะที่กำลังเดินทางออกไปประเทศเพื่อนบ้าน พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เรื่องนี้ก็แล้วแต่บุคคล เขาอาจมีเรื่องที่จะต้องไป แต่เรื่องหมายจับยังไม่มี ส่วนที่มีชื่อถูกพาดพิงก็เป็นเรื่องส่วนตัวเขา และจะเป็นเรื่องอะไรก็ไม่ทราบแต่ยังไม่มีเรื่องหมายจับ
เมื่อถามย้ำว่า หากมีหมายจับออกมาแล้วทางกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพจะไม่ปกป้องใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ใครผิดก็ต้องว่าไปตามผิด หากทำผิดกฎหมายปกป้องไม่ได้ แต่ตอนนี้ยังไม่มีหมายจับสักคน
เมื่อถามต่อว่า ผู้บัญชาการเหล่าทัพไม่ค่อยอยากตอบคำถามเรื่องนี้จนทำให้สังคมอาจเข้าใจผิดได้ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า "ผมก็ตอบอยู่นี่ ยืนยันว่ายังไม่มี เพราะผมดูแลทหารและตำรวจ และถ้าผิดก็ต้องว่าไปตามผิด เมื่อทำผิดกฎหมายจะอยู่ได้อย่างไร"
@ ยันกองทัพไม่หวั่น-เล็งฟ้องสื่อ
เมื่อถามย้ำว่าการเชิญตัวนายทหารไปสอบสวนและให้ข้อมูลต้องรายงานหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เรื่องสอบสวนไม่ทราบ แต่ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีหมายจับหรือหมายเรียก แต่อาจจะเป็นการสืบสวนของแต่ละบุคคล ตนไม่ทราบในส่วนนี้เพราะเป็นความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ที่จะต้องประสานงานกันโดยตรง หรืออาจจะมีการประสานในส่วนของบุคคล
"ยืนยันว่า กองทัพไม่รู้สึกหวั่นไหวกับเรื่องดังกล่าว คนที่ทำผิด ตัวเขาก็จะรู้ตัวเอง ส่วนการดำเนินการต่างๆ ก็ว่ากันไป เป็นเรื่องของบุคคล อย่านำกองทัพไปเกี่ยวข้องด้วย เพราะกองทัพไม่ได้ร่วมทำผิดด้วย ถือเป็นเรื่องบุคคลที่รู้จักกันเป็นส่วนตัว ทางเจ้าหน้าที่ก็ประสานงานกันไป ส่วนที่มีนายทหารยศ พล.ต.และ พ.อ.จำนวน 50 นาย เข้าไปเกี่ยวข้องจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์หรือไม่ คงไม่กระทบเพราะไม่ใช่เรื่องจริง ผมยังสงสัยว่าไปเอาข่าวมาจากไหน เพราะผมดูแลอยู่ก็ไม่เห็นมี อีกทั้ง พล.ต.อ.จักรทิพย์เองก็ไม่ได้รายงาน ได้สอบถามไปยังตำรวจถึงกรณีดังกล่าวและตำรวจยืนยันว่าไม่ได้เป็นผู้ให้ข่าว และจะเตรียมฟ้องร้องด้วย" พล.อ.ประวิตรกล่าว
@ 'บิ๊กหมู'เซ็นให้'พล.ต.'ออก
ข่าวแจ้งว่า กรณีนายทหารยศ พล.ต.ถูกพาดพิงมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ได้ยื่นหนังสือขอลาออกจากราชการ ล่าสุด พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้ลงนามในหนังสือเรียบร้อยแล้ว พร้อมส่งเรื่องไปยังกระทรวงกลาโหมเพื่อให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ลงนาม โดยเบื้องต้น พล.อ.ประวิตรได้มอบหมายให้ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม ลงนามแทน ทั้งนี้ พล.อ.ปรีชาให้สัมภาษณ์สั้นๆ ว่า ยังไม่เห็นหนังสือลาออกที่ส่งมาจากกองทัพบก
@ ทภ.3พบจม.ไขก๊อกทิ้งบ้านพัก
ขณะที่แหล่งข่าวจากกองทัพภาคที่ 3 เปิดเผยว่า ภายหลังทหารยศ พ.อ.สังกัดกองทัพภาคที่ 3 เดินทางข้ามแดนผ่านทางด่านแม่สอด-เมียวดี เมื่อวันที่ 31 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดย พล.ท.สมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล แม่ทัพภาคที่ 3 ได้รายงานข้อเท็จจริงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ให้ พล.อ.ธีรชัยได้รับทราบว่า พ.อ.คนดังกล่าวได้เดินทางออกไปทางด่านชายแดนจริงเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม และวันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมาเป็นวันเปิดทำการของทางราชการ ก็ไม่มาทำงานต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน และไม่ได้ยื่นใบลาตามระเบียบราชการแต่อย่างใด โดยก่อนหน้านั้นเจ้าหน้าที่ของกองทัพภาคที่ 3 ได้พบจดหมายของ พ.อ.คนดังกล่าวแสดงความจำนงขอลาออกจากราชการทิ้งไว้ที่บ้านพักใน จ.พิษณุโลก แต่จดหมายดังกล่าวถือว่าไม่มีผลแต่อย่างใด เนื่องจากไม่ได้มีการยื่นตามขั้นตอน สถานะของ พ.อ.คนดังกล่าว จึงถือเป็นทหารขาดราชการ เมื่อครบกำหนด 15 วันนับตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายนและยังไม่ได้รายงานตัวถือว่าหนีราชการ มีโทษปลดออกจากราชการตามระเบียบกองทัพ
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า พ.อ.ยุทธพงษ์ กลันทะกะสุวรรณ รักษาการประธานคณะกรรมการชายแดนไทย-เมียนมา ได้ทำหนังสือขอความร่วมมือจากคณะกรรมการชายแดนไทย อ.ผาซอง จ.บอลาแคะ รัฐคะยา ประเทศพม่า ให้ช่วยติดตามและนำตัว พ.อ.คนดังกล่าวส่งกลับทางการไทยผ่านช่องทางคณะกรรมการดังกล่าวด้วย
@ น้อง'หมอหยอง'เบี้ยวพบตร.
ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) รายงานข่าวแจ้งว่า พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. ในฐานะรองหัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวนคดีหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ได้เรียกชุดสืบสวนคลี่คลายคดีร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าและขยายผลคดีนี้ โดยชุดสืบสวนกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ได้นำแผ่นชาร์ตแสดงผังเครือข่ายของกลุ่มผู้ต้องหา รูปภาพของกลางในคดีประกอบด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมามีข้อมูลว่านางจีราภา อริยวงศ์โสภณ น้องสาวนายสุริยัน ที่การสืบสวนพบว่าเป็นผู้เบิกเงินจากบัญชีธนาคารของนายสุริยัน เป็นบัญชีที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด นำไปซื้อกองทุนสะสมรายวันธนาคารกรุงไทยชื่อนายสุริยัน และมีเงินอีก 200,000 บาท เข้าบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาโลตัสฟอร์จูน ชื่อบัญชี นายจิรวงศ์ ระหว่างวันที่ 23 มิถุนายน ถึงวันที่ 11 กรกฎาคม นายจิรวงศ์ถอนเงินมาใช้จนหมด จะเดินทางมาพบชุดสืบสวนสอบสวนที่ บช.ก.เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับพฤติการณ์ดังกล่าว แต่ปรากฏว่าตลอดทั้งวันไม่ปรากฏว่านางจีราภามาพบตำรวจแต่อย่างใด
@ เตรียมดำเนินคดีเพิ่มอีก 20 คดี
รายงานข่าวแจ้งว่า คณะพนักงานสอบสวนคดีหมิ่นเบื้องสูงประชุมคาดว่าจะดำเนินคดีกับผู้ต้องหาเพิ่มเติม จากก่อนหน้านี้ถูกดำเนินคดีและจับกุมไปแล้วบางส่วนรวม 13 คดี และอยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมอีกประมาณ 20 คดี ทั้งหมดอยู่ระหว่างการสอบปากคำกับผู้เสียหาย มีทั้งหน่วยงานราชการและบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ที่ถูกกลุ่มผู้ต้องหาแอบอ้างชื่อสถาบันไปขอสนับสนุนเรื่องเงิน โดยอ้างว่าจะนำไปใช้ทำกิจกรรมสำคัญ ทั้งนี้ ชุดสืบสวนนำหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านของผู้ต้องสงสัยรายหนึ่งที่คาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ใน จ.เชียงใหม่ แต่ผลการตรวจค้นไม่เป็นที่เปิดเผย
ส่วนทหาร 2 นาย ยศ พล.ต.และ พ.อ. เข้ามาเกี่ยวข้องนั้น ทางคณะพนักงานสอบสวนได้ประสานไปยังกองทัพบกเพื่อขอให้นำตัวนายทหารคนดังกล่าวเข้ามาพบเพื่อให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนแล้ว สำหรับประเด็นเรื่องเงิน 20 ล้านบาทที่ พ.อ.โอนให้กับนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์คนหนึ่งนั้น คาดว่าเป็นเงินส่วนแบ่งที่ได้รับการสนับสนุนมาจากบริษัทเอกชนระดับใหญ่แห่งหนึ่งที่มีการแอบอ้างว่าจะนำเงินจำนวนนี้ไปทำเสื้อที่จะใช้ในกิจกรรมสำคัญ ส่วนเรื่องการออกหมายจับเพิ่มเติมนั้นคาดว่าภายใน 2-3 วัน จะมีความชัดเจน
@ เรียก'พล.ต.'สอบปมเงิน 20 ล.
รายงานข่าวแจ้งว่า ในวันที่นายสุริยันเดินทางไปหาเจ้าสัวใหญ่เพื่อขอเงินสนับสนุนค่าทำเสื้อในกิจกรรมสำคัญนั้นมี พ.อ.คนดังกล่าวไปด้วย จากนั้นได้สั่งทำเสื้อใน จ.เชียงใหม่ ก่อนบริษัทรับทำเสื้อดังกล่าวจะโอนเงินค่าส่วนต่างให้กับนายสุริยัน ซึ่งนายสุริยันได้นำเงินไปซื้อคอนโดฯใน จ.เชียงใหม่ ของนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ พ.อ.คนดังกล่าว
ข่าวแจ้งอีกว่า นอกจากนี้ชุดสอบสวนยังพบว่ามีการโอนเงินเข้าบัญชีของ พล.ต.อีก 20 ล้านบาท ซึ่งพนักงานสอบสวนจะเรียก พล.ต.คนดังกล่าวมาสอบปากคำถึงที่มาที่ไปของเงินดังกล่าวด้วยว่าเกี่ยวข้องกับการแอบอ้างเบื้องสูงหรือไม่ เพื่อจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
@ ราชกิจจาฯให้'ประวุฒิ'พ้นเก้าอี้
วันเดียวกัน เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่ง ความว่า ด้วยสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีคำสั่งอนุญาตให้ พล.ต.อ.ประวุฒิ ถาวรศิริ ที่ปรึกษา (สบ 10) ลาออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม และได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พ้นจากตำแหน่งต่อไปแล้ว บัดนี้ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้บุคคลดังกล่าวพ้นจากตำแหน่งที่ปรึกษา (สบ 10) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม ประกาศเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ช่วงเช้าวันนี้พบความเคลื่อนไหวทวิตเตอร์ของ พล.ต.อ.ประวุฒิ มีการรีทวีตรายงานสภาพจราจร ตร. นับว่าเป็นความเคลื่อนไหวในโซเชียลมีเดียของ พล.ต.อ.ประวุฒิครั้งแรก หลังจากไม่มีการเคลื่อนไหวตั้งแต่วันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา