- Details
- Category: อาชญากรรม
- Published: Friday, 11 September 2015 11:48
- Hits: 10686
อิซานจ่อโดน หมายจับที่ 12 ชี้แอบไป โอนเงิน กับยูซุฟู ที่แบงก์! ย่านราม
จ่อหมายจับ 'อิซาน' ตัวการบึ้มกรุง พร้อมเร่งตามแกะรอย-หาเบาะแส แฉยูซุฟู-อิซานโผล่โอนเงินที่แบงก์ย่านรามคำแหง ประสานปปง.หาต้นทาง-ปลายทางเงิน โฆษกตร.เผย อิซานก็เคยอยู่อพาร์ตเมนต์ย่านหนองจอก-มีนบุรี โดยได้ข้อมูลพาสปอร์ตมาแล้ว รอข้อมูลจากบังกลาเทศ-ตร.สากลถึงแหล่งกบดาน ไม่ยืนยันยูซุฟูอยู่ในกลุ่มแบ่งแยกดินแดนซินเจียง เร่งขยายผลมีต่างชาติเอี่ยวอีกหรือไม่ เรือนจำคุมเข้ม 2 ผู้ต้องหาคดีบึ้ม ส่งจนท.-นักโทษชั้นดีประกบ 24 ช.ม. ห้ามทั้งคู่มาเจอกันในคุก 'บิ๊กตู่'รอสอบสวนปมตม.ฉาว สมยศแฉซ้ำทีมบึ้มเข้าออกไทย 4-5 ครั้ง จ่ายเงินให้จนท. 600 ดอลลาร์ สั่งตร.สอบสวนคู่ขนานด้วย ยันเตรียมย้ายขาดตม.โฉ่
วันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9053 ข่าวสดรายวัน
'บิ๊กตู่'รอสอบสวนปมตม.
เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกรณีผบ.ตร.ย้ายตำรวจตม.ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ว่า กำลังสอบสวนอยู่ เบื้องต้นจะสอบสวนเนื่องจากมีการกล่าวหา คดีความก็ต้องตรวจสอบว่าใครผิด ใครถูก จะต้องย้ายกันหรือไม่ จะย้ายอีกหรือไม่นั้นก็ต้องดูก่อน ซึ่งเรื่องนี้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกฯ และรมว.กลาโหม และตร.ดูอยู่ จำเป็นก็ย้ายมาสอบสวน
เมื่อถามว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีการเสนอให้พิจาณาเรื่องอะไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่ายังไม่เสนอตนเลย เขาจะต้องผ่านรอง นายกฯ ขึ้นมาก่อน ซึ่งได้พูดคุยกันแล้ว ถ้ามีเหตุการณ์จำเป็นก็จะต้องทำ เดี๋ยวก็ทำเองจะเร่งอะไรกันหนักหนา
เร่งสืบเบาะแส'อิซาน'
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าเหตุระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์และท่าเรือสาทรว่า การพบเบาะแสนายอาบู ดูซาตาร์ อบูดูเระห์มาน หรืออิซาน ผู้ต้องสงสัยร่วมอยู่ในทีมระเบิดได้หลบหนีออกนอกประเทศกบดานอยู่ที่ประเทศบังกลาเทศนั้น เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนดำเนินการ ทั้งนี้อย่าเพิ่งรีบสรุปว่านายอิซานเป็นหัวหน้าใหญ่คอยสั่งการ ส่วนกรณีที่สำนักข่าวบีบีซีรายงานโดยอ้างรายงานจากโกลบอลไทม์ว่า นายมีไรลี ยูซุฟูคือหนึ่งในขบวนการแบ่งแยกดินแดนซินเจียงนั้น ตนยังไม่ได้รับรายงาน เพราะว่าจะเป็นขบวนการหรือไม่ใช่ใครจะไปรู้ได้ ใครจะบอกเราได้ กรณีที่บีบีซีนำเสนอข่าวอาจมีข้อมูลดีกว่าเรา อาจมีการไปสืบเสาะมาก็เป็นได้ ส่วนตนนั้นไม่ทราบ การตรวจสอบพาสปอร์ตล่าสุดของนายยูซุฟูกำลังดำเนินการอยู่ ยังไม่ได้รับการยืนยันสัญชาติ
ทีมบึ้มจ่าย 600 ดอลลาร์เข้าไทย
พล.ต.อ.สมยศกล่าวถึงพฤติกรรมตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่กระทบต่อภาพลักษณ์ของตร.ว่า ได้ลงนามในหนังสือเรียบร้อยแล้ว เพื่อรายงานพฤติกรรมของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รับทราบแล้วเมื่อวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา เพื่อกำหนดวิธีการหรือหารือแก้ไขปัญหาเหล่านั้น โดยเป็นการแก้ปัญหาในภาพรวมไม่ได้เจาะจงบุคคลใด ส่วนเนื้อหาในเอกสารจะเรียนพล.อ.ประยุทธ์ ว่าจากการที่ได้รับการร้องเรียนมาจากประชาชน ชาวต่างชาติ นักธุรกิจ และบริษัทท่องเที่ยวที่ไปมีส่วนเกี่ยวข้องหรือต้องไปใช้บริการของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองว่าได้รับผลกระทบ โดยการถูกเรียกรับผลประโยชน์
ผู้สื่อข่าวถามว่าผู้ถูกกล่าวหาก่อคดีความรุนแรงได้ให้เงินกับตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 5 ครั้ง ทราบยอดเงินหรือไม่ว่าจ่ายเท่าไหร่และให้ตำแหน่งไหนบ้าง พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่าเท่าที่ได้สอบปากคำผู้ต้องสงสัยพบว่าเดินทางเข้าออกชายแดนไทย 4-5 ครั้ง เดินทางจากประเทศเวียดนามก็ได้จ่ายค่ารถรายทางมาตลอดทาง สุดท้ายมาจ่ายที่ชายแดนไทยให้แก่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 600 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ ตนไม่รู้ว่าทุกครั้งจะเรียกเท่ากันหรือไม่ ขั้นตอนของการซิกแซ็กของสตม.มี 6 ข้อ ทั้งเปลี่ยนจากวีซ่าท่องเที่ยวเป็นวีซ่านักศึกษาหาที่เรียนให้ด้วย ตม.บางคนให้ญาติไปเปิดโรงเรียนสอนภาษา และชาวต่างชาติที่อยากอยู่ต่อให้ไปสมัครเป็นนักศึกษาเรียนในโรงเรียนแห่งนี้ มีทุกรูปแบบ คนที่จะมาอยู่หลังเกษียณไม่มีเงินฝาก คนเหล่านี้ก็จัดการฝากเงินให้ 800,000 บาทและถอนทันที แต่ตัวเลขเงินก็ยังอยู่ในสมุดบัญชี ตนบอกให้มีการแก้ไขตลอดเวลา
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวด้วยว่า ส่วนการดำเนินการกับผบช.สตม.บอกให้จเรตำรวจตรวจสอบแล้ว โดยคงไม่ขอให้พล.อ.ประยุทธ์ใช้มาตรา 44 จัดการ เพราะอย่าให้ท่านใช้อำนาจโดยที่รู้สึกไม่ดีเลย และท่านสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบแล้ว โดยการทำหนังสือให้พล.อ.ประยุทธ์ เพราะมีหน่วยงานที่มีประสิทธิภาพมากกว่า ตนไว้ใจให้พล.อ.ประยุทธ์ตรวจสอบมากกว่าตำรวจด้วยกัน แต่เบื้องต้นมอบหมายให้พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ หัวหน้าจเรตำรวจตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยให้รายงานมาในวันที่ 23 ก.ย.นี้ ทั้งเรื่องของตม.สระแก้วและคดีโรฮิงยาทั้งหมด และรอดูว่าจะตรวจสอบว่าพบความผิดหรือไม่ ส่วนคำสั่งย้ายตำรวจตรวจคนเข้าเมืองออกนอกพื้นที่กำลังดำเนินการอยู่ เป็นกลุ่มเจ้าหน้าที่โดนย้ายมาช่วยราชการทั้งหมด โดยจะมีการโยกย้ายแน่นอนคาดว่าเร็วๆ นี้
ตร.จ่อหมายจับ'อิซาน'
ด้านพล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร. และโฆษกตร. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีระเบิดว่า จากเมื่อวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้ทำแผนฯ ที่ธนาคารย่านหนองจอก พบว่านายยูซุฟูเดินทางไปเปิดบัญชีคนเดียว ดูจากกล้องวงจรปิดแล้วพบว่าไม่มีผู้เกี่ยวข้องคนอื่น ยังอยู่ในขั้นตอนการขยายผลบัญชีธนาคาร และปปง.ได้ส่งเอกสารการตรวจสอบเบื้องต้นมาให้แล้ว ซึ่งต้องส่งเอกสารเพิ่มเติมอีกในเรื่องของรายชื่อที่ตำรวจได้มา ทั้งนี้ยังไม่มีอะไรที่เชื่อมโยงกับการส่งเงินมาจากผู้บงการ เงินที่ถูกส่งมาก็ไม่ใช่เงินจำนวนเยอะ จึงยังไม่มีอะไรที่สามารถนำมาใช้ได้เต็มที่ในเรื่องของการตรวจสอบด้านการเงิน ส่วนนายอิซานก็เป็นส่วนหนึ่งของผู้ที่อยู่ในอพาร์ตเมนต์ทั้ง 2 แห่ง โดยอ้างว่าเข้าพักห้องเดียวกัน เดินออกพร้อมกันกับนายยูซุฟู เป็นผู้ที่มีส่วนรู้เห็น แต่จะเป็นผู้บงการหรือไม่นั้น ใหญ่ขนาดไหนต้องหาหลักฐานมาก่อน แต่มีการรู้เห็นด้วยแน่นอน จะเข้าข่ายความผิดไหนต้องรอสืบสวนสอบสวนก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีรายงานข่าวว่า นายยูซุฟูเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มแบ่งแยกดินแดน ซินเจียง พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่ายังไม่มีการยืนยัน หากยืนยันก็คงเป็นทางลับ คงต้องตรวจสอบ แต่คงไม่นำมาพูดตรงนี้ได้ ขณะนี้ยังไม่มีอะไรยืนยันขนาดนั้น
เมื่อถามว่าเรื่องที่บอกว่านายอิซานเดินทางออกนอกประเทศตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค. และไปยังประเทศบังกลาเทศ มีข้อมูลยืนยันหรือไม่ พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่ามีข้อมูลการเดินทางเข้าออก แต่จำไม่ได้ ส่วนจะเข้าออกประเทศใดไม่ขอเปิดเผย เพราะผู้ที่เดินทางออกมักไปต่อที่ประเทศอื่นอีก นายอิซานมีข้อมูลเดินทางออก แต่ข้อมูลเดินทางเข้ายังตรวจสอบไม่พบ ส่วนการออกหมายจับนาย อิซานกำลังดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานอยู่
เร่งขยายผลมีต่างชาติเอี่ยวอีก
เมื่อถามว่านอกจากนายอิซานที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว ยังมีชาวต่างชาติคนอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และเดินทางออกนอกประเทศไปด้วยหรือไม่ พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า เนื่องจากคนที่เกี่ยวข้องในห้องมีหลายคน บางคนมาแล้วก็ไป ซึ่งน่าจะมีคนที่เดินทางออกนอกประเทศไปแล้วด้วย แต่ตำรวจจะขยายผลถึงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการที่มาก่อเหตุหรือไม่ หรืออาจเป็นผู้ที่หลบหนีเข้าเมืองและมาพักพิงเท่านั้น โดยผู้ที่อยู่ในห้องที่มีวัตถุระเบิดในขณะนั้นคือผู้ที่น่าจะเกี่ยวข้อง ส่วนจะยุ่งเกี่ยวหรือประกอบระเบิดก็ต้องดูว่ามีใครอยู่บ้างในตอนนั้น
เมื่อถามว่าเส้นทางการหลบหนีนอกจากจะเป็นเส้นทางธรรมชาติแล้ว มีการหลบหนีออกไปทางเครื่งบินทางด่าน ตม.สุวรรณภูมิ หรือด่านนเรศวรหรือไม่ พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า หากมั่นใจว่ายังไม่มีหมายจับก็สามารถเดินทางปกติได้ และบางครั้งเราก็ไม่รู้ เมื่อมาตรวจสอบย้อนหลังก็พบว่าเดินทางออกตามช่องทางปกติ ส่วนการใช้ช่องทางพิเศษหรือช่องทางธรรมชาติส่วนใหญ่จะรู้ตัวว่าเป็นเป้าหมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่าข้อมูลเท่าที่ตำรวจมีนาย อิซานทำหน้าที่อะไร พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า อิซานยังมีข้อมูลแค่อยู่ในกลุ่ม ยังไม่มีข้อมูลอย่างอื่น หรือระบุว่ามีหน้าที่ใด เป็นหัวหน้าหรือไม่ เพราะผู้ต้องหาที่ถูกจับได้ทั้ง 2 คนไม่พูดออกมาทั้งหมด และที่พูดออกมาก็ไม่ใช่เรื่องจริงทั้งหมด รับเพียงข้อหาที่ตำรวจกล่าวหาว่ามีระเบิด และตามหลักฐานที่ตำรวจมีนั้น นายอิซานไม่ใช่ชายเสื้อเหลืองที่วางระเบิดที่แยกราชประสงค์
ได้ข้อมูลพาสปอร์ตอิซานแล้ว
เมื่อถามว่า นอกจากการใช้วอตส์แอพติดต่อสื่อสาร ยังใช้ช่องทางอื่น เช่น เฟซบุ๊กหรือไม่ พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ตรวจสอบอยู่แต่ยังไม่เจอ ส่วนใหญ่คนที่ทำงานเหล่านี้จะไม่ใช้โซเชี่ยลมีเดียที่ระบุตัวตน ขณะนี้ยังไม่มีการออกหมายจับ แต่คาดว่าจะมีเพิ่มเติม ทุกวันนี้ทีมสืบสวนทำงานอยู่ตลอดเวลา อยู่ที่ช่องทางและโอกาส เมื่อได้มา 2-3 คนก็จะมายันซึ่งกันและกันจะง่ายขึ้น แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะออกหมายจับกี่คน เพราะข้อมูลไม่แน่นอน ก็หวังว่าอีกสัก 2-3 วันจะมีข้อมูลเพิ่มขึ้น แต่เบื้องต้นมีข้อมูลพาสปอร์ตของ นายอิซานแล้ว แต่ยังไม่มีอยู่ในมือ จึงยังไม่สามารถบอกสัญชาติได้ ส่วนการตรวจสอบพาสปอร์ตของนายยูซุฟู และนายอะเด็ม ได้ส่งไปแล้วทั้ง 2 ประเทศ แต่ยังไม่ยืนยันกลับมา
เมื่อถามว่าชายเสื้อฟ้ามีข้อมูลเพิ่มเติมหรือไม่ เพราะมีข่าวออกมาว่าชื่อซูแบร์ พล.ต.ท. ประวุฒิกล่าวว่า หากเป็นแบบนั้นจริงก็ดี ตอนนี้กำลังพยายามหาเรื่องเส้นทางการหลบหนีอยู่ว่าใครมีส่วน หากเรารู้เรื่องนี้ก็จะรู้ทิศทาง ซึ่งขณะนี้อยู่ในหมวดลับไม่ขอเปิดเผย
เมื่อถามว่ามีการประสานงานไปยังประเทศบังกลาเทศ กรณีนายอิซานหลบหนีไปกบดานหรือไม่ พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ได้ถามไปหมดแล้ว แต่ยังไม่ได้รับคำตอบกลับมา ที่เกี่ยวกับช่องทางตำรวจสากลถามไปหมดแล้ว แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเจอ ซึ่ง ผู้ต้องสงสัยอาจเดินทางต่อเครื่องก็ได้
แฉยูซุฟู-อิซานโผล่โอนเงิน
รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังตำรวจนำตัวนายยูซุฟูไปทำแผนฯ ที่ธนาคาร บริเวณปากซอยรามคำแหง 22 เนื่องจากแนวทางการสืบสวนพบว่าเมื่อวันที่ 5 ส.ค. นายยูซุฟูและนายอิซาน ได้เดินทางมาทำธุรกรรมทางการเงิน เป็นการโอนเงินจำนวนหลักหมื่นบาท ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างสืบสวนเส้นทางการเงินว่าทั้ง 2 คนโอนเงินไปให้ใคร เบื้องต้นชุดสืบสวนกำลังตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียง และตรวจสอบเส้นทางธุรกรรมทางการเงิน รวมถึงสอบปากคำพยาน คาดว่า 1-2 วันจะออกหมายจับนาย อิซานได้ โดยจะเป็นหมายจับคนที่ 12 ขณะที่ปปง.ได้ส่งเอกสารทางการเงินมาที่บช.น. หลังตรวจสอบว่ามีใครเกี่ยวข้องในเรื่องการโอนเงินของขบวนการวางระเบิดบ้าง
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า จากคำให้การของนายยูซุฟูระบุว่ารู้จักกับนายอิซาน เนื่องจากเคยช่วยเหลือหลายอย่าง รวมถึงช่วยต่อ พาสปอร์ตให้ทุกครั้ง ส่วนผลตรวจวัสดุประกอบระเบิดและสารเคมีที่พบในห้องของผู้ต้องหา ได้ส่งมาที่พนักงานสอบสวนแล้ว ซึ่งรายงานผลบางอย่างเป็นศัพท์ทางเทคนิค พนักงานสอบสวนจึงต้องไปสอบปากคำเจ้าหน้าที่อีโอดี เรื่องวัตถุระเบิดว่ามีความเชื่อมโยงกับผู้ต้องหาและมีแหล่งผลิตเดียวกันหรือไม่ นอกจากนี้ต้องตรวจสอบสารเคมี ที่พบในห้องผู้ต้องหาว่าสามารถนำมาผลิตเป็นสารตั้งต้นระเบิดได้หรือไม่
นอกจากนี้ ต้องสอบปากคำพยานเพิ่มเติม กรณีตำรวจไปตรวจบ้านพักต้องสงสัยในซอยราษฎร์อุทิศ 34 และพบถังบรรจุยาเคผสมน้ำ 7 แกลลอนซุกซ่อนอยู่ เบื้องต้นพยานให้การว่าพบเห็น น.ส.วรรณา อุ้มลูกเข้าออกบ้านต้องสงสัย หากเป็นความจริงก็แสดงว่าขบวนการวางระเบิดยุ่งเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติดด้วย หากตรวจสอบแล้วไม่ใช่ น.ส.วรรณา ก็ตัดประเด็นยาเสพติดทิ้งไป
เรือนจำเข้ม 2 ผู้ต้องหาคดีบึ้ม
ขณะที่นายไพฑูรย์ อำพันธ์ ผบ.เรือนจำพิเศษมีนบุรี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา เรือนจำพิเศษมีนบุรีรับตัวนายยูซุฟูมาฝากขัง โดยเจ้าหน้าที่ได้นำตัวคุมขังยังแดนความมั่นคงสูงหรือแดนพิเศษ ซึ่งเป็นที่เดียวกับ นายอะเด็ม คาราแด็ก ผู้ต้องหาในคดีเดียวกัน แต่จัดให้อยู่คนละอาคาร ส่วนการรักษาความปลอดภัยนั้น ในช่วงเวลากลางวันได้จัดผู้ต้องขังชั้นดี 3 คน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ผู้คุมอีก 1 นาย คอยเฝ้าดูแล ส่วนในเวลากลางคืน ได้จัดให้นอนรวมกับนักโทษชั้นดี 17 คน โดยมีกล้องวงจรปิดคอยติดตามและสังเกตพฤติกรรมอยู่ตลอด 24 ช.ม.
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับการรับตัวนายยูซุฟูนั้น ระหว่างการนำตัวเข้าเรือนจำได้ใช้ผ้าปิดตา เพื่อความปลอดภัยในการจดจำสถานที่ เนื่องจากเป็นผู้ต้องขังคดีมั่นคง ก่อนนำตัวไปห้องแยกขัง โดยนายยูซุฟูสามารถรับประทานอาหารได้ และมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมห้องมากขึ้น ซึ่งภาษาที่ใช้ในการสื่อสารเป็นการเล่นเกมส์กับเพื่อนร่วมห้องด้วยภาษามือ แต่สายตาของนายยูซุฟูยังค่อนข้างเย็นชา และมีลักษณะเหมือนการเก็บข้อมูลอยู่ตลอดเวลา
ส่วนนายอะเด็ม ผู้ต้องขังคดีเดียวกันที่ถูกส่งเข้าเรือนจำตั้งแต่วัน 5 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้แยกขังคนละส่วนกับนายยูซุฟู โดยอธิบดีกรมราชทัณฑ์กำชับให้แยกขังและห้ามทั้ง 2 คนพบปะพูดคุยกัน เนื่องจากเป็นผู้ต้องขังในคดีสำคัญและเป็นคดีความมั่นคง ทั้งนี้ช่วงแรกที่นายอะเด็มเข้ามาไม่ยอมรับประทานอาหารที่ทางเรือนจำจัดให้ เพราะไม่มั่นใจว่าอาหารจัดให้ประกอบตามหลักศาสนาอิสลามหรือไม่ ทางเรือนจำจึงได้นำอาหารที่มีตราฮาลาลมาให้นายอะเด็ม