- Details
- Category: อาชญากรรม
- Published: Sunday, 08 February 2015 16:15
- Hits: 4191
วันที่ 07 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8837 ข่าวสดรายวัน
ตร.ได้เบาะแสใหม่ มือบึ้มขาเป๋ ใส่เสื้อมีตัวอักษร OG ข้างหลัง สมยศรับสอบชายต้องสงสัย แห่โทร.ให้ข้อมูล-ทีมล่าลุยตจว.
เบาะแสใหม่มือบึ้มพารากอน หนึ่งในคนร้ายขาซ้ายเดินกะเผลก คล้ายบาดเจ็บหรือใส่ขาเทียม ไว้ทรงผมหวีปัด เผยยกมือถือโทร.หาใครแล้วก่อเหตุ ส่วน มือบึ้มอีกคนใส่เสื้อขาวแขนสั้น พบหลังเสื้อมีอักษรภาษาอังกฤษ "OG" ตรวจสอบพบนั่งแท็กซี่สีชมพูคาดเขียวมาลงสยามสแควร์ซอย 7 แล้วเดินมาวางระเบิด โดยจุดชนวนด้วยไฟแช็ก ลูกแรกไม่มีสะเก็ดระเบิด อีกลูกมีตะปูยาวเป็นสะเก็ด ผบ.ตร.เผยเชิญผู้ต้องสงสัยมาสอบเป็นขั้นตอนปกติ ด้านผบช.น.แฉมีบางคดีคล้ายกับเหตุที่พารากอน ส่วนเรียกใครมาสอบไม่สามารถเผยได้ ชี้เป็นเรื่องปกตินำตัวผู้ต้องสงสัยมาเค้น เร่งสืบล่าตัวจากคนจ้างวานก่อน เผยชาวบ้านต่างจังหวัดแจ้งเบาะแสเคยเห็น 1 ในมือบึ้ม จัดตร. 7 ทีมลงพื้นที่ล่าตัว
จากกรณีเกิดเหตุระเบิดไปป์บอมบ์ 2 ลูก บริเวณทางเชื่อมห้างสยามพารากอนกับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยกล้องวงจรปิดจับภาพ 2 ชายต้องสงสัย ก่อนตำรวจขออนุมัติหมายจับ ส่วนการสืบสวนของเจ้าหน้าที่พบเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดที่มีนบุรี แต่ต่อมาหลักฐานบางอย่างพบคดีระเบิดที่ห้างสยามพารากอนและมีนบุรีไม่ตรงกัน เนื่องจากใช้ดินระเบิดคนละประเภท ขณะที่การสอบพยานปากเอกเป็นโชเฟอร์แท็กซี่ ระบุรับ 2 มือระเบิดมาจากซอยรางน้ำและมาส่งจุดเกิดเหตุ สำหรับมาตรการดูแลความปลอดภัย ตำรวจคุมเข้ม 100 จุดเสี่ยงทั่วกรุง พร้อมจับตาเดือนมี.ค.-เม.ย. ช่วงรัฐธรรมนูญเสร็จ ผวาเหตุป่วนซ้ำ ตามที่เคยเสนอข่าวไปนั้น
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 6 ก.พ. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กล่าวว่า ในส่วนของรายละเอียดมอบหมายให้พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร. และโฆษกตร.เป็นผู้ดูแล ส่วนการดำเนินคดีนั้นอยู่ระหว่างการสืบสวน โดย ผู้บังคับบัญชาไม่ได้กดดันฝ่ายสืบสวนให้เร่งรัดจับกุมคนร้าย เนื่องจากอยากให้การทำงานเป็นไปด้วยความละเอียดรอบคอบเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยยังคงเข้มงวดและไม่ได้หละหลวม เพียงแต่ปรับรูปแบบในการรักษาความปลอดภัยที่จะไม่เน้นใช้กำลังเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบประจำจุดต่างๆ เพื่อไม่ให้กระทบต่อการท่องเที่ยว ส่วนกรณีการเชิญตัวบุคคลต้องสงสัยหรือเข้าข่ายการ กระทำผิดเข้าให้ข้อมูลนั้น ก็เป็นการดำเนินการตามปกติตามขั้นตอน เนื่องจากบุคคลดังกล่าวอาจมีความเกี่ยวข้องหรือมีข้อมูลเกี่ยวกับการเกิดเหตุ
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. กล่าวว่า สำหรับแนวทางการสืบสวนค่อนข้างคืบหน้าพอสมควร โดยสั่งการให้ชุดสืบสวนไล่ตรวจสอบบุคคลที่เกี่ยวข้อง ด้วยการเปรียบเทียบจากคดีระเบิดที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน โดยเน้นไปที่เหตุใช้ระเบิดไปป์บอมบ์ตั้งแต่ปี 2553 พบมีเหตุเกิดในพื้นที่บช.น.ทั้งหมด 21 ครั้ง ถึงแม้จากการตรวจเหตุที่เกิดขึ้นในท้องที่มีนบุรี จะมีลักษณะของระเบิดที่แตกต่างกัน แต่มีบางกรณีที่คล้ายคลึงกับเหตุระเบิดที่ห้างสยามพารากอน ทั้งการประกอบระเบิดและดินระเบิด แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเป็นกรณีใด
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยมาสอบปากคำเพิ่มเติมหรือไม่ พล.ต.ท. ศรีวราห์กล่าวว่า เป็นเรื่องความลับของทางราชการ ไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่จะนำตัวผู้ต้องสงสัยมาสอบปากคำเพิ่มเติม อย่างกรณีเกิดเหตุที่สน.มีนบุรี ก็สั่งการให้ชุดสืบสวนเร่งติดตามตัวคนร้ายที่ขออนุมัติออกหมายจับเพิ่มเติมด้วย ส่วนบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องได้เชิญตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติม หากเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุที่มีลักษณะเดียวกันด้วยการใช้ระเบิดไปป์บอมบ์ จะสอบสวนเพื่อขยายผลหาบุคคลเกี่ยวข้องต่อไป
พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวอีกว่า ขั้นตอนการสืบสวนแบ่งเป็น 3 ส่วนคือ คนสั่ง คนทำระเบิดและคนวางระเบิด ซึ่งการติดตามตัวคนวางระเบิดจะจับตัวยากสุด วิธีการสืบสวนจึงต้องหาตัวคนที่จ้างวานมาให้ได้ก่อน จึงสามารถหาตัวคนที่วางระเบิดได้ ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ โดยชุดสืบสวนกำลังเร่งตรวจสอบอยู่ ทั้งนี้จะประชุมความคืบหน้าคดีระเบิดอีกครั้งในวันที่ 7 ก.พ. เวลา 14.00 น. ที่บช.น.
ผู้สื่อข่าวรายงาน ภายหลังพล.ต.ท.ศรีวราห์ เผยภาพจากกล้องวงจรปิดล่าสุด ซึ่งเห็นภาพคนร้ายค่อนข้างชัดเจน พบมีประชาชน 1 ราย แจ้งเบาะแสมายังบก.สส.บช.น. โดยผู้แจ้งรายละเอียดอาศัยอยู่ต่างจังหวัดและระบุว่า เคยเห็นบุคคล 1 ใน 2 รายที่ปรากฏในภาพจากกล้องวงจรปิดที่มีการเผยแพร่ ชุดสืบสวนจึงจัดกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ นอกจากนี้คณะทำงานทั้ง 7 ชุดได้กระจายกำลังหาหลักฐานเบาะแสเพิ่มเติมในพื้นที่ต่างจังหวัดและพื้นที่ชายแดนทั่วประเทศด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างสืบหาเส้นทางคนร้ายที่นั่งรถแท็กซี่ สีชมพูคาดเขียว โดย 2 มือบึ้มนั่งด้านหลังด้วยกันแต่คนละข้าง ซึ่งขึ้นจากซอยรางน้ำและวิ่งมาเข้าสยามสแควร์ซอย 7 จากนั้น 2 มือบึ้มเดินตัดเข้าทางสยามสแควร์ซอย 3 แล้วเดินเข้ามาทางดิจิตอลเกตเวย์ ก่อนเข้ามาบริเวณใกล้จุดวางระเบิด โดยทำท่าทีเหมือนเดินตามกันเข้ามาที่จุดเกิดเหตุ ลักษณะช่วยบังกัน โดยระเบิดลูกแรกที่ถูกจุดไม่มีสะเก็ดระเบิด ส่วนระเบิดอีกลูกมีตะปูลักษณะค่อนข้างยาว ซึ่งระเบิด ดังกล่าวถูกจุดด้วยไฟแช็ก โดยก่อนคนร้าย ก่อเหตุกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพได้ว่า หนึ่งในคนร้ายได้ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ก่อนลงมือจุดระเบิด โดยคนร้ายเป็นชาย เดินขากะเผลกเป็นผู้จุดระเบิดลูกแรกบริเวณหลังป้ายโฆษณา ส่วนชายสวมเสื้อแขน สั้นจุดระเบิดลูกที่ 2 ที่มีสะเก็ดระเบิดตาม มา ก่อนหลบหนีไปฝั่งตรงข้ามห้างสยาม พารากอนแล้วหายไปบริเวณป้ายรถเมล์หน้าโอสถศาลา
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ภาพจากกล้องวงจรปิดรอบจุดเกิดเหตุสามารถจับลักษณะท่าทางของคนร้ายได้ เป็นชายไม่ทราบชื่อสวมเสื้อแขนสั้นสีขาวอายุประมาณ 30-40 ปี สวมหมวกแก๊ปสีขาวและสะพายกระเป๋าสีดำคาดไว้ข้างหลัง ซึ่งเสื้อสีขาวมีสกรีนตัวอักษรภาษาอังกฤษเขียนไว้ด้านหลังว่า "OG" ส่วนคนร้ายอีกคนเป็นชายไม่ทราบชื่ออายุประมาณ 40 ปี สวมเสื้อแขนยาวสีขาว กางเกงขายาวสีดำ สวมหมวกแก๊ปสีดำ มีลักษณะพิเศษโดยเดินขากะเผลก ขาซ้ายมีลักษณะไม่สมบูรณ์คล้ายกับได้รับบาดเจ็บหรือใส่ขาเทียม ทรงผมหวีปัด โดยหนึ่งในคนร้ายทำท่ายกโทรศัพท์มือถือขึ้น ซึ่งอาจโทร.หาใครก่อนลงมือก่อเหตุดังกล่าว