WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

วันที่ 04 ธันวาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8772 ข่าวสดรายวัน


'นพพร'เผ่นเขมร อีกเหยื่อ เสี่ยน้ำแข็งตลาดไท 
โดนทีมบิ๊กกิ๊กขู่ ให้เลิก-กิจการ! ดึงพวกทำแทน หมายจับเพิ่ม 3 เสี่ยรถมือสอง ฐานจ้างทวงหนี้


หนีแล้ว - หลักฐานนายนพพร ศุภพิพัฒน์ ผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 เมื่อครั้งเดินทางกลับผ่าน ด่านตม.ดอนเมืองด้วยเครื่องบินส่วนตัว เมื่อวันที่ 27 พ.ย. ล่าสุดมีข่าวหลบหนีออกไปกัมพูชาแล้ว

    เสี่ย "นพพร" เผ่นออก นอกแล้วผบช.น.เผยหนีผ่านด่านบ้านผักกาด จันทบุรี ข้ามไปซุกฝั่งเขมร ตั้งแต่เช้าตรู่ 1 ธ.ค. ระดม 3 ทีมออกไล่ล่าตัว โผล่อีกเหยื่อแก๊งอุ้ม คราวนี้เป็นเสี่ยโรงน้ำแข็งย่านตลาดไท โดนข่มขู่แอบ-อ้างเบื้องสูง ให้เลิกกิจการแล้วให้พรรคพวกทำแทน ทำให้เสียค่าสัมปทาน 24 ล้าน ก่อนรุดพบตร.ให้ข้อมูลเอาผิดซ้ำ ศาลออกหมายจับอีก 3 พัวพันแก๊งอุ้ม เป็นนักธุรกิจขายรถยนต์มือสอง จ้างวานทวงหนี้ที่พระโขนง อีกคนเป็นผู้ติดต่อทีมอุ้ม ด้านโฆษกตร. ระบุพ.ต.ท.คนสนิทบิ๊กกิ๊กยังไม่รายงานตัว

สั่งตามพ.ต.ท.สนิทพงศ์พัฒน์

       เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งช าติ (ตร.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร. รรท.ผบช.ก. และโฆษกตร. กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผบช.ก. และพวก ในความผิดหลายกรรมหลายวาระ ทั้งซื้อขายตำแหน่งในบช.ก. ใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ เรียกรับสินบนน้ำมันเถื่อน และความผิดตามมาตรา 112 พร้อมล่าตัวนายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือเสี่ยโจ้ ผู้ต้องหาลักลอบค้าน้ำมันเถื่อนในภาคใต้ รวมถึงนายนพพร ศุภพิพัฒน์ หรือเสี่ยนิค เศรษฐีหมื่นล้านและติดอันดับ 31 ของไทย ฐานจ้างวานให้อุ้มบังคับลดหนี้ ว่าเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจับเร่งติดตามตัวนายนพพร มาดำเนินคดี ส่วนสาเหตุที่นายนพพรติดหนี้ 120 ล้านบาทและต้องจ้างวานทีมอุ้มไปบังคับให้ลดหนี้นั้น มาจากก่อนหน้านี้นายนพพรและนายบัณฑิต โชติวิทยะกุล ซึ่งเป็นผู้เสียหาย ร่วมลงทุนธุรกิจกัน ต่อมานายบัณฑิตต้องการเงินที่ร่วมลงทุนคืน แต่นายนพพรต้องการจ่ายเงินคืนเพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้น จึงมีการต่อรองกัน จากนั้นนายนพพรจึงเรียกใช้บริการกลุ่มทวงหนี้ดังกล่าว 

       พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวอีกว่า ส่วนการติดตามตัวพ.ต.ท.ทรงรักษ์ ขุนศรี รองผกก.6 บก.ป. นายตำรวจคนสนิทพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์นั้น ขณะนี้ยังไม่ติดต่อเข้ารายงานตัว อยู่ระหว่างการประสานและออกหมายเรียกไปแล้ว 2 ครั้ง โดยส่งหมายเรียกไปตามภูมิลำเนาบ้านเกิดของพ.ต.ท.ทรงรักษ์ รวมทั้งประชา สัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชน โดยให้มารายงานตัวในวันที่ 9 ธ.ค.นี้ 

เสี่ยนพพรเผ่นซุกเขมรแล้ว

     ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. กล่าวถึงการติดตามตัวนายนพพรว่า รับรายงาน นายนพพรหลบหนีออกนอกประเทศไปตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. เวลา 05.00 น. โดย เดินทางจากด่านบ้านผักกาด อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ข้ามไปยังประเทศกัมพูชา โดยเดินเท้าผ่านเส้นทางธรรมชาติ ซึ่งคาดว่าจะเดินทางต่อไปประเทศที่สาม เบื้องต้นจัดเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน 3 ทีม ออกติดตามจับกุมนาย นพพร โดยให้พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. เป็นหัวหน้าของศูนย์สืบสวน ส่วนพล.ต.ต.ชวลิต ประสพศิลป ผบก.น.5 เป็นหัวหน้าชุดสืบสวน บก.น.5 และชุดสืบสวน สน.วัดพระยาไกร เร่งติดตามจับกุมผู้ต้องหา และหากเดินทางกลับมาในประเทศ ไทยให้จับกุมมาดำเนินคดีทันที


เหยื่อโผล่อีก - นายไตรสรณ์ ธีระตระกูล อดีตเจ้าของสัมปทานโรงน้ำแข็งตลาดไท เข้าให้ข้อมูลบก.น.5 เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. กรณีถูกเครือข่ายเดียวกับนายณัฐพล สุวะดี ข่มขู่ให้หยุดทำธุรกิจน้ำแข็งเพื่อหลีกทางให้อีกคน โดยแจ้งความไว้สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี

โผล่อีกเหยื่อแก๊งบิ๊กกิ๊ก-คดีอุ้ม

       พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวอีกว่า ส่วนการขออนุมัติอออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มคดีทวงหนี้ในพื้นที่ สน.พระโขนง พนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติศาลจังหวัดพระโขนงออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 2 ราย ประกอบด้วย นายปรีชา ดาราไตร เป็นเจ้าหนี้ที่จ้างวาน และนายไพเชษฐ์ เมธิสริยพงศ์ เป็นเจ้าของบ้านที่อุ้ม ผู้เสียหายมาเจรจา

พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้เมื่อตรวจสอบการก่อเหตุของกลุ่มผู้ต้องหาในพื้นที่อื่น พบข้อมูลว่ามีผู้เสียหายไปแจ้งความไว้ที่สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยถูก ก่อเหตุในลักษณะเดียวกับพื้นที่สน.พระโขนง และสน.วัดพระยาไกร เบื้องต้นจะเชิญ ผู้เสียหายมาสอบปากคำเพิ่มเติมที่บช.น. ซึ่งถ้าสอบสวนพบเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ต้องหาจริงจะดำเนินคดีด้วย

เสี่ยโรงน้ำแข็งให้ข้อมูล

ต่อมานายไตรสรณ์ ธีระตระกูล อดีตเจ้าของสัมปทานโรงน้ำแข็งตลาดไท เดินทางเข้าพบพล.ต.ต.ภัครพงษ์ พงษ์เภตรา รองผบช.น. พร้อมด้วยพล.ต.ต.ชวลิต ประสพศิลป พ.ต.อ.ชุมพล พุ่มพวง รองผบก.น.5 เพื่อให้ข้อมูลนำมาประกอบพฤติกรรมการ กระทำผิดของกลุ่มผู้ต้องหาอุ้มทวงหนี้ โดยนายไตรสรณ์ถูกก่อเหตุลักษณะเดียวกันใน พื้นที่สภ.คลองหลวง ด้วยการข่มขู่ แอบอ้างสถาบันและบังคับไม่ให้ทำธุรกิจ มูลค่าความเสียหาย 24 ล้านบาท 

นายไตรสรณ์กล่าวก่อนการเข้าให้ปากคำว่า บช.น.เชิญตัวมาสอบปากคำ เพื่อขอข้อมูลกรณีที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าว โดยตนได้ประมูลสัมปทานขายน้ำแข็งในตลาดไทอย่างถูกต้องจากเจ้าของเดิม โดยจ่ายเงินเพื่อประมูลและต่อค่าสัมปทานเป็นเงิน 24 ล้านบาท ตั้งแต่เดือนมิ.ย.2556 และเปิดร้านขายน้ำแข็งอยู่ใกล้ตลาดไท

นายไตรสรณ์กล่าวอีกว่า จากนั้นกลุ่ม ผู้ต้องหาคือนายชากานต์ ภาคภูมิ นำกลุ่มคนประมาณ 4-5 คน เข้ามาพูดคุย พร้อมแอบอ้างเบื้องสูงและข่มขู่ให้เลิกกิจการ ทำให้ต้องตัดสินใจเลิกขายน้ำแข็งในช่วงต้นปี 2557 ก่อนกลุ่มผู้ต้องหาได้นำพรรคพวกเข้ามาดำเนินกิจการแทน จากนั้นตนตัดสินใจเข้าแจ้งความและบันทึกประจำวันไว้ที่สภ. คลองหลวง เพื่อเป็นหลักฐาน 


ปรีชา ดาราไตร - ไพเชษฐ์ เมธิสริยพงศ์ 

ออกหมายจับคดีทวงหนี้อีก 2

ที่ศาลจังหวัดพระโขนง พนักงานสอบ สวน สน.พระโขนง ขออนุมัติหมายจับ ผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 2 คน ประกอบด้วย นายปรีชา ดาราไตร อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4/876 หมู่ 7 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม. เป็นนักธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายรถยนต์มือสอง และเป็นผู้จ้างวานกลุ่มบุคคลที่ถูกจับกุม ก่อนหน้านี้ให้ไปทวงหนี้ โดยมีความผิดในข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ จ้างวานใช้ให้ผู้อื่นกระทำการร่วมกันทำร้ายผู้อื่น ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดไม่กระทำการใด หรือยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพชื่อเสียง หรือทรัพย์ของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือยอมต่อสิ่งนั้นโดยมีอาวุธ โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป

ส่วนอีกคนคือ นายไพเชษฐ์ เมธิสริยพงศ์ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 102/1 หมู่ 9 แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม. เป็นเจ้าของบ้านที่อุ้มผู้เสียหายมาเจรจาและเป็น ผู้ติดต่อจ้างวานกลุ่มผู้ต้องหาแก๊งอุ้ม โดยมีความผิดในข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ร่วมกันทำร้ายผู้อื่นร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดไม่กระทำการใด หรือยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพชื่อเสียง หรือทรัพย์ของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือยอมต่อสิ่งนั้นโดยมีอาวุธ โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คนมาดำเนินคดี ล่าสุดนายปรีชา ติดต่อมายัง สน.พระโขนง เพื่อขอ เข้ามอบตัว แต่ยังไม่ระบุวันเวลาหรือสถานที่ที่จะเข้ามอบตัว

สั่งจับเพิ่ม 1-ร่วมทีมขู่ลดหนี้

รายงานข่าวแจ้งว่า พนักงานสอบสวน สน.วัดพระยาไกร ได้ขออนุมัติศาลทหารออกหมายจับนายเจี๊ยบ ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง เป็นชายไทยตามภาพสเกตช์ เลขที่หมายจับ 139/2557 ลงวันที่ 3 ธ.ค.2557 ในข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ จ้างวานใช้ให้ผู้อื่นกระทำการร่วมกันทำร้ายผู้อื่น ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกาย เสรีภาพชื่อเสียง หรือทรัพย์ของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายจน ผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้นไม่กระทำการนั้นหรือยอมต่อสิ่งนั้นโดยมีอาวุธ โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป

เบื้องต้นทราบว่า นายเจี๊ยบถูกซัดทอดจากผู้ต้องหาที่ถูกจับไปก่อนหน้านี้ว่า เป็นตัวกลางแนะนำนายนพพร ให้รู้จักกับนายชากานต์ โดยนายเจี๊ยบเป็นผู้นำเงินสดจำนวนหลายแสนบาทมาให้นายชากานต์ เพื่อเป็นค่าจ้างให้กับแก๊งไกล่เกลี่ยหนี้ อีกทั้งยังคาดเป็นผู้ที่ ขับรถยนต์ยี่ห้อพอร์ช นำกลุ่มผู้ต้องหาไปหานายบัณฑิต โชติวิทยะกุล ในวันเกิดเหตุ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนกำลังเร่งติดตามตัวนายเจี๊ยบมาดำเนินคดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเครือข่ายของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ทั้งคดีซื้อขายตำแหน่งในบช.ก. ใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ เรียกรับสินบนน้ำมันเถื่อน และความผิดตามมาตรา 112 รวมถึงแก๊งอุ้มบังคับลดหนี้และทวงหนี้ เบื้องต้นถูกเจ้าหน้าที่ออกหมายจับแล้วรวม 26 คน มีทั้งข้าราชการตำรวจและพลเรือนที่ เข้ามาเกี่ยวข้อง

อธิบดีแจงเด้งบิ๊กดีเอสไอ

ที่ทำเนียบรัฐบาล นางสุวณา สุวรรณจูทะ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณีพล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม มีคำสั่งย้ายนายเพิ่มพูน พึ่งประสิทธิ์ รองอธิบดีดีเอสไอ ไปเป็นรองอธิบดีกรมคุมประพฤติ เนื่องจากพบมีปัญหาในการทำงานและมีเจ้าหน้าที่เข้าไปพัวพันกับน้ำมันเถื่อนว่า เรื่องนี้อยู่ที่กระทรวง เมื่อถามว่าจะพิจารณาแต่งตั้งบุคคลขึ้นมาแทนหรือยัง นายสุวณา กล่าวว่า อยู่ที่ผู้ใหญ่พิจารณา

วันเดียวกัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม กล่าวถึงการจับกุมพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องของบุคคล ไม่ใช่เรื่องขององค์กร เพราะในองค์กรตำรวจมีทั้งคนดีและคนไม่ดี สำคัญคือต้องมีคนดีมากกว่าคนไม่ดี ไม่เช่นนั้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะอยู่ไม่ได้ 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!