- Details
- Category: อาชญากรรม
- Published: Sunday, 01 November 2015 11:02
- Hits: 7601
หยองสารภาพอีก เข้าทรง แค่เรื่องหลอกลวง รับสิ้นไม่ได้เป็นผู้วิเศษ อาการดีขึ้น-ส่งกลับคุก ตร.สอบแอบอ้างหากิน 'ป้าย-เสื้อ-ธง'งานปั่น
หมอหยองรับ ทรงเจ้าเรื่องหลอกลวง จนท.ส่งตัวกลับเข้าเรือนจำมทบ. 11 แล้ว หลังเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ อธิบดีเผยอาการดีขึ้นจนแพทย์อนุญาตให้กลับได้ แต่หากป่วยอีกก็พร้อมเข้าไปดูแล ด้านตร.กองปราบฯ เร่งสรุปคดีแอบอ้าง เตรียมตรวจสอบป้ายโฆษณา ธง และเสื้อของกิจกรรมปั่นเพื่อแม่ และปั่นเพื่อพ่อ ว่ามีการทุจริตเช่นเดียวกับกรณีเข็มกลัดหรือไม่ ขณะที่ผลสอบพบสารวัตรเอี๊ยด เคยตบทรัพย์ร้านสุกี้ดัง ได้เงินถึง 4 แสน โดยอ้างมีกรวดในน้ำซุปทำให้ฟันแตก
วันที่ 01 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9104 ข่าวสดรายวัน
เมื่อวันที่ 31 ต.ค. นายวิทยา สุริยะวงศ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า จากกรณีนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง หนึ่งในผู้ต้องหากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 มีอาการปวดศีรษะ ปวดท้องด้านขวา ท้องอืด เวียนศีรษะ จนต้องนำตัวนายสุริยันส่งทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 29 ต.ค. ที่ผ่านมานั้น ล่าสุด หลังจากนายสุริยันรับการรักษาตัวจนอาการป่วยมีอาการดีขึ้น ทางแพทย์ผู้รักษาอาการป่วย ได้จ่ายยาพร้อมทั้งอนุญาตให้เจ้าหน้าที่นำตัวนายสุริยันกลับไปควบคุมตัวต่อยังเรือนจำชั่วคราว แขวงถนนนครไชยศรี ภายในมณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. วันที่ 30 ต.ค. ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม นายสุริยัน มีอายุ 53 ปี และมีโรคประจำตัวคือโรคความดัน ดังนั้น หากนายสุริยันมีอาการเครียดก็จะทำให้โรคความดันกำเริบขึ้นมาได้ ทั้งนี้หากระหว่างถูกควบคุมตัวนายสุริยันมีอาการกำเริบอีก เจ้าหน้าที่เรือนจำก็จะนำตัวกลับมารักษายังทัณฑสถานโรงพยาบาลอีกครั้ง นอกจากนี้ ในส่วนของการขออนุญาตศาลทหาร เพื่อขอฝากขังในผัดที่ 2 นั้น เป็นเรื่องของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเป็นการฝากขังระหว่างสอบสวน ซึ่งตำรวจสามารถฝากขังระหว่างสอบสวนได้ทั้งหมด 7 ผัด ผัดละ 12 วัน รวม 84 วัน
ที่กองปราบปราม รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับนายศุกข์โข ตามเสรี ซึ่งถูกดำเนินคดีในข้อหามีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเท่านั้น แต่จากการสืบสวนยังทราบด้วยว่านายศุกร์โข มีความใกล้ชิดกับกลุ่มผู้ต้องหาคดี ม.112 และน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูงด้วย เพียงแต่ขณะนี้ยังมีหลักฐานไม่เพียงพอโดยเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานให้ชัดเจนและรัดกุม เพื่อจะดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อไป
นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบเรื่องป้ายโฆษณาประชาสัมพันธ์ ธง รวมทั้งเสื้อ ของงานกิจกรรมปั่นเพื่อแม่ และปั่นเพื่อพ่อ ว่าบริษัทใดเป็นผู้ผลิต และมีการทุจริตเฉกเช่นเดียวกับกรณีของเข็มกลัดหรือไม่ ขณะที่นายตำรวจทั้ง 8 นาย ที่ถูกโยกย้ายมาช่วยราชการที่ศปก.บช.ก. ยังไม่มีการถูกควบคุมตัวแต่อย่างใด
สำหรับ การสอบสวนนายสุริยัน หรือหมอหยองที่ผ่านมา นายสุริยันรับสารภาพว่า ไม่ได้ร่างทรงของเจ้าแม่พันปีและหลวงปู่ รวมทั้งองศ์พระพิฆเนศแต่อย่างใด แต่ที่อุปโลกน์อ้างว่ามีร่างทรงก็เพราะมีเจตนาหลอกลวงประชาชนให้เคารพนับถือจากความศรัทธาโดยใช้ห้องเลขที่ 127/35 พหลโยธิน ปาร์ค ซอยพหลโยธิน 14 ซึ่งเป็นห้องพักของตนเอง เปิดเป็นสำนักเข้าทรง
นอกจากนี้ ยังมีรายงานด้วยว่า เมื่อประมาณปลายปี 2557 ขณะที่ พ.ต.ต.ปรากรม และพรรคพวกไปทานอาหารที่ร้านสุกี้ชื่อดังแห่งหนึ่ง ภายในห้างแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว และก่อคดีกรรโชกทรัพย์ร้านอาหารดังกล่าวด้วย โดยอ้างว่าน้ำซุปสุกี้มีก้อนกรวดเจือปนมา ซึ่งทำให้ฟันของสารวัตรคนดังแตก พร้อมกับข่มขู่ฟ้องร้องเพื่อเรียกค่าเสียหาย จนทำให้ร้านอาหารดังกล่าว ต้องจ่ายเงินชดเชยให้เป็นเงินถึง 4 แสนบาท ซึ่งขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการสอบสวนของบก.ปปป. เบื้องต้นมีรายงานด้วยว่าจากการสอบสวนทราบด้วยว่า ในวันเกิดเหตุฟันของสารวัตรคนดังไม่ได้แตก ตามคำกล่าวอ้างแต่อย่างใด
01 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9104 ข่าวสดรายวัน
เปิดผังแก๊งหมอหยอง ไถดะเจ้าสัว-มาดามดัง อมของกลางคดีบิ๊กกิ๊ก จับเพิ่ม-หนุ่มสนิทเอี๊ยด
แฟ้มคดี
ผังแก๊งหมอหยอง |
ชัดเจนยิ่งขึ้น สำหรับการดำเนินคดีกับขบวนการแอบอ้างเบื้องสูง เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจออกมาแถลงระบุว่าเบื้องต้นมีถึง 13 คดีที่ถูกกล่าวหา
โดยประเด็นสำคัญคือ การแอบอ้างเพื่อเรียกรับ ผลประโยชน์จากเอกชนมูลค่านับล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นของกลางจำนวนมาก ซึ่งเป็นสมบัติของเครือข่าย 'บิ๊กกิ๊ก'พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผบช.ก. ถูกยักยอกผ่องถ่ายอยู่ในกลุ่มผู้ต้องหา
นอกจากนี้ ก็ยังมีเหตุไม่คาดฝันอีก เมื่อ สารวัตรเอี๊ยด หรือ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา 1 ในผู้ต้องหาสำคัญ ก็ทนแรงกดดันไม่ไหวผูกคอตายภายในเรือนจำมทบ.11
ส่วนคนที่เหลือ ก็ต้องถูกดำเนินคดีต่อไป...
ราชทัณฑ์แจง'เอี๊ยด'ผูกคอ
หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูงทั้ง 3 คน ประกอบด้วย พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา สว.กก.1บก.ปอท. หรือ สารวัตรเอี๊ยด นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือ "หมอหยอง" หมอดูชื่อดัง และ นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ หรือ "อาท ชัตเตอร์มหาเทพ" ฝากขังต่อศาลทหาร เมื่อวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา พร้อมคุมตัวส่งฝากขังที่เรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี ภายในมทบ.11
ก็เกิดเรื่องฮือฮาใหญ่โต เมื่อกระแสข่าวสะพัดในช่วงเช้าของวันที่ 24 ต.ค. ว่า 1 ในผู้ต้องหาคือพ.ต.ต.ปรากรม ผูกคอตายภายในเรือนจำ ท่ามกลางความสับสนอย่างมาก กรมราชทัณฑ์ออกเอกสารแถลงข่าวระบุว่า เมื่อวันที่ 23 ต.ค. เวลา 22.00 น. ผู้ต้องขังชายปรากรม ที่ถูกขังระหว่างสอบสวนในความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พยายามฆ่าตัวตายโดยใช้ผ้าจากเสื้อผู้ต้องขังที่เรือนจำจ่ายให้ตามระเบียบ ผูกคอตัวเองกับลูกกรงห้องขัง
โดยเวรกลางคืนตรวจพบ จึงรายงานผู้บังคับบัญชา และเปิดห้องขังเข้าไปช่วยเหลือทันที เบื้องต้นผู้ต้องขังยังไม่เสียชีวิต จึงพยายามใช้เครื่องช่วยหายใจและปฐมพยาบาล และนำตัวส่งทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ แต่ต่อมาผู้ต้องขังเสียชีวิต
เอกสารระบุอีกว่า ข้อเท็จจริงมีดังนี้
1.ห้องขังเรือนจำชั่วคราวไม่ใช่ห้องขังเหมือนเรือนจำปกติ แต่ใช้อาคารหน่วยงานทหาร มีประตูทึบ ผนังปูน 4 ด้าน ติดลูกกรงเพิ่มเพื่อเสริมความมั่นคง ภายในห้องขังมีเครื่องหลับนอน ใช้ระบบขังเดี่ยว ผู้ต้องขังไม่มีโอกาสพบกัน
2.การควบคุมผู้ต้องขังเวลากลางคืนมีเวรผัดละ 1 คน ดูแลผู้ต้องขัง 5 คน ประกอบเป็นวันหยุดราชการ ไม่มีการสอบสวน ผู้ต้องขังถูกขังเพียงลำพัง ไม่มีโอกาสพบคู่คดี และมีการเดินตรวจเป็นระยะเท่านั้น
คุมฝากขัง |
3.คดีนี้เป็นคดีสำคัญ ผู้ต้องขังเป็นบุคคลมีชื่อเสียง อาจมีปัญหาการปรับตัว การเสียชีวิตระหว่างการควบคุมตัวของเจ้าพนักงาน ต้องชันสูตรพลิกศพตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และส่งศพให้นิติเวชดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ นายวิทยา สุริยะวงค์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ระบุว่า เมื่อญาติไม่ติดใจการเสียชีวิตก็ไม่ต้องผ่าชันสูตรที่สถาบันนิติเวชวิทยา
จากนั้นญาติจึงรับศพไปดำเนินพิธีการทางศาสนา
หมอหยองป่วย-ความดันขึ้น
ขณะเดียวกัน ก็มีข่าวว่าหมอหยอง หรือนายสุริยัน เสียชีวิตด้วยเหมือนกัน แต่ผู้บริหารระดับสูงออกมายืนยันตรงกันว่า หมอหยอง ยันอยู่เป็นปกติ เพียงแต่เจ็บป่วยจนต้องเข้ารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลราชทัณฑ์เท่านั้น
โดย นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ระบุว่า นายสุริยันยังถูกควบคุมตัวอยู่ภายในเรือนจำชั่วคราว ภายใน มทบ.11 ไม่มีอาการอะไรที่น่าเป็นห่วง และทุกอย่างยังคงปกติดี โดยให้เจ้าหน้าที่เรือนจำปฏิบัติหน้าที่ไปตามระเบียบราชทัณฑ์ เพียงแต่ให้ตรวจตราการเดินเวรยามของเจ้าหน้าที่ผู้คุมอย่างเข้มงวด
ด้าน พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ก็ยืนยันว่า นายสุริยันยังอยู่ปกติ ไม่มีอาการน่าเป็นห่วง เมื่อเช้าวันที่ 26 ต.ค. นาย สุริยันขอรับประทานอาหารเช้าเป็นโจ๊ก ซึ่ง เจ้าหน้าที่เรือนจำได้จัดการให้ ข่าวต่างๆ ที่ออกมาไม่รู้ว่าคนปล่อยข่าวมีเจตนาอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามถึงอาการป่วยของหมอหยองเกิดจากอะไร พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้วอธิบดีกรมราชทัณฑ์รายงานให้ทราบว่าได้นำตัวนายสุริยันส่งร.พ. เนื่องจากความดันกำเริบ ซึ่งเราดูแลอย่างเต็มที่ ขณะนี้นายสุริยันยังคงถูกคุมตัวอยู่ภายในเรือนจำชั่วคราวตามปกติ
นายวิทยา สุริยะวงค์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ระบุว่า หมอหยองมีอาการป่วยเล็กน้อย เป็นความดันตามวัยของผู้สูงอายุ ไม่ได้มีอาการหนักสาหัสตามกระแสข่าวลือแต่อย่างใด โดยเมื่อคืนวันที่ 22 ต.ค. หลังรับตัวจากศาลทหาร นายสุริยันมีลักษณะอาการปากเบี้ยว เจ้าหน้าที่ไปพบเลยเกรงว่าจะมีอาการทางสมองหรือไม่ หรืออาจจะป่วยหนัก จึงรายงานให้ตนทราบ จึงสั่งให้นำตัวส่งร.พ. เพื่อใช้เครื่องเอ็มอาร์ไอสแกนสมอง แต่พอตรวจแล้วไม่ปรากฏอาการกระทบเทือนทางสมองแต่อย่างใด จากนั้นนำตัวกลับมาคุมขังที่เรือนจำตามปกติ ไม่ได้เสียชีวิตหรืออาการสาหัสตามข่าวลือแต่อย่างใด
1.หนุ่มสนิทเอี๊ยด 2.ทรัพย์สินคดีบิ๊กกิ๊ก |
อย่างไรก็ตามในการฝากขังผู้ต้องหาผัดสองต่อศาลทหาร ในวันที่ 30 ต.ค. เจ้าหน้าที่นำตัวนายอาท จิรวงศ์ มาแสดงต่อศาลเท่านั้น โดยระบุว่าหมอหยองป่วย และนำใบรับรองแพทย์มาแสดง!??
โดยกรมราชทัณฑ์ ออกเอกสารชี้แจงระบุว่า เมื่อเวลา 21.00 น. คืนวันที่ 29 ต.ค. ข.ช.สุริยัน หรือ หมอหยอง มีอาการปวดศีรษะ ปวดท้องด้านขวา ท้องอืด เวียนศีรษะ ตอบคำถามได้ แต่ค่อนข้างช้า
จึงนำตัวข.ช.สุริยัน ส่งไปเข้ารับการรักษาในทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ผลการตรวจพบว่าความดันโลหิตสูง มีภาวะไขมันพอกตับ ประกอบกับมีความเครียดและวิตกกังวลจากผลเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ แพทย์ให้การรักษาในเบื้องต้น และพักรักษาตัว เพื่อสังเกตอาการ 1 คืน
เปิด 13 คดี-ไถ'เจ้าสัว-มาดาม'
ส่วน 13 คดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสรุป ก็มีทั้งข้อหามีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกให้ได้ไว้ในครอบครอง ตั้งสถานี และมีใช้วิทยุโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต ปลอมและใช้เอกสารปลอม
รวมถึงข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายฯ ด้วยร่วมกันแอบอ้างเป็นผู้แทนพระองค์ นำการ์ดขอบคุณมอบให้ภาคเอกชน
และยังแอบอ้างสถาบันเรียกรับผลประโยชน์จากบริษัทเอกชนถึง 6 ครั้ง รวมเป็นเงินกว่า 5 ล้านบาท
พฤติการณ์ที่ชัดแจ้ง คือร่วมกับบริษัทเอกชนจัดทำเข็มกลัดในงานไบค์ฟอร์มัม ปั่นเพื่อแม่ โดยวันที่ 17 มิ.ย. 2558 นายสุริยัน สั่งทำเข็มกลัด 3 แสนชิ้น ซึ่งบริษัทดังกล่าวคิดราคาชิ้นละ 3.70 บาท แต่นายสุริยัน สั่งให้เพิ่มราคาเป็นชิ้นละ 5.70 บาท เพื่อหวังเงินส่วนต่างนี้
จากนั้นวันที่ 22 มิ.ย. 2558 บริษัทส่งใบเสนอราคาให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ของเจ้าสัวคนดัง รวมเป็นเงิน 3,049,500 บาท ซึ่งบริษัทยักษ์ใหญ่ จ่ายมัดจำทันที 50 เปอร์เซ็นต์ เป็นเงิน 1,482,000 บาท ซึ่งตัวแทนบริษัททำเข็มกลัด ได้เบิกเงินดังกล่าวไป 1,200,000 บาท แบ่งฝากเข้าบัญชีคนใกล้ชิดนายสุริยัน 1 ล้านบาท และบัญชีนายจิรวงศ์ 2 แสนบาท ต่อมานายสุริยัน ก็ถอนเงินออกมาเพื่อซื้อกองทุน ขณะที่นายจิรวงศ์ ถอนออกมาใช้จ่ายจนหมด
อีกทั้ง ยังพบกรณีทำเข็มกลัดงานปั่นเพื่อพ่อ โดยเมื่อวันที่ 30 ก.ย. นายสุริยันสั่งทำเข็มกลัด 2 ล้านชิ้นในราคาชิ้นละ 2.75 บาท แต่นายสุริยัน สั่งเพิ่มราคาเป็นชิ้นละ 5.35 บาท พร้อมทำใบเสนอราคาให้กับบริษัทประกันยักษ์ใหญ่ ในราคา 10,700,000 บาท เมื่อวันที่ 2 ต.ค.
จนกระทั่งวันที่ 5-6 ต.ค. บริษัทด้านประกันภัยดังกล่าว จ่ายค่ามัดจำ 50 เปอร์เซ็นต์ เป็นเงิน 5,350,000 บาท จากนั้นตัวแทนบริษัททำเข็มกลัด ถอนเงินออกจากบัญชี 4,773,000 บาท แล้วนำไปฝากเข้าบัญชีคนใกล้ชิดนายสุริยัน 4 ล้านบาท ก่อนนำไปซื้อคอนโดพหลโยธินปาร์ค เป็นเงิน 3,200,000 บาท ส่วนอีก 8 แสนบาทฝากเข้าบัญชีนายสุริยัน ส่วนที่เหลือ 773,000 บาท นำไปฝากเข้าบัญชีนายจิรวงศ์
อมของกลางคดี'บิ๊กกิ๊ก'ด้วย
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบที่พักของพ.ต.ต.ปรากรม ยังพบทรัพย์สินจำนวนมาก อาทิ ปืน เครื่องกระสุน นาฬิกา เงินสด ทองรูปพรรณ กีตาร์ ซึ่งเป็นของกลางในคดีของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผบช.ก. และของพ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ อดีตผกก.1 บก.ป. ที่เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้
โดยพบว่า มีการแยกทรัพย์สินเหล่านี้ไปก่อนที่ทหารจะเข้ายึด ซึ่งหากมีใครเข้าไปเกี่ยวข้องก็ต้องสืบสวนขยายผลต่อไป ไม่ว่าเป็นข้าราชการหน่วยใด สาวไปถึงใครก็ต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด
ซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถจับกุม นายศุกร์โข ตามเสรี อายุ 32 ปี ในข้อหามีอาวุธปืนไว้ในความครอบครอง แม้ยังไม่พบความผิดข้อหาหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามมาตรา 112 แต่ก็ถือว่านายศุกร์โข เป็นคนสนิทของสารวัตรเอี๊ยด ซึ่งจากการสอบปากคำเบื้องต้น นายศุกร์โขให้การว่า ก่อนหน้านี้เคยทำงานบาร์โฮสต์ และขายรถมือสอง จากนั้นก็รู้จักกับพ.ต.ต.ปรากรม มานานแล้ว และถูกชวนให้มาช่วยงานในคดีของ บิ๊กกิ๊ก หรือ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์
โดยในวันที่เข้าตรวจค้นบ้าน 4 ชั้น ย่านแจ้งวัฒนะของบิ๊กกิ๊ก ก็เข้าไปตรวจค้นพร้อมพ.ต.ต.ปรากรม และได้หยิบเอาเงินสดประมาณ 1 หมื่นบาท พร้อมสร้อยคอทองคำ พระเลี่ยมทอง 2-3 องค์ มาให้พ.ต.ต.ปรากรม
นอกจากนี้ ยังยกเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดที่บ้านบิ๊กกิ๊ก มาไว้ในรถของพ.ต.ต.ปรากรม และยังเข้าไปตรวจค้นบ้านแม่ของอดีตผบช.ก. โดยทำหน้าที่ขับรถและถ่ายภาพให้ และยืนยันอีกด้วยว่าทรัพย์สินของกลางบางส่วนที่ตำรวจยึดมาได้ เป็นทรัพย์สินของบ้านบิ๊กกิ๊กด้วย
เป็นอีก 1 พฤติการณ์อุกอาจของแก๊งแอบอ้างเบื้องสูง....