- Details
- Category: กรมตำรวจ
- Published: Tuesday, 22 September 2015 09:48
- Hits: 16792
เอกนัฏโผล่โต้แทน ป้อง'ตั๊น' สมยศชี้ยังไงกวืด คุณสมบัติไม่เหมาะตั้งแต่แรก ยันรู้อยู่แล้วว่ามีหมายจับติดตัว เบรกกระแสตร.ติดโบดำต้าน! บิ๊กป้อมปัดไม่มีส่วนร่วมรู้เห็น
'เอกนัฏ' โผล่โต้แทน-ป้อง 'ตั๊น-จิตภัสร์'ชี้มีสิทธิ์สมัครเข้าตำรวจระบุเป็นคนมีความรู้ความสามารถ ด้าน "สมยศ"ยันเอง คุณสมบัติ "ตั๊น-จิตภัสร์" บรรจุเป็นตำรวจไม่ได้ วอนเพื่อนตำรวจไม่ต้องออกมาต่อต้าน เหตุยังต้องผ่านการพิจารณาอีกหลายขั้นตอน โดยเรื่องยังส่งมาไม่ถึง เผยไม่ต้องห่วง-ผู้บังคับบัญชาทราบดีมีหมายจับติดตัวอยู่ ส่วนประวุฒิระบุยังอยู่ในขั้นตอนของบช.น. ชี้ตั๊นไม่จำเป็นต้องเดินทางมาถอดถอนชื่อที่ตร. ด้านประวิตรปัดไม่รู้เรื่อง เป็นหน้าที่ตร.รับ หรือไม่ ยันไม่เกี่ยวสนิทกับตั๊น ขณะที่บิ๊กต๊อกเผยตั๊นมีสิทธิสมัครตร. เหตุจบการศึกษาระดับที่ดี งงผิดตรงไหนเคยเคลื่อนไหวกับกปปส.ถึงไม่เหมาะสม ชี้คงต้องแก้ระเบียบ-ประกาศห้าม กปปส.กับนปช.สมัครข้าราชการ
วันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9064 ข่าวสดรายวัน
จากกรณีน.ส.จิตภัสร์ กฤดากร หรือตั๊น แกนนำ กปปส. สมัครเข้ารับราชการตำรวจสังกัดฝ่ายอำนวยการ 191 โดยรอได้รับตำแหน่งเป็นรองสารวัตร ซึ่งบช.น.อ้างมีความจำเป็น เนื่องจากขาดผู้มีความรู้ความสามารถด้านการประสานงานกับต่างประเทศ ต่อมาน.ส.จิตภัสร์ยอมถอนตัวเลิกสมัครเป็นตำรวจ หลังถูกต่อต้านหนัก โดยตำรวจรณรงค์ผูกริบบิ้นสีดำที่เสาวิทยุสื่อสาร-กระจกรถ ขณะที่ผบ.ตร.ชี้แจงยังไม่ได้บรรจุ โดยตำรวจสังกัด 191 ขาดแคลนข้าราชการ จึงเสนอบรรจุแต่งตั้งบุคคลภายนอกเข้าเป็นข้าราชการตำรวจตามคุณวุฒิขาดแคลน โดยเป็นผู้คัดเลือกเอง ด้านผู้การ 191 เผยน้องตั๊นสมัครมาตามขั้นตอนสอบสัมภาษณ์และคุณสมบัติผ่านแล้ว แต่เตรียมถอนตัวแล้วหลังถูกต้านหนัก ระบุเสียดายความสามารถภาษาอังกฤษที่จะนำมาช่วยงาน เพื่อเตรียมความพร้อมสู่เออีซี ตามที่เคยเสนอข่าวไปนั้น
สำหรับ ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 21 ก.ย. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ไม่ทราบ เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของตำรวจว่าจะรับหรือไม่รับ ตำแหน่ง ร.ต.ต. ไม่ได้เกี่ยวข้องกับที่ประชุมก.ตร. ซึ่งเป็นเรื่องของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการมองว่าน.ส.จิตภัสร์ มีความใกล้ชิดกับพล.อ.ประวิตร รองนายกฯ กล่าวว่า "ไม่เกี่ยวเลย ผมไม่เกี่ยวและไม่รู้ด้วยซ้ำ เป็นเรื่องของตำรวจว่าต้องการบุคลากรประเภทใด และก็เปิดให้คนมาสมัคร จะได้หรือไม่ยังไม่รู้เลย เพราะเขามีคณะกรรมการคัดสรรที่ดำเนินการอย่างถูกต้อง จะรับหรือไม่รับเป็นเรื่องของตำรวจทั้งหมด ดังนั้น ทุกคนมีสิทธิ์ไปสมัคร จะได้หรือไม่ได้ก็อีก เรื่องหนึ่ง"
วันเดียวกัน พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า สำหรับตนคิดว่าเรื่อง ดังกล่าวเป็นสิทธิของน.ส.จิตภัสร์ ที่สามารถดำเนินการตามขั้นตอนที่ประกาศรับสมัคร เพื่อหาบุคคลจากหน่วยงานราชการ อีกทั้งน.ส.จิตภัสร์ ก็จบการศึกษาในระดับที่ดี จึงมีสิทธิเข้ารับสมัคร อย่างไรก็ตามยืนยันว่าไม่รู้จักกับน.ส.จิตภัสร์ เป็นการส่วนตัว
พล.อ.ไพบูลย์กล่าวต่อว่า ต้องขอถามกลับว่ากรณีดังกล่าวมีความผิดตรงไหน หากระบุว่าเคยเคลื่อนไหวกับกลุ่มกปปส. จึงทำให้เกิดความไม่เหมาะสม ก็คงต้องกลับไปแก้ไขระเบียบราชการและให้มีการประกาศที่ชัดเจนว่าใครที่เคยเป็นแนวร่วมของกลุ่มนปช.หรือ กปปส. หรือฝักใฝ่ฝ่ายทางการเมืองก็ให้ ห้ามสมัครเป็นข้าราชการ โดยในฐานะรมว.ยุติธรรมเห็นว่ากฎหมายควรถูกใช้อย่าง เท่าเทียมกันทุกคน อะไรที่เป็นสิทธิของประชาชนก็ต้องให้ความเป็นธรรม ซึ่งกรณีดังกล่าวเมื่อเปิดรับสมัคร หน่วยงานก็มีหน้าที่กลั่นกรองตามกฎเกณฑ์จนผ่านเข้ามาได้ หากบุคคลนั้นมีสิทธิก็ต้องสามารถทำได้ แต่ถ้าพบภายหลังมีการเข้าไปมีพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเมืองก็ค่อยปลดตามกฎระเบียบที่มี
"กรณีนี้ไม่ใช่การเชิญให้มาเป็นเลขา ฝ่ายการเมืองหรือเชิญมาเป็นเลขานุการ หรือ ผู้ช่วยรัฐมนตรีนั่งหน้าสำนักงาน ซึ่งอย่างนี้ไม่เหมาะสม แต่การที่เป็นบุคคลที่มีการศึกษาดี มีสิทธิรับสมัครไปรับสมัครตามระเบียบก็ต้องให้สิทธิเขาไป หากต่อไปทำผิดกฎก็ค่อยปลดออก ผมไม่อยากพูดถึงข้าราชการหลายรายที่เห็นกัน ทั้งตำรวจหรือพยาบาล บางคนที่มีแนวความคิดฝักใฝ่การเมือง แต่ก็ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ได้ เรื่องของสิทธิอยากให้ความเป็นธรรมอย่างเท่าเทียม ขณะที่เรื่องผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการถึงที่สุดเช่นกัน" พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว
ที่ตร. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาซึ่งดำรงตำแหน่งผบ.ตร. มีหลายหน่วยงาน ในสังกัดได้ร้องขอให้บรรจุแต่งตั้งบุคคลภายนอกตามวุฒิขาดแคลน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้มีความรู้ความสามารถทางด้านภาษา เนื่องจากตร.ต้องเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เมื่อตนได้อนุมัติหลักการหรือให้ดำเนินการ ก็เป็นหน้าที่ของหน่วยงานนั้นจะไปดำเนินการสรรหา หรือรับสมัครบุคคลเข้ามาตามที่ร้องขอไว้ ซึ่งต้องดำเนินการไปตามขั้นตอนและระเบียบข้อบังคับทางกฎหมาย จะเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ส่วนกรณีนี้ยังไม่ได้หมายความว่า น.ส.จิตภัสร์ จะได้รับการบรรจุแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจ เพราะต้องผ่านขั้นตอนอีกมากคือ เมื่อผ่านการคัดเลือกของบก.สปพ.แล้ว ทางบก.สปพ.ต้องประมวลเรื่องผ่านผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นจนถึงผู้บัญชาการว่า น.ส.จิตภัสร์เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถหรือมีความเหมาะสมตามที่ต้องการหรือไม่ จากนั้นยังต้องผ่านการตรวจสอบด้านคุณสมบัติและประวัติว่าเป็นไปตามกรณีที่ร้องขอต่อตร.ไว้หรือไม่
ผบ.ตร. กล่าวต่อว่า ดังนั้นกรณีนี้เป็นเพียงขั้นตอนเริ่มต้นที่บก.สปพ.เริ่มดำเนินการคัดสรรหรือสรรหาบุคคล ขั้นตอนต่อไปต้องตรวจสอบคุณวุฒิและประวัติ จึงยังไม่ได้หมายความว่า น.ส.จิตภัสร์กำลังจะได้รับการบรรจุเป็นตำรวจ ทุกอย่างยังอีกไกล นอกจากนี้เมื่อผ่านทุกขั้นตอนทั้งหมดแล้ว สุดท้ายก็เป็นตนในฐานะผบ.ตร. ที่จะเป็นผู้เซ็นอนุมัติชื่อให้บรรจุแต่งตั้งน.ส.จิตภัสร์ หรือไม่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ใช่ขั้นตอนนี้ อย่าเพิ่งเข้าใจผิด
เมื่อถามถึงกระแสต่อต้านจากตำรวจทั่วประเทศ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า อย่าเพิ่งไปตัดสิน เพราะกรณีการเตรียมรับบรรจุน.ส. จิตภัสร์ เป็นข้าราชการตำรวจยังไม่ได้ส่งมาถึงตน จึงยังบอกไม่ได้ว่าต้องดำเนินการอย่างไร แต่ในฐานะผบ.ตร. จะใช้ดุลพินิจหากเรื่องนี้ถูกส่งมาถึง โดยจะยึดหลักระเบียบข้อบังคับตามกฎหมาย ตลอดจนความถูกต้องเหมาะสมแน่นอน ส่วนกรณีที่น.ส.จิตภัสร์ มีหมายจับนั้น ไม่ต้องห่วง เพราะเชื่อว่าหน่วยงานต้นสังกัดหรือผู้บังคับบัญชาทราบดี ต้องให้อิสระเขาทำงาน ตนเชื่อว่าทุกคนไม่กล้าทำอะไรที่ผิดหรือไม่ถูกต้อง คงไม่มีใครกล้าทำสิ่งเหล่านี้ แต่อยากฝากบอกถึงข้าราชการตำรวจว่าขั้นตอนยังไม่จบ
"ส่วนที่มีกระแสข่าวออกมาว่าเพื่อนข้าราชการตำรวจต่อต้านน.ส.จิตภัสร์ นั้น บางครั้งไม่ต้องออกมาต่อต้านแต่อย่างใด เพราะด้วยคุณสมบัติของเขาเอง ก็ไม่อาจที่จะรับการบรรจุแต่งตั้งได้ แต่ทุกอย่างต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกคน เมื่อผลออกมาอย่างไรก็ต้องตอบสังคมให้ได้ว่ายอมรับได้หรือไม่" ผบ.ตร.กล่าว
ด้านพล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร. และโฆษกตร. กล่าวว่า บช.น.เป็นหน่วยงานที่รับสมัคร โดยยังอยู่ระหว่างการดำเนินงานของบช.น. และยังไม่ได้เสนอมาตร. ดังนั้นน.ส.จิตภัสร์ ไม่จำเป็นต้องเดินทางมาขอถอดถอนชื่อที่ตร. ทั้งนี้การพิจารณาบรรจุบุคคลใดเข้าเป็นข้าราชการตำรวจ หากมีคุณสมบัติครบถ้วนก็สามารถบรรจุได้
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับขั้นตอนการรับสมัครข้าราชการตำรวจในสังกัดกองบังคับการ สายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ หรือ 191 ถูกประกาศในเว็บไซต์ ฝ่ายอำนวยการ 1 บก.อก.บช.น. เมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา เรื่องรับสมัครบุคคลภายนอกผู้มีวุฒิปริญญาโท ด้านรัฐศาสตร์ หรือการปกครอง เพื่อบรรจุแต่งตั้งเป็น รอง สว.ศูนย์รวมข่าว บก.สปพ. จำนวน 1 อัตรา ต่อมาวันที่ 18 ก.ย. เวลา 09.00 น. น.ส.จิตภัสร์ ได้เดินทางมาที่บช.น. เพื่อสอบสัมภาษณ์ในตำแหน่งดังกล่าว โดยมีตัวแทนจากฝ่ายอำนวยการ 9 ฝ่ายอำนวยการ 5 และฝ่ายอำนวยการ 1 เป็นกรรมการสอบสัมภาษณ์
ทั้งนี้ ในวันเดียวกันกับที่น.ส.จิตภัสร์ มาสอบสัมภาษณ์นั้น มีผู้เข้าสัมภาษณ์พร้อมน.ส.จิตภัสร์ อีก 2 ราย รายแรกเป็นน้องชายของนายตำรวจดังยศพล.ต.ท. มาสอบสัมภาษณ์เข้าดำรงตำแหน่ง รองสว.ฝอ.5 บก.อก.บช.น. และอีกรายลงตำแหน่ง ฝอ.9 บก.อก.บช.น. เป็นลูกสาวผกก.ในพื้นที่ภาคใต้ และผกก. ดังกล่าวเป็นเพื่อนร่วมรุ่นนรต. กับพล.ต.ท. รายดังกล่าว อย่างไรก็ตามขณะนี้ประกาศ รับสมัครไม่สามารถเปิดดูรายละเอียดได้ เนื่องจากปิดรับสมัครไปแล้ว จึงได้ถอนประกาศคำสั่งออกจากเว็บไซต์ดังกล่าว
ขณะที่นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศ โพสต์เฟซบุ๊ก "เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ (ขิง)" ถึงกรณีดังกล่าวว่า สมัยนี้น่าเป็นห่วงที่ข่าวลือถูกเผยแพร่นำมายํ้าซํ้าๆ อยู่บ่อยๆ ก็จะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นความจริง ส่วนข่าวจริงถ้าเผยแพร่ไปไม่ครบถ้วนข้อเท็จจริงก็อาจถูกบิดเบือนจากความเป็นจริง ตนเห็นข่าวของน.ส.จิตภัสร์ มาอาสาสมัครเข้ารับราชการเป็นตำรวจ ก็คิดว่าเป็นเรื่องปกติที่คนมีความรู้ ความสามารถ มีสิทธิ์ที่จะสมัครและได้รับการพิจารณาโดยใช้คุณสมบัติเท่าเทียมกับคนอื่น แต่กลับมีผู้ไม่ หวังดีพยายามปล่อยข่าวให้ร้ายโจมตี
นายเอกนัฏ ระบุว่า รู้ดีว่าข่าวลือทั้งหมดที่ถูกนำไปกล่าวหาตามสื่อออนไลน์ต่างๆ นั้น ไม่เป็นความจริง ที่ผ่านมาน.ส.จิตภัสร์ เป็นคนที่ประกาศตัวชัดเจน และเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายสู้ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติ ทิ้งความสบายส่วนตัวและต้องมาเปลี่ยนนามสกุล เพราะยึดมั่นในอุดมการณ์ ทุกวันนี้ก็ยังคงลงพื้นที่ร่วมกิจกรรมให้กำลังใจน้องๆ และคุณครูในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างต่อเนื่อง นี่เป็นข้อเท็จจริงที่ลบไม่ได้ และที่สมัครไปก็ต้องได้รับการพิจารณาคุณสมบัติตามขั้นตอนหลักเกณฑ์ ซึ่งก็ย่อมเป็นที่สนใจของสื่อมวลชนและสังคมอยู่แล้ว ดังนั้นใครที่ตั้งใจทำดีเพื่อประโยชน์ส่วนรวมช่วยกันให้กำลังใจ