WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

วันที่ 06 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8836 ข่าวสดรายวัน


ไม่ตรงคดีมีนบุรี บึ้มชักยุ่ง เข้ม 100 จุดกรุง 
อนุสาวรีย์ชัยฯ-ลาดพร้าว จับตาเม.ย.ช่วงรธน.เสร็จ ตร.ลุยเช็ก 3 กลุ่มมีประวัติ


ตรวจเข้ม - พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกตำรวจ นำทีมตรวจสกายวอล์ก ย่านปทุมวัน เพื่อสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยว ขณะที่ตำรวจแจกจ่ายภาพ 2 ผู้ต้องสงสัยคดีระเบิดหน้าห้างพารากอน ซึ่งกล้องวงจรปิดร้านค้าย่านสยามจับภาพไว้ได้ 

      คดีบึ้มพารากอนชักยุ่ง ผบช.น.เผยดินระเบิดไม่เหมือนกับเหตุที่มีนบุรี แต่อุปกรณ์ที่ใช้คล้ายคลึงกัน สั่งเร่งเทียบกับ 20 คดีเก่า โชว์อีกภาพวงจรปิด 2 ชายต้องสงสัยคล้าย มือบึ้มอยู่ย่านสยาม ด้านโฆษกตร.ลุยตรวจสกายวอล์กราชประสงค์ สั่งคุมเข้ม 100 จุดเสี่ยงทั่วกรุง จับตามากกว่า 3 กลุ่มต้องสงสัยมีประวัติใช้บึ้ม-อาวุธ พร้อมเทียบลายนิ้วมือที่เก็บได้ เชื่อมือบึ้มยังกบดานอยู่รอบกรุง "จักรทิพย์" โต้ข่าวลือ-ยันยังจับมือระเบิดไม่ได้ แต่มั่นใจได้ตัวแน่นอน ขณะที่สันติบาลจับตาเดือนมี.ค.-เม.ย. ช่วงรัฐธรรมนูญเสร็จ ผวาเหตุป่วนซ้ำ

      จากกรณีเกิดเหตุระเบิดไปป์บอมบ์ 2 ลูก บริเวณทางเชื่อมห้างสยามพารากอนกับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยกล้องวงจรปิดจับภาพ 2 ชายต้องสงสัยใส่เสื้อสีขาว ถือกระเป๋าและถุงสีส้มมาวางไว้ก่อนเกิดระเบิดขึ้น ก่อนตำรวจขออนุมัติหมายจับ ส่วนการสืบสวนของเจ้าหน้าที่พบเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดที่มีนบุรี สมานเมตตาแมนชั่น อ.บางบัวทอง จ.นนทุบรี รวมทั้งคดีระเบิดหน้าสถาบันพัฒนาข้าราชการตุลาการ และที่หน้าสำนักงานอัยการสูงสุด โดยรองผบ.ตร.ระบุหน้าตามือบึ้มหล่อน้องๆ ณเดชน์ คูกิมิยะ พระเอกชื่อดัง และเมื่อสอบพยานปากเอกเป็นโชเฟอร์แท็กซี่เผยรับ 2 มือระเบิดมาจากซอยรางน้ำและมาส่งจุดเกิดเหตุ ตามที่เคยเสนอข่าวไปนั้น

สั่งคุมเข้ม 100 จุดเสี่ยง

    ความคืบหน้า เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 5 ก.พ. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร. และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พร้อมด้วยพล.ต.อ.อภิชัย ธิอามาตย์ ผบก.ทท. พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท. นำกำลังตำรวจท่องเที่ยว และตำรวจกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน ออกตรวจบริเวณทางเดินสกายวอล์ก ระหว่างแยกราชประสงค์ไปถึงแยกชิดลม แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม. เพื่อสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว หลังเกิดเหตุระเบิดบริเวณทางเชื่อมสถานีรถไฟฟ้า

พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า นำกำลังตำรวจออกตรวจบริเวณทางเดินสกายวอล์กเชื่อมระหว่างสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสชิดลมและสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยาม ระหว่างแยกราชประสงค์ไปถึงแยกชิดลม ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เพื่อสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว หลังเกิดเหตุระเบิดบริเวณทางเชื่อมสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยาม โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเพิ่มการตรวจตราอย่างเข้มข้นบริเวณจุดเสี่ยงกว่า 100 แห่ง ในพื้นที่กทม. ซึ่งจะจัดตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ รวมถึงตำรวจท้องที่ประจำตามจุดต่างๆ เพื่อเฝ้าระวังเหตุและพร้อมขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของภาคเอกชในการสุ่มตรวจบุคคลและสิ่งของต้องสงสัย ซึ่งจากการข่าวยังไม่มีรายงานเหตุร้าย แต่ตำรวจก็ไม่ประมาท สำหรับเหตุระเบิดที่ผ่านมาเชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวาย จึงขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก เนื่องจากตำรวจเพิ่มมาตรการอย่างเข้มข้นแล้ว 

คาดมือบึ้มกบดานอยู่รอบกรุง

พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวอีกว่า ส่วนความคืบหน้าในการติดตามตัวคนร้ายลอบวางระเบิด ขณะนี้ชุดสืบสวนกำลังเร่งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุ โดยย้อนหลังไปตั้งแต่ช่วงก่อนเกิดเหตุ เพื่อหา จุดที่ผู้ต้องหาขึ้นรถไปจนถึงต้นทาง ขณะเดียวกันตำรวจเร่งตรวจสอบและเฝ้าระวังกลุ่มต้องสงสัยมากกว่า 3 กลุ่ม ซึ่งเคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธและวัตถุระเบิดในการก่อเหตุ รวมถึงนำภาพจากกล้องวงจรปิดมาเปรียบเทียบกับผู้ต้องหาตามหมายจับต่างๆ ที่มีอยู่ในทุกคดี เมื่อพิสูจน์ทราบแล้วว่าคนร้ายสังกัดอยู่กลุ่มใดก็จะสามารถรู้ได้ว่าการก่อเหตุในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนคืออะไรต่อไป ซึ่งตำรวจมีประวัติข้อมูลของกลุ่มต่างๆ อยู่แล้ว แต่ยังไม่ทราบตัวคนร้าย 

พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวต่อว่า สำหรับประเด็นการก่อเหตุเป็นไปตามที่พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่าเกี่ยวข้องกับเป้าหมายทางการเมือง ส่วนจะเป็นกลุ่มใดนั้นเป็นหน้าที่ของฝ่ายสืบสวนดำเนินการ ทั้งนี้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กำชับให้ดูแลรักษาความปลอดภัยบริเวณจุดเสี่ยงที่มีประชาชนอยู่จำนวนมาก โดยเฉพาะจุดที่เป็นพื้นที่เชิงสัญลักษณ์ เพื่อไม่ให้คนร้ายสร้างสถานการณ์ได้อีก ขณะนี้ยังไม่ทราบตัวคนร้ายที่ชัดเจน แต่เชื่อว่ายังหลบหนีอยู่พื้นที่โดยรอบกทม. ส่วนกระแสข่าวที่ว่าคนร้ายหลบหนีไปกบดานแถวภาคใต้นั้น ไม่เป็นความจริง

"เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานอยู่ระหว่างตรวจสอบลายนิ้วมือแฝงที่พบบริเวณจุดเกิดเหตุอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องใช้เวลาเนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีทั้งร่องรอยเก่าและรอยใหม่ ทำให้ต้องตรวจสอบรอยที่ชัดที่สุดไปจนถึงรอยที่จางที่สุด เพื่อมาเทียบเคียงกับฐานข้อมูลที่มีอยู่เป็นจำนวนมากถึง 90 ล้านคน และถึงขณะนี้ยังไม่สามารถเทียบเคียงกับรอยนิ้วมือของบุคคลใดได้ อีกทั้งเหตุการณ์ดังกล่าวตำรวจไม่สามารถเก็บดีเอ็นเอของคนร้ายไว้ใช้เป็นหลักฐาน โดยจากการวิเคราะห์คาดว่า ผู้ก่อเหตุมีความชำนาญในการลงมือพอสมควร น่าจะมาดูลาดเลาก่อนหลายครั้ง เพราะไม่เช่นนั้นคงไม่มีทางรู้จุดได้อย่างแน่ชัดเช่นนี้"โฆษกตร.กล่าว

ด้านพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผบ.ตร. กล่าวถึงกระแสข่าวเจ้าหน้าที่จับกุม ผู้ต้องหาคดีวางระเบิดแล้วว่า เป็นเพียงกระแสข่าว ขณะนี้ยังไม่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนที่ถูกออกหมายจับได้ แต่ยืนยันว่าชุดสืบสวนกำลังเร่งติดตามตัวคนร้ายอย่างเต็มที่ โดยมั่นใจว่าจะได้ตัวมาดำเนินคดีแน่นอน 

น.1 ชี้ดินระเบิดไม่เหมือนมีนบุรี

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พร้อมรองผบช.น. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ประชุมความคืบหน้าคดี โดยพล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวภายหลังการประชุมว่า ยืนยันเจ้าหน้าที่ออกหมายจับตามภาพคนร้ายที่ชัดเจน ส่วนชื่ออยู่ระหว่างดำเนินการ พร้อมยืนยันยังไม่มีการจับกุมคนร้าย แต่ถ้าจะเชิญตัวมาซักถามอีกเรื่องหนึ่ง 

เมื่อถามถึงความเชื่อมโยงเกี่ยวกับกลุ่ม ผู้ต้องสงสัยพื้นที่มีนบุรี พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า เป็นอย่างที่เคยบอกไปครั้งแรกคือยังห้าสิบห้าสิบ เพราะที่มีนบุรีใช้ปลอกระเบิดไปป์บอมบ์เหมือนกับท่อน้ำ มีฝาปิดและมีชนวน ความกว้าง 10 ซ.ม. สูง 20 ซ.ม. ซึ่งคล้ายกับจุดเกิดเหตุบริเวณหน้าห้างสยามพารากอน ส่วนประกอบอื่นๆ ที่มีนบุรีใช้ดินเทา แต่ที่เกิดเหตุล่าสุดเป็นดินดำ อีกทั้งส่วนผสมทางเคมีก็ไม่เหมือนกัน ก็คือวิธีการทำไม่เหมือนกัน

"นครบาลไม่เคยระบุว่าเกี่ยวข้องกับการเมืองหรือไม่ แต่นครบาลยืนยันให้ว่ากันไปตามหลักฐาน ส่วนจะระบุได้ว่าเกี่ยวข้องกับการเมืองหรือไม่ ก็อยู่ที่เมื่อจับกุมผู้ต้องหาได้ ต้องพาดพิงและยืนยันก่อน ส่วนจะมีการออกหมายจับเพิ่มเติมหรือไม่ ยืนยันตามหลักฐานให้ชัดเจนกว่านี้อีก ตามความเชื่อของผมเชื่อว่าคงไม่ทำกัน 2 คน" ผบช.น.กล่าว

เร่งเทียบกับ 20 คดีเก่า

เมื่อถามว่าเชิญผู้ต้องสงสัยมาสอบปากคำไปแล้วเท่าไร พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า บอกไม่ได้ เพราะการดำเนินการครั้งนี้ดำเนินการโดยอาศัยอำนาจตามกฎอัยการศึกและป.วิอาญา ซึ่งเป็นความลับของราชการ แต่ยืนยันไม่เคยไประบุว่ากลุ่มใดมาเกี่ยวข้อง และเราเปรียบเทียบ 20 กว่าคดี ไม่ใช่คดีเดียว ส่วนการพิสูจน์ว่าผู้ก่อเหตุทั้ง 2 คนเป็นใครนั้น ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ

เมื่อถามอีกว่าภาพชัดขนาดนี้ แต่ยังไม่สามารถระบุชื่อได้ใช่หรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า ขั้นตอนต้องมีกระบวนการ ต้องไปฟ้องศาล ซึ่งตามกระบวนการรวบรวมหลักฐานต้องมีพยานสืบจนสิ้นสงสัย ไม่ใช่อยู่ดีๆ รับสารภาพ 

เมื่อถามต่อว่าเป็นอดีตทหารพรานและเคยก่อเหตุที่มีนบุรีหรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า อยู่ระหว่างดำเนินการ การดำเนินการต่างต้องระมัดระวังที่สุด

ด้านพล.ต.ต.จิตติ รอดบางยาง รองผบช.น. กล่าวว่า รูปตามที่ปรากฏออกไปตามสื่อมวลชนนำไปเผยแพร่ หากประชาชนท่านใดรู้เบาะแสโทร.แจ้งที่ 0-2354-8226 โดยจะมีรางวัลนำจับให้ตามระเบียบของราชการ 

จับตาบึ้มซ้ำช่วงร่างรธน.เสร็จ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้โชว์รูปภาพผู้ต้องสงสัย 2 คน ที่กล้องวงจรปิดบันทึกไว้ได้ ซึ่งเป็นภาพชาย 2 คน คนแรกสวมเสื้อขาวแขนยาวและกางเกงขายาวสีดำ ส่วนอีกคนสวมเสื้อขาวแขนสั้นและกางเกง ขายาวสีดำ ขณะกำลังเดินบนฟุตปาธในย่านสยามสแควร์ โดยกล้องวงจรปิดของร้านเซเว่น อีเลฟเว่นสามารถจับภาพไว้ได้ ซึ่งทั้ง 2 คนไม่ได้ใส่หมวกปิดบังใบหน้า ทำให้เห็นเค้าโครงหน้าค่อนข้างชัดเจน 

รายงานข่าวแจ้งว่า จากการข่าวของตำรวจสันติบาลยังมีการแจ้งเตือนและให้เฝ้าระวังเหตุรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นอีก ช่วงระหว่างปลายเดือนมี.ค.-ต้นเดือนเม.ย. เพราะช่วงดังกล่าวมีความเคลื่อนไหวทางการเมืองเกี่ยวกับการร่างรัฐธรรมนูญที่ดำเนินการแล้วเสร็จ ทำให้ เจ้าหน้าที่กำลังเฝ้าจับตากลุ่มฮาร์ดคอร์และกลุ่มใต้ดินที่อาจเคลื่อนไหว ซึ่งมีอยู่หลายกลุ่มที่เกี่ยวข้องระเบิดไปป์บอมบ์ โดยในจุดนี้จะเป็นตัวเชื่อมโยงไปยังเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นรวม 21 คดี ตั้งแต่ปี 2553-2557 

รายงานข่าวแจ้งว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. มีหนังสือคำสั่งราชการด่วนที่สุดถึง ผบช.น.,ภ.1-9,ศชต.,ก,ตชด.,ศปก.ตร. ให้ทุกหน่วยจัดกำลังดูแลความสงบเรียบร้อยอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในพื้นที่สำคัญที่มีประชาชน นักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก เพราะอาจตกเป็นเป้าหมายในการก่อเหตุหรือสร้างสถานการณ์ความวุ่นวาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้างสรรพสินค้า สถานีขนส่ง สถานีรถไฟฟ้า สวนสาธารณะสำหรับออกกำลังกาย และชุมทางรถโดยสารขนาดใหญ่ เช่น อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ห้าแยกลาดพร้าว ศูนย์ค้าสยาม สนามกีฬา วงเวียนใหญ่ รังสิต ฯลฯ ตลอดจนท่าเรือและสถานที่สำคัญทุกแห่งในพื้นที่รับผิดชอบ

"บิ๊กต๊อก"ปัดยื้ออัยการศึก

ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงเหตุระเบิดว่า การกระทำดังกล่าวเกี่ยวข้องกับบุคคล 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มรัฐบาล 2.กลุ่มตรงข้ามกับรัฐบาล และ3.กลุ่มขัดแย้งของกลุ่มเอกชน ตอนนี้มีหลายคนวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลใช้เหตุการณ์นี้เป็นเครื่องมือในการประกาศไม่ยกเลิกกฎอัยการศึกใช่หรือไม่ เพราะที่ผ่านมารัฐบาลประกาศมาโดยตลอดว่ายังไม่มีความจำเป็นในการยกเลิก และอีกสิ่งที่ยืนยันว่าไม่สมควรมาบอกรัฐบาลเป็นคนทำ เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้แล้วจะทำให้ส่งผลกกระทบต่อการท่องเที่ยว และไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ ประกอบกับการประกาศมาตลอดยังไม่ถึงช่วงเวลายกเลิกกฎอัยการศึก และไม่ใช่ช่วงเวลาตัดสินใจว่าจะเลิกหรือไม่เลิก ดังนั้นไม่ใช่จังหวะ ไม่มีความจำเป็นที่รัฐบาลต้องสร้างสถานการณ์ เพื่อความชอบธรรมในการประกาศกฎอัยการศึก

"สิ่งที่ผมพูด พูดในฐานะรัฐบาลและคสช. ที่ต้องหาข้อมูลมาสนับสนุนเหตุผลให้คนเชื่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่รัฐบาลเป็นผู้กระทำ แต่ยากที่คนที่เชื่อ เพราะคนก็ต้องบอกว่าคุณเป็นรัฐบาลก็ต้องพูดอย่างนี้ แต่สิ่งที่ผมให้เหตุผลมาข้างต้น คุณเชื่อผมหรือไม่ ถ้าเชื่อมันก็จะเหลือแค่ 2 กลุ่ม คือ ที่ผมคิดในฐานะที่ผมดูแลคสช. กลุ่มตรงข้ามกับรัฐบาล และกลุ่มความขัดแย้งธุรกิจเอกชน นั้นเป็นสิ่งที่ฝ่ายสอบสวนต้องสอบสวนข้อเท็จจริง" พล.อ.ไพบูลย์กล่าว 

พล.อ.ไพบูลย์กล่าวต่อว่า สิ่งที่ตนคิดต่อคือเมื่อจำกัดวงเข้ามา 2 กลุ่มแล้ว ต้องดูว่าเอกชนมีศักยภาพเพียงพอในการหามือระเบิดแบบนี้มาก่อเหตุ ซึ่งอาจจะมีหรือไม่มี โดยเป็นเรื่องของการสอบสวน ส่วนอีกกลุ่มคือกลุ่มตรงข้ามรัฐบาล ซึ่งตอนนี้เริ่มสืบสวนจากวัตถุที่นำมาประกอบ แค่นี้ก็เริ่มมีเหตุผล คนที่มีหน้าที่ก็รับผิดชอบ ซึ่งตอนนี้ตำรวจนครบาลกำลังดำเนินการสืบสวนสอบสวน ซึ่งหากมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับคดีเก่าของดีเอสไอก็จะดำเนินกันต่อไป 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!