- Details
- Category: อาชญากรรม
- Published: Friday, 30 October 2015 14:35
- Hits: 10435
รวบหนุ่มบาร์ผู้ชาย เด็กเอี๊ยด ร่วมฉกของบิ๊กกิ๊ก นายศุกร์โข-ซุกทรัพย์สินไว้อื้อ สอบซีพีคลี่ปมรีดไถเงินเจ้าสัว เค้นญาติหยอง-ขบวนการใหญ่
รวบหนุ่มบาร์ผู้ชาย คนสนิท"พ.ต.ต. ปรากรม"ทำงานรับใช้ใกล้ชิด ขนาดพาไปค้นบ้านแล้วฉกสมบัติ"บิ๊กกิ๊ก" ด้วยกัน ตร.จัดทีมสอบเอกชนที่เชื่อมโยง รวมทั้ง"ธนินท์ เจียรวนนท์" แต่ไม่สอบเจ้าสัวซีพีโดยตรง จะสอบผู้เกี่ยวข้องแทน ขยายผลไปหาผู้ร่วมขบวนการและติดตามทรัพย์สิน เลขาฯปปง.แถลงตรวจธุรกิจกลุ่มผู้ต้องหา พบว่าหยองกับเอี๊ยดทำตัวเสมือนเป็นผู้แทนพระองค์ เชิญการ์ดทรงขอบคุณผู้สนับสนุนงานปั่นเพื่อแม่ไปอ้างรับผลประโยชน์ ระบุเอี๊ยดมีธุรกรรมต้องสงสัย 148 ธุรกรรม กำลังตรวจสอบเส้นทางเงินและทรัพย์สิน แนะญาติถ้ารู้ว่าได้รับเงินหรือทรัพย์ที่เกี่ยวกับการทำผิดให้รีบนำมาคืน
วันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9102 ข่าวสดรายวัน
สนิทเอี๊ยด - ตร.กองปราบฯ คุมตัวนายศุกร์โข ตามเสรี หนุ่มคนสนิทสารวัตรเอี๊ยด ที่ถูกหมายจับข้อหามีอาวุธปืน เบื้องต้นยอมรับเคยร่วม ฉกทรัพย์ของพล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ุ เมื่อวันที่ 29 ต.ค.
จากกรณีจับกุมนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง, นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ หรืออาท เลขานุการคนสนิทของนายสุริยัน และพ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือสารวัตรเอี๊ยด ผู้ต้องหาแอบอ้างสถาบันเบื้องสูง และความผิดอื่นๆ อีกหลายข้อหา ล่าสุดพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร., พล.ต.ท. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท.รองผบ.ตร. เปิดแถลงรายละเอียดคดี พร้อมกับนำของกลางจำนวนมาก และแผ่นชาร์ตแจกแจงพฤติกรรมของกลุ่มผู้ต้องหา ที่อ้างงานปั่นเพื่อแม่ และงานปั่นเพื่อพ่อ ไปเรียกรับผลประโยชน์จากภาคส่วนต่างๆ อาทิ เจ้าสัวใหญ่ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และมาดามผู้บริหารบริษัทประกันภัย เป็นเงินหลายล้านบาท ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
ออกหมายจับเพิ่ม'ศุกร์โข ตามเสรี'
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 13.45 น.วันที่ 29 ต.ค. ที่บช.ก. พล.ต.ท. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท.รองผบ.ตร. เรียกประชุมชุดสืบสวนสอบสวนคดีขบวนการแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงเรียกรับผลประโยชน์ ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ใช้เวลาประชุม 1 ชั่วโมงครึ่ง พล.ต.ท.ศรีวราห์ให้สัมภาษณ์ ภายหลังประชุม ว่า ขณะนี้ศาลอาญากรุงเทพใต้อนุมัติหมายจับที่ จ.714/ 2558 ลงวันที่ 29 ต.ค. 2558 ผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 1 ราย คือ นายศุกร์โข ตามเสรี อายุ 32 ปี ข้อกล่าวหา "มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครอง" โดยพฤติการณ์เป็นไปตามที่ เจ้าหน้าที่ได้แถลงเมื่อวันที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา คือเมื่อวันที่ 23 ต.ค. 2558 เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้นพบอาวุธปืนขนาด .380 จากบ้านพักของผู้ต้องหา สถานที่เกิดเหตุที่แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กทม. แต่ขณะนี้ยังไม่พบความผิดข้อหาหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามมาตรา 112 อย่างไรก็ตามหากสอบสวนพบว่าผู้ต้องหากระทำความผิดเกี่ยวข้องกับกฎหมาย มาตรา 112 ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนความเกี่ยวข้องของนายศุกร์โขกับผู้ต้องหาทั้ง 3 คนก่อนหน้านี้ พบว่าอยู่ในขบวนการเดียวกัน
รรท.รองผบ.ตร.กล่าวถึงการรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับผู้ต้องหาในขบวนการดังกล่าวทั้ง 3 คน คือ นายสุริยัน หรือหมอหยอง พ.ต.ต.ปรากรม หรือสารวัตรเอี๊ยด และนายจิรวงศ์ หรืออาท คนสนิทหมอหยอง โดยได้เร่งรัดฝ่ายสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ให้เสร็จสิ้นภายในสัปดาห์หน้า ขณะนี้สำนวนคดีคืบหน้าไปแล้วกว่า 80% จากนี้เจ้าหน้าที่จะ ขยายผลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเส้นทางการเงินของ ผู้ต้องหาในขบวนการที่มีกับบริษัทต่างๆ หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องต้องดำเนินการตามกฎหมายเช่นกัน อย่างไรก็ตามไม่สามารถระบุจำนวนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีนี้ได้อย่างแน่ชัด แต่ยืนยันว่าต้องมีผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีกแน่
ต้องสอบเอกชนที่พาดพิงถึง
ผู้สื่อข่าวถามถึงนายตำรวจ 8 นายสังกัดบช.ก. ที่ถูกย้ายมาประจำศปก.บช.ก.ก่อนหน้านี้ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ แต่ชั้นนี้ยังไม่พบความเกี่ยวข้องแต่อย่างใด หากพบต้องดำเนินการ เมื่อถามถึงการยึดทรัพย์กลุ่มผู้ต้องหาขบวนการนี้ รรท.รองผบ.ตร.กล่าวว่า หากมีความผิดเข้าตามหลักกฎหมายต้องดำเนินการ เมื่อถามถึงบริษัทที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับ ผู้ต้องหาในการจัดทำเข็มกลัดและเสื้อ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ตนไม่เคยพูดว่าเป็นบริษัทเอกชนรายใด แต่หากการสอบสวนพาดพิงไปถึงบุคคลหรือบริษัทเอกชนรายใด ต้องเรียกเข้ามาสอบปากคำทั้งหมดตาม ขั้นตอนของกฎหมาย
ต่อข้อถามว่า ยังมีตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ไม่สามารถตอบได้ แต่หากมีพยานหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงต้องดำเนินการ เมื่อถามว่าพ.ต.ต.ปรากรมเข้าไปนำของกลางในคดีของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผบช.ก. มาครอบครองได้อย่างไร พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ต้องชี้แจงว่าทรัพย์สินของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ที่พ.ต.ต.ปรากรมเอาไปนั้นไม่ใช่ของกลางในคดี เนื่องจากพ.ต.ต.ปรากรมนำออกไปก่อนที่ เจ้าหน้าที่จะเข้าไปตรวจยึด ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนอยู่ว่าพ.ต.ต.ปรากรมเข้าไปเอาทรัพย์สินดังกล่าวได้อย่างไร เมื่อถามว่าแสดงว่าต้องมีเจ้าหน้าที่คนอื่นเข้าไปพร้อมกับพ.ต.ต.ปรากรมด้วย พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ตนเชื่อว่าต้องมี อย่างไรก็ตามหากพบใครเกี่ยวข้องต้องถูกดำเนินคดี เพราะผู้ต้องหา จะเข้าไปทำสิ่งเหล่านี้คนเดียวไม่ได้แน่นอน เมื่อถามว่าต้องเป็นคนที่ใกล้ชิดหรืออยู่ชุดสืบสวนสอบสวนในคดีใช่หรือไม่ พล.ต.ท. ศรีวราห์กล่าวว่า ต้องรอผลการสอบสวนก่อน
สนิทสนม - ภาพอดีตเมื่อครั้งสารวัตรเอี๊ยดซ้อนท้ายบิ๊กไบก์ของนายศุกร์โข ตามเสรี หนุ่มบาร์โฮสต์เพื่อนชายคนสนิท โดยทั้งคู่เคยร่วมกันฉกทรัพย์สินของพล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผบช.ก.ด้วย |
30 ต.ค.ทหารจะส่งตัว'ศุกร์โข'
ต่อข้อถามว่าขณะนี้นายศุกร์โข ผู้ต้องหาคนล่าสุด ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมไว้แล้วหรือยัง พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องสอบถามทางกองทัพ แต่เชื่อว่าวันที่ 30 ต.ค.เจ้าหน้าที่ทหารจะนำตัวมาส่งมอบให้พนักงานสอบสวนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อถามถึงความเกี่ยวข้องระหว่างนายศุกร์โขกับพ.ต.ต.ปรากรม รรท.รองผบ.ตร.ไม่ตอบ แต่หัวเราะออกมา
เมื่อถามต่อว่า พอจะบอกได้หรือไม่ว่าความสนิทสนมของทั้งคู่อยู่ระดับใด พล.ต.ท. ศรีวราห์กล่าวว่า "ไม่ได้ๆ"
ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงข้อมูลที่พบว่านายศุกร์โขมีรายชื่อปรากฏอยู่ในบัญชีที่พ.ต.ต. ปรากรม ฝากให้เข้ารับราชการ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่มีอยู่ในสำนวน เมื่อถามถึงทรัพย์สินของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ที่พ.ต.ต.ปรากรมไปนำมา ทางญาติของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ได้ร้องเรียนให้ตรวจสอบหรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า อยู่ระหว่างดำเนินการ แต่ทรัพย์สินดังกล่าวมีการตรวจสอบก่อนหน้านี้แล้ว
ต่อข้อถามว่า คดีความผิดตามมาตรา 112 จะมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงถูกออกหมายจับหรือไม่ รรท.รองผบ.ตร.กล่าวว่า ขึ้นอยู่ว่าศาล จะอนุมัติหมายจับเมื่อใด เมื่อถามว่ามีผู้ที่มี ยศเหนือพ.ต.ต.ปรากรมหรือไม่ พล.ต.ท. ศรีวราห์กล่าวว่า "คุณจะมาสรุปว่าเหนือกว่าหรือไม่เหนือกว่า จะมาถามนำแบบนั้นไม่ได้ ผมเรียนว่าถ้าหลักฐานมันพาดพิงก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมายและระเบียบ ส่วนจะถึงใครต้องแล้วแต่พยานหลักฐาน"
เมื่อถามว่า จะออกหมายจับทหารหรือไม่ รรท.รองผบ.ตร.กล่าวว่า ไม่มี วันนี้ยังไม่มี เมื่อถามว่าคดีนี้จะเชื่อมโยงถึงทหารหรือไม่ รรท.รองผบ.ตร.กล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ในสำนวน เข้าใจหรือไม่ว่าคดีแบบนี้ต้องพูดตามพยานหลักฐาน จะพูดเอง เดาเอง ไม่ได้ เพราะตนไม่ทราบว่าที่ตนขอไปศาลจะออกหมายจับให้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ดังนั้นตนจะพูดได้อย่างไร เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่ว่าจะออกหมายจับเครือญาติพ.ต.ต.ปรากรม รรท.รองผบ.ตร.กล่าวว่า อยู่ระหว่างสอบสวนขยายผล ถ้าพบว่ามีการกระทำความผิดต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
สอบผู้เกี่ยวข้องแทนเจ้าสัวซีพี
พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น. 6 หนึ่งในชุดสืบสวนคดี เปิดเผยว่า เรื่องการสอบปากคำบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องในคดีหมิ่นเบื้องสูง เบื้องต้นได้แบ่งชุดพนักงานสอบสวนไว้หลายสิบชุด ซึ่งจะแยกสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องในแต่ละสำนวนคดี หากบุคคลที่จะสอบปากคำเป็นผู้มีความสำคัญ ก็จะมอบหมายหัวหน้าชุดสอบสวนแต่ละชุดไปสอบปากคำ ซึ่งจะมียศพ.ต.อ.ถึงพล.ต.ต. ไปสอบปากคำ
ส่วนที่เกี่ยวข้องกับนายธนินท์ เจียรวนนท์ หรือเจ้าสัวซีพี จะมีคณะพนักงานสอบไปสอบปากคำ แต่ไม่ได้ไปสอบนายธนินท์โดยตรง แต่สอบผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว ขณะที่บริษัทเอกชนที่รับผลิตสินค้า เช่น เข็มกลัด เบื้องต้นเชื่อว่าเป็นบริษัทที่ดำเนินการซื้อขายสินค้าอย่างสุจริต ซึ่งการคิดกำไรการขาดทุนเป็นเรื่องของทางการค้าปกติอยู่แล้ว แต่ต้องเรียกมาสอบปากคำว่ามีเจตนาอื่นแอบแฝงหรือไม่
ตามยึดทรัพย์คืนจากญาติหยอง
ผบก.น.6 กล่าวต่อว่า กรณีนายสุริยัน หรือหมอหยอง โอนย้ายทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำผิดไปให้กับเครือญาตินั้น เบื้องต้นฝ่ายสืบสวนลงไปติดตามว่าทรัพย์สินได้กระจายไปอยู่ที่บุคคลใดบ้าง เพื่อจะยึดทรัพย์สินกลับคืนมา ส่วนจะต้องดำเนินคดีกลุ่มเครือญาติหมอหยองอย่างไรบ้างนั้น เบื้องต้นจะเข้าไปสอบสวนข้อเท็จจริงว่าเกี่ยวข้องอย่างไร ซึ่งความผิดดังกล่าวอาจเข้าข่ายกระทำผิดรับของโจร
ทำตัวเสมือนผู้แทนพระองค์
วันเดียวกันสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ปปง. แถลงผลการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่ 14/2558 ว่า ตามที่ตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ มีหนังสือมายังปปง.ขอให้ตรวจสอบข้อมูลทางการเงินและรายงานข้อเท็จจริงในการปฏิบัติตามพ.ร.บ.ฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ของพ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือสารวัตรเอี๊ยด และนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง กับพวก จากการสืบสวนสอบสวนทราบว่าพ.ต.ต.ปรากรมกับพวก มีพฤติการณ์ร่วมกันเชิญการ์ดทรงขอบคุณผู้มีส่วนร่วมในกิจกรรมไบค์ฟอร์มัมไปมอบให้กับบุคคลต่างๆ โดยแสดงให้ปรากฏทางคำพูด การกระทำ และเชิงสัญลักษณ์ว่าเป็น ผู้แทนพระองค์ ทั้งที่ไม่เป็นความจริง ไม่ได้มีตำแหน่งหรือหน้าที่เกี่ยวข้องกับการเชิญการ์ดทรงขอบคุณ แต่ร่วมกับผู้ต้องหารายอื่นกระทำการเพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่ามีตำแหน่งหน้าที่นั้น เพื่อตนเองจะได้รับประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย จึงมีพฤติการณ์เป็นเจ้าพนักงานรัฐปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่อาจทำให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่งหรือหน้าที่ ทั้งที่ตนมิได้มีตำแหน่งหน้าที่นั้น เพื่อแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น
เอี๊ยดมี 148 ธุรกรรมต้องสงสัย
พ.ต.อ.สีหนาทกล่าวต่อว่า ปปง.ได้ตรวจสอบรายงานธุรกรรม พบข้อมูลการรายงานการทำธุรกรรมของพ.ต.ต.ปรากรม กับพวกรวม 8 คน เป็นธุรกรรมเงินสด และธุรกรรมเกี่ยวกับทรัพย์สิน โดยเป็นธุรกรรมที่มีเหตุอันควรรายงาน รวมทั้งสิ้น 148 ธุรกรรม ตรวจสอบข้อมูลการถือครองยานพาหนะ ปรากฏข้อมูลของการถือครองยานพาหนะ 20 รายการ ได้แก่ รถยนต์ 12 คัน และรถจักรยานยนต์ 8 คัน ซึ่งคณะกรรมการธุรกรรมพิจารณาแล้วเห็นว่า พฤติการณ์แห่งการกระทำดังกล่าวมีลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (5) พ.ร.บ.ฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือความผิดต่อหน้าที่ในการยุติธรรมตามประมวลกฎหมายอาญา และมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า พ.ต.ต.ปรากรมกับพวก อาจได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด คณะกรรมการธุรกรรมจึงมีมติมอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรม หรือทรัพย์สิน ของพ.ต.ต.ปรากรม กับพวก รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับบุคคลดังกล่าวทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวถามว่าปปง.เข้าไปตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินของพ.ต.ต.ปรากรมกับพวกช่วงใด พ.ต.อ.สีหนาทกล่าวว่า ปปง. เข้าตรวจสอบการทำธุรกรรมของพ.ต.ต.ปรากรมกับพวก ตั้งแต่ม.ค.2557จนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีธุรกรรมที่ต้องสงสัยจำนวน 148 ธุรกรรม ซึ่งมีทั้งการโอนเงินจำนวนตั้งแต่หลักแสนบาทจนหลักล้านบาท แต่ไม่ได้หมายความว่ากลุ่มผู้โอนเงินให้กับพ.ต.ต.ปรากรมกับพวก ทุกคนจะมีความผิด เนื่องจากบางส่วนเป็นการทำธุรกิจ เพราะนายสุริยันก็ได้เปิดบริษัททำธุรกิจอื่นด้วย เมื่อถามว่าพบว่ามีการเตรียมยักย้ายถ่ายเทเงินในบัญชีหรือไม่ พ.ต.อ.สีหนาทกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบ เนื่องจากปปง. เพิ่งจะเข้าตรวจสอบ
ผู้รับเงินมีนามสกุลเดียวกันด้วย
ต่อข้อถามว่า ของกลางที่ตำรวจยึดได้จากพ.ต.ต.ปรากรมกับพวกนั้น ปปง.ทราบหรือไม่ว่าเป็นของกลางของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผบช.ก. เลขาธิการปปง.กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เพราะของกลางที่ปปง.ได้รับก่อนหน้านี้ เป็นการส่งมอบจากทหารและตำรวจ หลังประกาศใช้กฎอัยการศึกแล้ว ประมาณ 2 เดือน ก่อนจะนำทรัพย์สินที่ยึดอายัดได้มามอบให้กับปปง. พร้อมทั้งจัดทำบัญชีแสดงทรัพย์สินมามอบให้ปปง.ด้วย ตนได้เห็นทรัพย์สินพร้อมกับสื่อมวลชน
เมื่อถามว่ารายชื่อ 8 ผู้ต้องหากรณีนี้มีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่รวมอยู่ด้วยหรือไม่ พ.ต.อ.สีหนาทกล่าวว่า ในรายชื่อดังกล่าวมีพ.ต.ต.ปรากรมเท่านั้นที่เป็นข้าราชการ ส่วนที่เหลือพบว่าเป็นพลเรือน อย่างไรก็ตามในการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงิน หากพบความเชื่อมโยงถึงใคร ตนจะเรียกบุคคลเหล่านั้นมาชี้แจงทั้งหมด โดยต้องรอพนักงานสอบสวนดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาผู้ที่เกี่ยวข้องให้เรียบร้อยก่อน จากนั้น ปปง.จะเข้าไปดำเนินการยึดทรัพย์สินต่อไป
พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวว่า ในส่วนของครอบครัวหรือญาติจะมีส่วนเกี่ยวข้องในคดีด้วยหรือไม่นั้น ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ เพราะคนที่ได้รับเงินมีทั้งคนที่ใช้นามสกุลเดียวกัน และไม่ใช้นามสกุลเดียวกัน จึงต้องตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนว่ามีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับกลุ่มผู้ต้องหาอย่างไร ทั้งนี้หากครอบครัวหรือญาติที่คิดว่าได้รับทรัพย์สินจากกลุ่มผู้ต้องหา และต้องการแสดงเจตนาว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องให้แจ้งมายังปปง. และนำทรัพย์สินดังกล่าวมาส่งคืนให้ปปง. ซึ่งปปง.จะพิจารณาว่ามีเจตนาหรือไม่ อย่างไร แต่ถ้าถึงขั้นตามไปยึดทรัพย์แล้ว ต้องเชื่อได้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิด
บ.สามารถแจงกรณีเกี่ยวข้อง
วันเดียวกัน น.ส.กนกวรรณ จันทร์สว่างภูวนะ ผอ.ฝ่ายสื่อสารองค์กร บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น ชี้แจงว่า สืบเนื่องจากการที่บมจ.สามารถเทลคอม ได้รับการติดต่อจากกองตำรวจสื่อสาร สำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ให้ดำเนินการย้ายอุปกรณ์ระบบวิทยุ ดีทีอาร์เอส จากสถานีตำรวจบึงกุ่ม มาติดตั้งบนอาคารใบหยกทาวเวอร์ 2 ตามข้อมูลที่ได้ชี้แจงเบื้องต้นไปแล้วนั้น บริษัทขอชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในการย้ายอุปกรณ์ดังกล่าว บริษัทได้ส่งใบเสนอราคาค่าดำเนินการแก่กองตำรวจสื่อสาร และเมื่อดำเนินการส่งมอบงานแล้วเสร็จ จึงได้ออกใบเรียกเก็บค่าบริการดังกล่าว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอการชำระเงินจากกองตำรวจสื่อสาร ทั้งนี้บริษัทได้ส่งหนังสือชี้แจงเพิ่มเติม และเอกสารใบแจ้งหนี้ เพื่อประกอบการพิจารณาแก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เตรียมสอบชุดใหญ่ญาติหยอง
รายงานข่าวแจ้งว่า ตำรวจกองปราบปรามไปที่คอนโดลาเมซอง ซ.พหลโยธิน 24 ที่พักของพ.ต.ต.ปรากรม หรือสารวัตรเอี๊ยด เพื่อเคลื่อนย้ายรถยนต์ของกลางบางส่วนที่ตรวจยึดได้ หลังจากขยายผลจับกุมสารวัตรเอี๊ยด เพื่อนำไปเก็บรักษาไว้ที่ค่ายทหาร ร.11 รอ.
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า จากการสอบสวนยังทราบว่า ระหว่างที่นายสุริยัน หรือหมอหยอง เป็นที่ปรึกษางาน "ปั่นเพื่อแม่" ได้แอบอ้างสถาบันเบื้องสูงไปขอรับเงินสนับสนุนเพื่อทำเข็มกลัดจากบริษัทห้างร้านหลายแห่ง เพื่อให้โอนเงินค่าทำเข็มกลัดไปให้กับบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้จัดทำเข็มกลัด โดยบริษัทแห่งนี้ได้โอนค่าคอมมิสชั่นจำนวนหลายล้านบาทเข้าบัญชี ธนาคารกรุงไทย ที่มีน้องสาวของน้องเขยนายสุริยัน เป็นเจ้าของบัญชี
ขณะที่อีกงานสำคัญ'ปั่นเพื่อพ่อ' ที่จะมีขึ้นในเดือนธ.ค.นี้ นายสุริยัน ในฐานะที่ปรึกษาได้แอบอ้างเบื้องสูง ไปขอรับเงินสนับสนุนทำเข็มกลัดจากบริษัทแห่งหนึ่ง เป็นเงิน 10 ล้านบาท ซึ่งได้โอนเงินค่าทำเข็มกลัดไป ให้กับบริษัทผู้จัดทำเดิมที่รับงานตั้งแต่งาน "ปั่นเพื่อแม่" จากนั้นบริษัทดังกล่าวได้โอนเงินค่าคอมมิสชั่นจำนวน 730,000 บาท ไปให้นายอาท เลขาฯคนสนิทนายสุริยันที่ถูกจับกุมพร้อมกับนายสุริยัน โดยนำเงินส่วนหนึ่งจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ในนาม บ.อาร์ต คเณศ โปรดักชั่น มีนางเอี้ยง จีราภา อริยวงศ์โสภณ พี่สาวของนายสุริยัน, นายอาท และนายเป (นามสมมติ) เป็นผู้บริหาร
สำหรับ บริษัทดังกล่าวตั้งอยู่ห้องเลขที่ 127/21 คอนโดพหลโยธินปาร์ค ซึ่งซื้อมาจากนางสุจิดา ชุติมา ขณะเดียวกันยังพบข้อมูลว่านายสุริยัน และพวก แอบอ้างการประชาสัมพันธ์ โดยหารือประชาสัมพันธ์ทางวิทยุ เคเบิลทีวี โทรศัพท์มือถือทุกค่าย โดยเชิญหน่วยงานมาประชุมเมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันแอบอ้างเป็นคนสนิทเบื้องสูง เพื่อหาประโยชน์การออกอากาศจากสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ ประชาสัมพันธ์โฆษณาของวัตถุมงคล โดยไม่เสียค่าออกอากาศ คิดเป็นเงิน 2.8 ล้านบาท และเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือเพื่อเรี่ยไรเงินสนับสนุน
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างเชิญตัวผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาสอบปากคำ โดยเฉพาะ นางทิพวัลย์ อัศวเกียรติก้อง ผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัทแม็คบารา จำกัด ที่รับจัดทำเข็มกลัด โดยจะสอบในฐานะพยาน นอกจากนี้อาจเชิญตัวน.ส.สุรีวรรณ ชาญฤทธิ์ น้องสาวของน้องเขยนายสุริยัน ซึ่งเป็นเจ้าของบัญชี ที่มีการโอนเงินผ่านบัญชีนี้ รวมทั้งนางจีราภา อริยวงศ์โสภณ ที่พบข้อมูลว่านำเงินไปจัดตั้งบริษัท อาร์ต คเณศ โปรดักชั่น นอกจากนี้จะตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มญาติและบุคคลใกล้ชิดของหมอหยองว่ามีส่วนรู้เห็นด้วยหรือไม่
ส่วนกรณี นายศุกร์โข ตามเสรี ผู้ต้องหารายล่าสุด ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีครอบครองอาวุธปืนของพ.ต.ต.ปรากรม เจ้าหน้าที่กำลังรวมรวบพยานหลักฐานเพื่อขยายผลจับกุมเพิ่มเติมอีก 7-8 ราย ซึ่งผู้ต้องหากลุ่มนี้มีทั้งตำรวจและพลเรือน
เผย'ศุกร์โข'หนุ่มคนสนิทเอี๊ยด
สำหรับ นายศุกร์โข หรือนายเค เป็นหนึ่งในคนสนิทของพ.ต.ต.ปรากรม เคยทำงานบาร์โฮสต์ และขายรถมือสอง โดยนายเคเคยให้การไว้ว่า รู้จักกับพ.ต.ต.ปรากรมมานานแล้ว ก่อนถูกชักชวนให้มาช่วยทำงานในคดีพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ หรือบิ๊กกิ๊ก อดีตผบช.ก. โดยในวันที่เข้าตรวจค้นบ้าน 4 ชั้น ย่านแจ้งวัฒนะของบิ๊กกิ๊ก ก็ได้ขึ้นไปตรวจค้นพร้อมกับพ.ต.ต.ปรากรม และได้เอาเงินสดประมาณ 10,000 บาท พร้อมสร้อยคอทองคำ พระเลี่ยมทอง 2-3 องค์ มาให้พ.ต.ต.ปรากรมด้วย
นอกจากนี้นายเคยังให้การว่า วันดังกล่าวได้ยกเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดที่บ้านของ บิ๊กกิ๊ก มาวางไว้ในรถของพ.ต.ต.ปรากรม แต่ไม่ทราบว่าถูกนำไปเก็บไว้ที่ไหน และยังเดินทางไปร่วมตรวจค้นบ้านแม่ของอดีตผบช.ก. โดยทำหน้าที่ขับรถและถ่ายภาพให้กับพ.ต.ต. ปรากรม พร้อมทั้งยืนยันว่าทรัพย์สินของกลางบางชิ้นที่ตำรวจยึดมาได้นั้น บางส่วนเป็นทรัพย์สินที่ยึดมาจากบ้านของบิ๊กกิ๊กด้วย
คุมตัว"ศุกร์โข"ส่งกองปราบ
ต่อมาเวลา 21.30 น.ที่กองปราบฯ เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนายศุกร์โข หรือเค ตามเสรี อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับมาส่งมอบให้กับพ.ต.อ.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ กก.6 บก.ป ปฏิบัติราชการ กก.1 บก.ป เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม พร้อมทั้งลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำไปฝากขังต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ เวลา 10.00 น.วันที่ 30 ต.ค.